เหรียญหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ รุ่นสุดท้าย+ตลับเงิน - webpra

ประมูล หมวด:เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520

เหรียญหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ รุ่นสุดท้าย+ตลับเงิน

เหรียญหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ รุ่นสุดท้าย+ตลับเงิน เหรียญหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ รุ่นสุดท้าย+ตลับเงิน
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ รุ่นสุดท้าย+ตลับเงิน
รายละเอียดเมืองปทุมธานี จัดเป็นเมืองที่มีพระเกจิอาจารย์ที่มีความเข้มขลังทางพุทธาคม มากมายหลายรูป เช่น หลวงปู่ช้าง วัดเขียนเขตต์, หลวงปู่เขียน วัดบ้านพร้าวนอก, หลวงพ่ออำภา วัดน้ำวน, หลวงปู่ด๊วด วัดกลางคลองสี่, หลวงปู่เหมือน วัดโรงหีบ ฯลฯ ซึ่งเกจิเมืองปทุมนี้ มักจะมีเชื้อสายมอญอยู่บ้าง ที่เรารู้จักกันดีก็คือ หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งตำรับตำราของมอญนี่แหละที่ก่อให้เกิดความเข้มขลังอย่างเอกอุในพระเครื่องรางของขลัง มาแต่สมัยโบราณกาล

อย่าลืมว่า “สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว” หรือ “พระมหาเถรคันฉ่อง” พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้สร้างสร้อยปะคำนเรศวรปราบหงสา คล้องพระศอในคราวสงครามยุทธหัตถี ท่านเป็นพระรามัญ หรือพระมอญ และวิทยาคมของพระมอญ ก็ยังได้ตกทอดมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งมอญภายในประเทศที่มีอยู่เดิม และมอญใหม่ที่เพิ่งอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารตอนต้นกรุง อย่างเช่น วัดตองปุ หรือ วัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นวัดที่มีพระมอญอยู่มากมาแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ นั้น เป็นวัดที่ได้รับการนิมนต์พระจากวัดนี้ เข้าไปทำน้ำพระพุทธมนต์สำหรับสรงพระพักตร์สำหรับในหลวงในยุคต้นรัตนโกสินทร์ทุกวัน ทั้งนี้เชื่อกันว่าพระสงฆ์มอญมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยมากกว่าพระสงฆ์ไทย ถึงกับล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงตั้งคณะธรรมยุติกนิกาย ที่นุ่งห่มแบบพระมอญ และกำหนดวัตรปฏิบัติให้เคร่งครัดเหมือนพระมอญ จนทำให้ประเทศไทยมีคณะสงฆ์ ๒ ฝ่ายมาจนทุกวันนี้
สำนักวิปัสสนากรรมฐานที่เลื่องชื่อลือนามเป็นอันดับหนึ่งของไทย คือ สำนักกรรมฐานวัดมหาธาตุ ฯ กทม. นั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) อธิบดีสงฆ์ ในสมัยที่ท่านยังดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพิมลธรรม” ท่านได้นำแบบอย่างการปฏิบัติกรรมฐานมาจาก “พระมอญ” และการปฏิบัติของสำนักนี้เท่าที่เรารู้จักแพร่หลายกันอย่างดีในยุคปัจจุบัน ได้แก่ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ท่านได้นำแนวทางปฏิบัติดังกล่าวมาใช้ และพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายทั่วประเทศ ก็ใช้วิธีปฏิบัติตามแบบแผนของวัดมหาธาตุ ฯ เช่นกัน
พระครูบวรธรรมกิจ (เทียน ปุปฺผธมฺโม) หรือ หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ เป็นพระเถราจารย์เชื้อสายรามัญ ผู้มีชื่อเสียงแห่งจังหวัดปทุมธานี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๙ ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีชวด ณ ตำบลกระแซง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ท่านเป็นบุตรของ นายน้อย นางเล็ก ตุลยกนิษฐ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓
เมื่ออายุ ๑๑ ปีได้เริ่มศึกษาอักขระสมัยเบื้องต้นกับพระอธิการวัดชัยสิทธิ์ แล้วย้ายมาอยู่วัดโบสถ์ เรียนหนังสือไทยและภาษามอญ จนอ่านออกเขียนได้ และมีความรู้ในทางคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี ครั้นพออายุได้ ๑๔ ปีได้เข้ามาศึกษาในกรุงเทพ ฯ เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดมหาพฤฒาราม จนสอบไล่ได้จบหลักสูตร แล้วจึงเข้าเป็นมหาดเล็กได้ ๑ ปี จากนั้นท่านจึงลาออกไปรับราชการ เป็นเสมียนอยู่กับอธิบดีศาลอุธรณ์ ๑ ปี เมื่ออายุครบบวช ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อพ.ศ. ๒๔๓๙ ขณะอายุได้ ๒๐ ปี ที่วัดบางนา โดยมี พระรามัญราชมุนี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์เรื่อยมา
เมื่อบวชแล้วได้ศึกษาภาษาบาลี ภาษามอญ และพระเวทย์วิทยาคมต่าง ๆ กับพระอุปัชฌาย์จนมีความรู้ดีแล้วจึงได้ออกแสวงหาความสงบตามป่าเขา ท่านเคยจาริกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของ “หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า” จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพระมอญเหมือนกัน และเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของ “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน” ดังนั้นท่านจึงเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ส่วนท่านจะได้ต่อวิชากับหลวงพ่อเงิน ศิษย์ผู้พี่หรือไม่นั้น ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือมีหลักฐานมาจากที่ใด
หลวงพ่อโพธิ์องค์นี้ท่านมีญาติอยู่แถววัดโบสถ์ เมื่อคราวที่ท่านมรณภาพ บรรดาญาติพี่น้องของท่านพากันมารื้อถอนกุฏิของท่าน ไม่เหลือแม้แต่ตอม่อ ล่องแพมายังปทุมธานี ทราบว่า เสาไม้กุฏิ หรือ ตอม่อของท่าน ที่นำมาแกะทำเป็นพระเครื่องนั้น มีพุทธคุณครบทุกด้าน
หลวงปู่เทียนท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ ในขณะที่ท่านมี พรรษา ๖ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๕ โดยมีตำแหน่งเป็น พระอธิการเทียน และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๒ ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านกลาง ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับสมณศักดิ์ที่พระครูบวรธรรมกิจ
เมื่อช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภาวะสงครามอินโดจีน หรือ สงครามโลกครั้งที่สอง ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังแจกจ่ายแก่ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ทั้งเสื้อยันต์ ผ้าประเจียด ตะกรุด ปรากฎว่ามีอภินิหารเลื่องลือในด้านการคุ้มครองป้องกันภัย ไม่มีผู้ใดตายโหงเมื่อมีวัตถุมงคลของขลังของท่านติดตัว จึงมีผู้นิยมนับถือมาก ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์หนึ่งในจำนวนไม่กี่องค์ในประเทศไทย ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวายพระสมเด็จเนื้อผง และ เหรียญรูปเหมือนเนื้อทองคำ หมายเลข ๙ และ ๙๙ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โดยการนำของคุณพล จุฑางกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ในสมัยนั้น และคณะศิษย์ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๙
หลวงปู่เทียนท่านสร้าง พระสมเด็จเนื้อผงพุทธคุณขนาดเขื่อง สอดตะกรุดสาริกาไว้ด้านล่าง ๒ ดอกขึ้นเป็นครั้งแรก เท่าที่ปรากฎพบเห็นในวงการพระะเครื่อง และคนในพื้นที่ยอมรับ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖ แล้วสร้างต่อเนื่องกันมาทุกปี แต่ที่วงการนิยมและรู้จักกันดี หรือสร้างอย่างเป็นทางการ พบเห็นเป็นจำนวนมาก ก็คือปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ออกที่วัดบ่อเงิน ปี ๒๕๐๖ ถึงปี ๒๕๐๘ ออกที่วัดโบสถ์ ปัจจุบันพระเครื่องของหลวงปู่เทียนเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก หลวงปู่เทียนมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๙ รวมสิริอายุได้ ๙๐ ปี ๗๐ พรรษา
สำหรับเหรียญรุ่นแรกนั้น ออกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ที่วัดบ่อเงิน เป็นเหรียญสี่เหลี่ยม เนื้อทองแดง เหรียญรุ่นสอง ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ออกวัดโบสถ์ ในวาระอายุครบ ๖ รอบ เป็นเหรียญคล้ายรูปหยดน้ำ มี ๒ เนื้อ คือ อลูมิเนียม และเงิน เหรียญรุ่นสาม ปี ๒๕๐๖ ลักษณะคล้ายเหรียญรุ่นแรก
เหรียญรุ่นสุดท้าย ปี ๒๕๐๙ เป็นเหรียญรูปไข่ หน้าตรง ครึ่งองค์ แกะบล็อคโดยกองกษาปณ์ มีเนื้อทองแดง เงิน และทองคำ สำหรับทองคำนั้น สร้างเพียง ๙๙ เหรียญ ตอกหมายเลขทุกเหรียญ
หลวงปู่เทียน นอกจากท่านจะสำเร็จวิชาการทำผงวิเศษ ๕ ประการ คือ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ แล้ว ท่านยังเป็นพระที่สำเร็จวิชา “ผง ๑๒ นักษัตร์” ซึ่งเป็นผงที่เขียนลบมาจากยันต์ ๑๒ นักษัตร์ ทั้ง ๑๒ ปี ดังนั้น พระเนื้อผงของท่านจึงดีเด่นสูงค่าไปด้วยพระพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม อุดมโชคลาภ มีกินมีใช้ทุกปี ไม่ขัดสน เข้าได้กับทุกผู้คน ทุกปีเกิด สามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดเวลาที่มีพระเครื่องของท่านพกพาอาราธนาติดตัวอยู่ เวลาดวงชะตาตกต่ำ ก็จะค้ำจุนไม่ตกอับจนเกินไป เวลาดวงชะตารุ่งโรจน์ ก็จะเสริมดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
แม้แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังฯ ท่านก็ลบผง ๑๒ นักษัตร์นี้ ผสมลงไปในพระสมเด็จของท่านทุกองค์ ทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ใครที่หาพระสมเด็จวัดระฆังไม่ได้ ขอรับรองว่า ให้หาพระเครื่องเนื้อผงของหลวงปู่เทียนทุกรุ่น ทุกพิมพ์ นำมาใช้อาราธนาติดตัว มีพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ท่านได้ถ่ายทอดวิชาผง ๑๒ นักษัตร์นี้ ให้แก่ศิษย์เอกของท่าน ๓ องค์ คือ หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ, หลวงปู่เส็ง วัดบางนา ทั้งสององค์นี้อยู่ในเขตจังหวัดปทุมธานี และ หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกะเฌอ วัดของท่านอยู่ใน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งพระเกจิอาจารย์ทั้งสามองค์ที่กล่าวมานี้ ล้วนมีพระกิตติคุณโด่งดัง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าองค์อาจารย์ ใครที่หาพระเครื่องของหลวงปู่เทียนไม่ได้จริง ๆ ใช้ของลูกศิษย์ที่ผมเอ่ยนามมานี้ทั้งสามองค์แทนก็ได้ครับ
เครื่องรางของขลังที่สร้างชื่อให้ท่าน และเป็นที่เสาะแสวงหาของลูกศิษย์ทั้งหลายก็คือ ผ้ายันต์ และตะกรุดโทน เพราะเป็นของหาได้ยาก หลวงปู่ท่านเขียน และลงอักขระด้วยตัวท่านเองทุกดอก ท่านเคยบอกกับเด็กวัดที่ได้รับมอบจากท่านไปว่า “ตะกรุดข้าสร้างเอาไว้ป้องกันหมากัดพวกเอ็ง” นั่นแสดงให้เห็นว่า ตะกรุดท่านนั้นเด่นในเรื่องคงกระพันชาตรีเป็นอย่างมาก
ผ้ายันต์ และตะกรุดของท่านนั้น ใช้อักขระเลขยันต์แบบมอญ ไม่ว่าจะเขียนบนผ้ายันต์ หรือลงตะกรุด ท่านใช้แบบเดียวกัน เท่าที่พบเห็นโดยมากท่านจะใช้น้ำหมาก หรือ น้ำหมึก เขียนลงบนผ้า ส่วนตะกรุดของท่านนั้น ท่านจะทำให้เมื่อมีผู้มาขอให้ท่านทำ โดยผู้ที่ต้องการให้หลวงปู่ทำ จะต้องนำแผ่นตะกั่ว ขนาดเท่าที่หลวงปู่กำหนด ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้เรียบร้อย พร้อมกับนำเอาบายศรีปากชาม และธูปเทียน มาบูชาครู หรือถวายหลวงปู่เสียก่อน ท่านถึงจะทำให้ได้ ตะกรุดโทนของท่านเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย จนท่านทำแทบไม่ไหว พอท่านเห็นคนนำแผ่นตะกั่ว และบายศรีมาหาท่าน ท่านก็จะกล่าวสัพยอกว่า “เอ็งจะให้ข้าม้วนให้ตายเลยหรือ” แล้วท่านก็รับประเคนแผ่นตะกั่ว และบายศรี นำมาลงอักขระเลขยันต์ให้ ตามที่ผู้นั้นต้องการ ด้วยความเมตตา
ที่พิเศษสุด ๆ ก็คือ ตะกรุดของคุณนิวัติ ดอกพุทธ ชาวสามโคก คนในพื้นที่ที่วัดโบสถ์ตั้งอยู่ คุณพ่อของคุณนิวัติ เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ ท่านไปได้ตะกั่วยอดเมรุเผาศพ จากวัดมะขาม ได้นำมารีดเป็นแผ่น แล้วนำไปถวายหลวงปู่ให้ลงอักขระให้ ทำได้แค่ ๒ ดอก เจ้าของลงรัก ถักเชือก ปิดทองอย่างดี ซึ่งตะกั่วยอดเมรุเผาศพนั้น ตามตำราโบราณท่านว่า เป็นของกายสิทธิ์ คือ มีคุณวิเศษอยู่ในตัวเอง เมื่อนำมาผสม หรือสร้างเป็นพระเครื่องรางของขลัง จะทำให้มีพุทธคุณมากขึ้นหลายเท่าตัว
พระเครื่องอีกอย่างหนึ่งที่หาได้ยาก หรือใครมีต่างก็หวงแหน คือ พระปิดตาลอยองค์ เนื้อผง ด้านล่างฝังตะกรุดสาริกา ๒ ดอก ที่วงการพระเรียกว่า “พระปิดตาพิมพ์นกกระจิบ” นัยว่าในขณะที่ท่านกำลังปลุกเสกนั้น มีนกกระจิบฝูงใหญ่ บินผ่านไปมาในบริเวณ ร้องจิ๊บ ๆ ลั่นวัด และมี ๒ ตัว บินมาเกาะที่บ่าด้านซ้ายและขวาของท่าน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ส่งผลให้พระเครื่องรุ่นนี้ มีพุทธคุณเด่นดังในเรื่องเมตตามหานิยม และอุดมโชคลาภเป็นอย่างมาก
และเหรียญที่สร้างปาฏิหาริย์ เหนือปาฏิหาริย์ ในขณะที่ยังไม่ได้ปลุกเสก คือ เหรียญรุ่นสุดท้าย ปี ๒๕๐๙ ที่กองกษาปณ์แกะแม่พิมพ์ถวาย เพราะทุกเหรียญ ทุกเนื้อที่ปั๊มออกมา จะมีเส้นรัศมีวงกลมล้อมรอบหลายชั้น ตรงใต้คาง หรืออยู่บริเวณจีวรของท่าน สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากการปั๊มหลาย ๆ เหรียญแล้ว “บล็อคแตก” อีกอย่างหนึ่งก็คือ บล็อคที่กองกษาปณ์จัดทำนั้น ทำด้วยเหล็กกล้า ไม่มีวันที่จะแตกชำรุดง่าย ๆ ดังนั้น วงการพระเรียกพระรุ่นนี้ว่า “เหรียญบล็อควงเดือน” มีผู้นำไปใช้แล้วได้ผลในด้านเมตตา โชคลาภ แคล้วคลาด ป้องกันภัย เหมือนมีรัศมีกำแพงแก้ว หรือวงเดือนล้อมรอบ มีผู้ถูกลอบทำร้าย เอาปืนมาจ่อยิงที่ศรีษะชนิดเผาขน ยิงถึง ๓ นัด กระสุนไม่ออกสักนัดเดียว คนร้ายตกใจ รีบขึ้นจักรยานยนต์เผ่นหนีไปแทบไม่ทัน
ราคาเปิดประมูล3,000 บาท
ราคาปัจจุบัน3,000 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ1,000 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 20 ส.ค. 2558 - 12:21.47
วันปิดประมูล พ. - 09 ก.ย. 2558 - 12:21.47 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 3,000 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ1,000 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top