หมวด พระสมเด็จทั่วไป

สมเด็จพระครูมูล พิมพ์เกศบัวตูม ยุึคต้น

ชื่อร้านค้า	กำปั่น - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	กำปั่น (5)
ชื่อพระเครื่อง	สมเด็จพระครูมูล พิมพ์เกศบัวตูม ยุึคต้น
อายุพระเครื่อง	78 ปี
หมวดพระ	พระสมเด็จทั่วไป
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	Worakits@yahoo.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	ส. - 30 ส.ค. 2557 - 21:30.05
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	ส. - 30 ส.ค. 2557 - 21:30.05

รายละเอียด
องค์นี้เป็นพิมพ์เกศบัวตูมยุคต้นกดพิมพ์ได้ลึกมีเนื้อสมเด็จวัดระฆังเยอะครับวงการพระเครื่องได้มีการกำหนด พระชุดเบญจภาคีขึ้นมา เริ่มราวๆปี พ.ศ.2495 โดยได้จัดเอายอด พระเครื่องของแต่ละเมืองที่มีกิตติศัพท์โด่งดังทางด้านพุทธคุณ ศิลปะและอายุความเก่าแก่รวม 5 องค์ มารวมเข้าชุดด้วยกันชึ่งประกอบด้วย 1.พระสมเด็จวัดระฆัง(พระสมเด็จบางขุนพรหม)กทม. 2.พระรอด กรุมหาวัน จ.ลำพูน 3.พระซุ้มกอ(พระลีลาเม็ดขนุน) กรุ ลานทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร 4.พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก 5.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี พระเครื่องทั้ง 5 องค์ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งพระเครื่องทั้งปวง เป็นสุดยอดของความหายาก และสุด ยอดของพระเครื่องที่มีราคาแพงที่สุดด้วย แต่ละองค์ถ้าหากอยู่ในเกณฑ์สภาพสวยแล้ว ราคาต้องขึ้นไป อยู่ที่หลักล้านบาทกันทั้งหมด โดยเฉพาะพระสมเด็จวัดระฆังสวยๆแล้วต้องว่ากันที่หลักสิบล้านเสียด้วย พระเครื่องชุดเบญจภาคีทั้ง 5 องค์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นพระเครื่องที่หายาก มีราคาแพงและพุทธคุณสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นพระเครื่องที่คู่ควรแก่คนที่มีวาสนาบารมีด้วย เพราะไม่ใช่เป็นเศรษฐีมีเงินมากแล้วจะสามารถหา เช่ามาได้ทุกคน ต้องเป้นคนมีวาสนาบารมีสูงเท่านั้น ถึงจะมีพระชุดเบญจภาคีไว้ในครอบครอง ถึงมีอยู่ใน ครอบครองก็จริง แต่หากว่าหมดวาสนาบารมีแล้ว ไม่เหตุใดก็เหตุหนึ่งพระชุดเบญจภาคีก็มีอันต้องหลุดไป. พระเบญจภาคี ชุดเล็ก เป็นชุดที่ใช้ได้ทดแทน พระชุดที่มีราคาแพงๆ แต่ด้านพุทธคุณ แล้ว สูงพอที่จะทดแทนกันได้ มาดูกันครับ ไม่จำเป็นต้องเช่าแพง ไม่จำเป็นต้องแขวนพร้อมกันก็ได้ องค์เดียวก็พอ 1.พระสมเด็จวัดระฆัง ถ้าหาไม่ได้ก็หาบางขุนพรหม หรือ วัดเกศไชโย แต่ถ้าหาไม่ได้ ไห้ใช้ พระสมเด็จพระครูมูล วัดสุทัศน์ กทม. แทนได้ มีส่วนผสมของวัดระฆังมากที่สุด 2.พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน อันเป็นพระเครื่องที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดทางนิรันตราย โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ(วัดราชบูรณะ)ได้ชือว่าเป็นพระที่ มีพุทธคุณทางนิรันตรายแบบแคล้วคลาด โดดเด่นมากที่สุด มีกิตติศัพท์ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ในหมู่นักเลงพระกันดีตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประสบการณ์ของพระขรัวอีโต้ดีมาก จนได้รับสมญานามว่า"พระรอดเมืองไต้" 3.พระซุ้มกอ แต่จริงๆแล้วตอนแรกวงการเขาจัดเอา พระลีลาเม็ดขนุนมาเข้าชุดก่อนครับ ต่อมาเห็นว่า พระลีลาเม็ดขนุนนั้นหายากจึงใช้พระซุ้มกอแทน พระที่พอจะมีพุทธคุณคล้ายๆกัน ได้แก่ "พระซุ้มกอ กรุวัดเงินคลองเตย กทม."ดีที่สุดครับ พุทธคุณเด่นทางโชคลาภไม่น้อยเช่นกัน เมตตามหานิยมก็ไม่เบา แล้วยังแฝงแคล้วคลาดคงกระพันอีกด้วย 4.พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก พระนางพญาจริงๆแล้วเป็นพระที่มีพุทธคุณทางคงกระพัน สูงมากๆ ส่วนพุทธคุณด้านอื่นๆ อย่างเมตตามหานิยมหรือแคล้วคลาดนั้นรองๆลงมา ส่วนพระที่มองๆพอจะทดแทน พระนางพญาพิษณุโลก ผมว่าน่าจะเป็น"พระนางพญา หลัง ยัตน์ดวงพระ อาจารย์ถนอม วัดนางพญา จ.พิษณุโลก"มาใช้แทนจะเหมาะสมมากที่สุด ถึงแม้จะมาสร้างในยุคหลังๆเมื่อปี พ.ศ.2514 ก็ตาม แต่ได้นำเอาพระนางพญาองค์หักๆ จากการแตกกรุครั้งแรก เก็บของเก่ามาสร้างใหม่อีกครั้งหนึ่ง พระนางพญารุ่นนี้มีของเก่า ผสมอยู่และยังจัดพิธีปลุกเสกใหญ่โดยเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศหลายท่านอีกด้วย เป็นของดีราคาถูกที่อย่ามองข้าม 5.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี จากประวัติพบใบลานทองจากในกรุว่าสร้างโดย ฤาษีและพระสงฆ์หลายรูป เป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์สูงทางคงกระพันมหาอุดมากที่สุด แต่เรื่องเมตตามหานิยม หรือแคล้วคลาดก็มีอยู่ครบเช่นกัน ส่วนพระเครื่องที่จะนำมาใช้แทนพระผงสุพรรณในพระเบญจภาคีชุดเล็ก ผมขอเลือก "พระอู่ทองออกศึก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี"ดีกว่า อย่างน้อยๆพระอู่ทองออกศึก รุ่นนี้ก็มีแหล่งกำเนิดมาจาก จ.สุพรรณบุรีเหมือนกัน รูปพิมพ์ก็ดูคล้ายๆพระผงสุพรรณ เพียงแต่ มาสร้างเป็นปางสมาธิ พระอู่ทองออกศึกถึงแม้ว่าจะสร้างเมื่อปี พ.ศ.2510 อายุความเก่าไม่มาก เท่าไหร่ แถมยังราคาร้อยแก่ๆ ไม่น่าจะเกินหลักพันกว่าๆ แต่พระรุ่นนี้สร้างขึ้นเพื่อแจกทหาร ไทยไปรบในสงครามเวียดนาม และส่วนหนึ่งก็เพื่อจำหน่ายหาทุนมาทนุบำรุงพระพุทธศาสนา ยังรวบรวมเอาพระกรุเนื้อดินของ จ.สุพรรณบุรี องค์ที่แตกหักชำรุดจำนวนมากมาสร้างด้วย แล้วยังมีดินกรุ ว่าน ผงวิเศษหลายอาจารย์ และวัสดุอาถรรพณ์หลายชนิดมาบดรวมเป็นเนื้อหา มวลสารอีกต่างหาก ส่วนเกจิที่มาร่วมปลุกเสกก็มีถึงร้อยกว่ารูป เท่าที่ผมจำได้ ก็มี หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ฯลฯ.รับประกันตามกฏครับ

รายละเอียด

องค์นี้เป็นพิมพ์เกศบัวตูมยุคต้นกดพิมพ์ได้ลึกมีเนื้อสมเด็จวัดระฆังเยอะครับวงการพระเครื่องได้มีการกำหนด พระชุดเบญจภาคีขึ้นมา เริ่มราวๆปี พ.ศ.2495 โดยได้จัดเอายอด
พระเครื่องของแต่ละเมืองที่มีกิตติศัพท์โด่งดังทางด้านพุทธคุณ ศิลปะและอายุความเก่าแก่รวม 5 องค์
มารวมเข้าชุดด้วยกันชึ่งประกอบด้วย
1.พระสมเด็จวัดระฆัง(พระสมเด็จบางขุนพรหม)กทม.
2.พระรอด กรุมหาวัน จ.ลำพูน
3.พระซุ้มกอ(พระลีลาเม็ดขนุน) กรุ ลานทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร
4.พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก
5.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี

พระเครื่องทั้ง 5 องค์ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งพระเครื่องทั้งปวง เป็นสุดยอดของความหายาก และสุด
ยอดของพระเครื่องที่มีราคาแพงที่สุดด้วย แต่ละองค์ถ้าหากอยู่ในเกณฑ์สภาพสวยแล้ว ราคาต้องขึ้นไป
อยู่ที่หลักล้านบาทกันทั้งหมด โดยเฉพาะพระสมเด็จวัดระฆังสวยๆแล้วต้องว่ากันที่หลักสิบล้านเสียด้วย
พระเครื่องชุดเบญจภาคีทั้ง 5 องค์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นพระเครื่องที่หายาก มีราคาแพงและพุทธคุณสูงเท่านั้น
แต่ยังเป็นพระเครื่องที่คู่ควรแก่คนที่มีวาสนาบารมีด้วย เพราะไม่ใช่เป็นเศรษฐีมีเงินมากแล้วจะสามารถหา
เช่ามาได้ทุกคน ต้องเป้นคนมีวาสนาบารมีสูงเท่านั้น ถึงจะมีพระชุดเบญจภาคีไว้ในครอบครอง ถึงมีอยู่ใน
ครอบครองก็จริง แต่หากว่าหมดวาสนาบารมีแล้ว ไม่เหตุใดก็เหตุหนึ่งพระชุดเบญจภาคีก็มีอันต้องหลุดไป.

พระเบญจภาคี ชุดเล็ก
เป็นชุดที่ใช้ได้ทดแทน พระชุดที่มีราคาแพงๆ แต่ด้านพุทธคุณ แล้ว สูงพอที่จะทดแทนกันได้
มาดูกันครับ ไม่จำเป็นต้องเช่าแพง ไม่จำเป็นต้องแขวนพร้อมกันก็ได้ องค์เดียวก็พอ
1.พระสมเด็จวัดระฆัง ถ้าหาไม่ได้ก็หาบางขุนพรหม หรือ วัดเกศไชโย แต่ถ้าหาไม่ได้ ไห้ใช้
พระสมเด็จพระครูมูล วัดสุทัศน์ กทม. แทนได้ มีส่วนผสมของวัดระฆังมากที่สุด
2.พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน อันเป็นพระเครื่องที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดทางนิรันตราย
โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ(วัดราชบูรณะ)ได้ชือว่าเป็นพระที่
มีพุทธคุณทางนิรันตรายแบบแคล้วคลาด โดดเด่นมากที่สุด มีกิตติศัพท์ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
ในหมู่นักเลงพระกันดีตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประสบการณ์ของพระขรัวอีโต้ดีมาก
จนได้รับสมญานามว่า"พระรอดเมืองไต้"
3.พระซุ้มกอ แต่จริงๆแล้วตอนแรกวงการเขาจัดเอา พระลีลาเม็ดขนุนมาเข้าชุดก่อนครับ ต่อมาเห็นว่า
พระลีลาเม็ดขนุนนั้นหายากจึงใช้พระซุ้มกอแทน พระที่พอจะมีพุทธคุณคล้ายๆกัน ได้แก่
"พระซุ้มกอ กรุวัดเงินคลองเตย กทม."ดีที่สุดครับ พุทธคุณเด่นทางโชคลาภไม่น้อยเช่นกัน
เมตตามหานิยมก็ไม่เบา แล้วยังแฝงแคล้วคลาดคงกระพันอีกด้วย
4.พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก พระนางพญาจริงๆแล้วเป็นพระที่มีพุทธคุณทางคงกระพัน
สูงมากๆ ส่วนพุทธคุณด้านอื่นๆ อย่างเมตตามหานิยมหรือแคล้วคลาดนั้นรองๆลงมา
ส่วนพระที่มองๆพอจะทดแทน พระนางพญาพิษณุโลก ผมว่าน่าจะเป็น"พระนางพญา หลัง ยัตน์ดวงพระ อาจารย์ถนอม วัดนางพญา จ.พิษณุโลก"มาใช้แทนจะเหมาะสมมากที่สุด
ถึงแม้จะมาสร้างในยุคหลังๆเมื่อปี พ.ศ.2514 ก็ตาม แต่ได้นำเอาพระนางพญาองค์หักๆ
จากการแตกกรุครั้งแรก เก็บของเก่ามาสร้างใหม่อีกครั้งหนึ่ง พระนางพญารุ่นนี้มีของเก่า
ผสมอยู่และยังจัดพิธีปลุกเสกใหญ่โดยเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศหลายท่านอีกด้วย
เป็นของดีราคาถูกที่อย่ามองข้าม
5.พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี จากประวัติพบใบลานทองจากในกรุว่าสร้างโดย
ฤาษีและพระสงฆ์หลายรูป เป็นพระเครื่องที่มีประสบการณ์สูงทางคงกระพันมหาอุดมากที่สุด
แต่เรื่องเมตตามหานิยม หรือแคล้วคลาดก็มีอยู่ครบเช่นกัน
ส่วนพระเครื่องที่จะนำมาใช้แทนพระผงสุพรรณในพระเบญจภาคีชุดเล็ก ผมขอเลือก
"พระอู่ทองออกศึก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี"ดีกว่า อย่างน้อยๆพระอู่ทองออกศึก
รุ่นนี้ก็มีแหล่งกำเนิดมาจาก จ.สุพรรณบุรีเหมือนกัน รูปพิมพ์ก็ดูคล้ายๆพระผงสุพรรณ เพียงแต่
มาสร้างเป็นปางสมาธิ พระอู่ทองออกศึกถึงแม้ว่าจะสร้างเมื่อปี พ.ศ.2510 อายุความเก่าไม่มาก
เท่าไหร่ แถมยังราคาร้อยแก่ๆ ไม่น่าจะเกินหลักพันกว่าๆ แต่พระรุ่นนี้สร้างขึ้นเพื่อแจกทหาร
ไทยไปรบในสงครามเวียดนาม และส่วนหนึ่งก็เพื่อจำหน่ายหาทุนมาทนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ยังรวบรวมเอาพระกรุเนื้อดินของ จ.สุพรรณบุรี องค์ที่แตกหักชำรุดจำนวนมากมาสร้างด้วย
แล้วยังมีดินกรุ ว่าน ผงวิเศษหลายอาจารย์ และวัสดุอาถรรพณ์หลายชนิดมาบดรวมเป็นเนื้อหา
มวลสารอีกต่างหาก ส่วนเกจิที่มาร่วมปลุกเสกก็มีถึงร้อยกว่ารูป เท่าที่ผมจำได้ ก็มี
หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ฯลฯ.รับประกันตามกฏครับ