พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี-จามเทวี53 - webpra
VIP
รับผิดชอบ-ซื่อสัตย์-จริงใจ"085-9891660" *รับประกันพระแท้ทุกองค์-เก๊คืนเต็ม* (ID Line....paopongs.r)

หมวด พระเกจิภาคอีสานเหนือ

พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี - 1พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี - 2พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี - 3พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี - 4พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี - 5
ชื่อร้านค้า จามเทวี53 - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
อายุพระเครื่อง 17 ปี
หมวดพระ พระเกจิภาคอีสานเหนือ
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ 085-9891660 (ID Line....paopongs.r)
อีเมล์ติดต่อ paopongs.r@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ ส. - 06 มี.ค. 2553 - 19:30.08
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ อ. - 08 ก.ย. 2558 - 22:23.36
รายละเอียด
พระกริ่งหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน(พระธรรมวิสุทธิมงคล) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

***พระกริ่งวิสุทธิมงคล รุ่นทานบารมี ปี ๒๕๔๗ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน*** -นับเป็นวัตถุมงคลอันทรงคุณค่าน่าสะสมของหลวงตามหาบัวอีกชิ้นหนึ่งครับ...สภาพเดิมๆ..สวยกริ๊บ

สร้างเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ (ปิดโครงการช่วยชาติ 12 เมษายน 2547)..จำนวนสร้างน้อย..หายากแล้วครับ..

- ปลุกเสกพิธีใหญ่ ณ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ พร้อมกันกับรูปหล่อฐานภูเขา..หลวงตาบัวท่านเป็นประธานในการจุดเทียนชัยด้วยตัวท่านเอง และร่วมอธิษฐานจิต นับเป็นปีสุดท้ายในโครงการถวายผ้าป่าทองคำช่วยชาติ..

-เนื้อระฆังโบราณเก่า-ใต้ฐานอุดผงพุทธคุณ-ผสมเส้นเกศาของหลวงตามหาบัว
-ปิดโค๊ตทองคำแท้ใต้ฐาน..
-พร้อมตอกโค๊ต 2 โค๊ตที่ขอบใต้ฐานองค์พระ

พุทธคุณ...เด่นทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย...

นับเป็นวัตถุมงคลอันทรงคุณค่าและน่าสะสมบูชาของ หลวงตามหาบัว อีกชิ้นหนึ่งครับ..นับวันก็จะหาดูยากขึ้นเรื่อยๆครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บันทึก................

"หลวงตามหาบัว" พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวฯ ท่านเสด็จไปกราบตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 และ ปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์ หลวงตา ไปในงานในวัง และ ปี พ.ศ.2541 เมื่อพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปเยี่ยม หลวงตา หลังประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ

พ.ศ.2522 มีบันทึกไว้ว่า...
ในตอนเช้าของวัน ที่ ๑๐ พ.ย. ๒๕๒๒ หลวงตา ได้สั่งกำชับพระเณรในวัดว่า "วันนี้ จะมีบุคคลสำคัญเข้ามา พวกท่านทั้งหลายจงพากันทำความสะอาดวัดวาอาวาสให้เรียบร้อย อย่าให้บกพร่อง" พระทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่างก็ทำข้อวัตรปฏิบัติไปตาม ปกติ

ในบ่ายวันนั้นเอง ชาวนาคนหนึ่ง เดินสะพายแหเพื่อออกไปหาปลาเป็นอาหาร มีรถยนต์คันงามวิ่งบึ่งมาจอดเทียบ แล้วเรียกถามด้วยเสียงอันนุ่มนวลว่า "ลุงๆ ทางที่จะไปวัดหลวงตาบัวไปทางไหน"

"ไปทางนี้เด้อ" เขากล่าวห้วนๆ แบบภาษาชาวบ้าน พร้อมทั้งชี้มือและแหงนหน้าดูคนที่ ถามไถ่ เมื่อเขามองดูใบหน้าบุคคลที่ถามทางอย่างเพ่งพิศพินิจพิจารณา ภาพแห่งบุคคลผู้ยิ่ง ใหญ่เทียมฟ้าในสมองเริ่มปรากฏ เข่าเริ่มอ่อนและนั่งลงกับพื้น พนมมือขึ้นเหนือเศียรเกล้า กล่าวข้อความด้วยความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้น "โอในหลวง สาธุเด้อในหลวง สาธุ สาธุ"

หลังจากนั้น พระองค์ท่านจึงเสด็จไปยังวัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบนมัสการองค์หลวงตา เมื่อ ถามไถ่สนทนากัน ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์จากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เป็นการส่วนพระองค์ ไม่ได้บอกแม้กระทั่งทหารใกล้ชิด ทหารทั้งหลายต่างสืบข่าวกันโกลาหลว่า เมื่อเวลาบ่ายโมง พระองค์ท่านทรงขับรถออกจากพระตำหนัก ไม่รู้ว่าเสด็จไปที่ใด ถ้าบอกข่าวการเสด็จมาล่วงหน้า กลัวเป็นการเอิกเกริกรบกวน ต้องการเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์

หลวงตาจึงให้โอวาท ว่า "มหาบพิตร! พระองค์ เป็นถึงพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งชาติ หากพระองค์เสด็จมาโดยลำพัง มีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น จะเป็นความเสีย หายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา คนทั้งชาติจะไม่เหยียบหลวงตาบัวมิดแผ่นดินหรือ?"

"กลัวจะเป็นการรบกวนองค์หลวงตา" พระองค์กล่าวพร้อมพนมพระหัตถ์

"รบกวนไม่รบกวนจะเป็นอะไร แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ พระองค์พึงมาได้ทุกเมื่อ"

ที่องค์หลวงตาเป็นห่วงมากเช่นนั้น เนื่องจากสมัยนั้นคอมมิวนิสต์มีอยู่ทั่วไป หลังจากนั้นอีกไม่นาน เสียงรถทหารตำรวจที่สืบทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาวัดป่าบ้านตาด จึงติดตามมาอารักขาเป็นทิวแถว ชาวบ้านบางคนไม่รู้เรื่อง เห็นรถทหารตำรวจเป็นทางยาว บางคนวิ่งหนีเข้าบ้านนึกว่าเกิดสงคราม

ต่อไปเป็นเรื่องราว ที่พระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมานิมนต์หลวงตา เมื่อพ.ศ.2531
บทสนทนาจอมปราชญ์
เนื่องในวโรกาสมหามิ่งมงคลของชาวไทยทั้งชาติ นิตยสารน่านฟ้า ขออาราธนาบทสนทนาที่เหนือคำบรรยาย ที่เล่าโดย พระอาจารย์ภูสิต (จันทร์) ขันติธโร เจ้าหน้าวาสวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน ในสมัยที่ท่านเป็นพระอุปัฏฐากองค์หลวงตา ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ในขณะนั้น...

"..เหตุการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดคือ เมื่อปี พ.ศ.2531 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จไปนิมนต์หลวงตาไปในงานในวัง ปกติหลวงตาท่านไม่ค่อยไปไหน แต่ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปนิมนต์ ท่านไปนิมนต์ด้วยพระองค์เอง เรายังจำได้..วันนั้นเป็นวันที่ 7 มกราคม 2531 เป็น ปีเฉลิมราชรัชมังคลาภิเษก ที่ทรงครองราชย์มากกว่ากษัตริย์ใดในประวัติศาสตร์ไทย ท่าน นิมนต์หลวงตาเข้าวัง มาเป็นขบวนใหญ่ หลวงตาท่านจะอยู่ที่กุฏิท่านให้เราควบคุมดูแลญาติ โยม ดูแลพวกทหารที่มา พระเจ้าอยู่หัวฯ จะเสด็จมาตอน 6 โมงเย็น

เมื่อขบวนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเสด็จมาถึง เรายืนตรงนี้ ผู้ว่าฯสายสิทธิ์ยืนตรงนี้ หมออวย แล้วใครต่อใครยืนเป็นแถว รอรับเสด็จ แล้วท่านก็ขึ้นไปข้างบน ซึ่งหลวงตารอท่านอยู่แล้ว ส่วนเราก็อยู่ตรงบันได ส่วนหลวงตาอยู่ข้างบน ที่ขึ้นไปก็มีพระบรมวงศานุวงศ์ตามเสด็จครบหมดเลย พระราชินีฯ, พระบรมฯ พระเทพฯ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ หมดทั้งครอบครัว เพื่อจะนิมนต์หลวงตาไปงานพิธีในวัง

พอพระองค์ท่านกราบหลวงตาเสร็จ ท่านก็ถวายคำถามแรก (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรียกหลวงตาว่า "หลวงปู่" )

"หลวงปู่...สาวกภูมิ กับ พุทธภูมิ ต่างกันอย่างไร" โอ้...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถามปัญหาหลวงตาขนาดนี้

หลวงตาตอบว่า..."พุทธภูมิก็เหมือนดั่งเรานั่งรถไฟไปเชียงใหม่ หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละ พุทธภูมิ แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไป นั่นแหละ..สาวกภูมิ เพราะฉะนั้น การเป็นพุทธภูมิก็คือ การนำคนไปได้เยอะๆ ส่วนสาวกภูมินั้น นำไปได้น้อยๆไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ 1 คน หรือ 3-4 คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิ เข้าใจไหมล่ะ พ่อหลวง"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ตอบหลวงตาว่า "เข้าใจแล้วหลวงปู่ แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะหลวงปู่"

หลวงตาตอบ :"อ้อ พ่อหลวง เ หมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละ รู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือ วัดป่าบ้านตาดนี้แหละ แต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละ คือวัดป่าบ้านตาด นี่แหละพระนิพพาน ก็มีความหมายแบบเดียวกัน"

และเมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอบารมีหลวงตาช่วยต่ออายุให้แม่หลวง (คือสมเด็จย่า) ตอนนั้นสมเด็จย่าทรงประชวรอยู่ หลวงตาท่านก็ตอบปฏิเสธเลยว่า..."พ่อหลวงนั่นแหละก็จัดการเองได้ขอเองได้" ท่านว่างั้นนะ..."พ่อหลวงก็สามารถจัดการได้เอง" ท่านบอกไปเลยนะว่า...ให้พระเจ้าอยู่หัวขอเอง จัดการเองจัดการเอง อาตมาต่อให้ไม่ได้หรอก พระเจ้าอยู่หัวฯได้กราบลาว่า"เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว จะกลับแล้วท่านหลวงปู่มีอะไรจะบอกไหม " หลวงตาท่านได้เทศน์สั้นๆว่า " การเป็นพุทธภูมิสร้างบารมี เพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ 5 คือ ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไป ตกเย็นสอนนักบวชสมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดา พอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิ จนได้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ 5 อย่างนี้ แต่..ไม่รู้ว่าพ่อหลวง แม่หลวงของประเทศไทย ปรารถนาอะไรทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน.เอาล่ะๆ ...อาตมาจะให้พร"

พอฟังมาถึงตรงนี้นะ เรายังจำได้แม่น เพราะพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านถามเรื่องพุทธภูมิเสร็จแล้วพอท่านจะลากลับ หลวงตาท่านสรุปให้เสร็จสรรพเลย... ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทยทำงาน ปรารถนาความเป็นอะไร... ทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน... เอาล่ะๆ ..อาตมาจะให้พร

เมื่อพระเจ้าอยู่หัวท่านเสด็จลงมา ท่านก็ตรัสว่า อยากให้ท่านอาจารย์อยู่กับหลวงตาไปนาน ๆ เราก็ได้ตอบท่านว่า เจริญพร...มหาบพิตร อาตมาก็อยากจะอยู่แต่ถ้าถึงเวลาที่อาตมาจะต้องเอาตัวเองให้รอด อาตมาก็ขอเอาตัวเองให้รอดก่อน เพราะทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถึง เวลาไปก็ต้องไปเหมือนกัน แล้วพระเจ้าอยู่หัวฯก็บอก ขอทำบุญกับหลวงตา 200,000 ถวาย อาจารย์ 20,000 แล้วท่านก็ถามว่าพระที่อยู่ในวัดนี้ กี่รูป เราก็ตอบท่านทั้งหมด 29 รูปรวม หลวงตานั่นแหละ ท่าน จึงถวายให้รูปล่ะ 2,000 "แล้ว ปัจจัยจะให้ไว้ กับใคร" ท่าน ถาม...ท่านหยิบออกมาให้เลยนะ ท่านผู้ว่าฯ ยังรับมือสั่น พระเจ้าอยู่หัวไม่เพียงมากราบหลวงตาท่านมาที่วัด ท่านยังมาทำบุญกับพระ ด้วยปัจจัยที่เตรียมพร้อม จากพระหัตถ์ของท่านเองจากนั้นพระ เจ้าอยู่หัวฯ ก็เสด็จออกไปเยี่ยมประชาชนแล้วก็ขึ้นรถไป นั่นแหละเราได้ฟังมาเรื่องของพุทธภูมิ เรื่องของพระโพธิสัตว์สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร เสร็จแล้วพอตอนจบ ขอพรหลวงตาท่านก็สรุป และให้พรจึงบอกได้ว่าเป็นบทสนทนาของจอมปราชญ์
และ อีกครั้งวันที่ 23 เมษายน 2541
พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จฯท่านเสด็จไปเยี่ยมหลวงตา หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีคนวงในบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวฯ ตอนกราบหลวงตา ท่านให้เอาผ้ารองกราบออก พร้อมทั้งพูดว่า พระระดับนี้ ไม่ต้องใช้ผ้ารองกราบ

++++++++++++++ พระระดับนี้ ไม่ต้องใช้ผ้ารองกราบ +++++++++++++++++++++++



คลิ๊กที่รูปบ้าน-(ดูหน้าร้าน)
หรือตามลิ้งค์ http://www.web-pra.com/Shop/jamadevi53
เผื่อเจอพระที่ท่านถูกใจ..085-9891660

พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...

อื่นๆ...

กำหลังโหลด Comments
Top