หมวด พระเกจิภาคอีสานใต้
รูปหล่อโบราณ หลวงพ่อชุ่ม วชิรญาโณ ตะกั่ว
| ชื่อร้านค้า | พบสุขพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า) |
|---|---|
| ชื่อเจ้าของร้านค้า | |
| ชื่อพระเครื่อง | รูปหล่อโบราณ หลวงพ่อชุ่ม วชิรญาโณ ตะกั่ว |
| อายุพระเครื่อง | 17 ปี |
| หมวดพระ | พระเกจิภาคอีสานใต้ |
| ราคาเช่า | - |
| เบอร์โทรติดต่อ | (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า) |
| อีเมล์ติดต่อ | ngamkamol2009@hotmail.com |
| LINE |
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
|
| สถานะ |
|
| เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ส. - 12 เม.ย. 2557 - 17:42.06 |
| แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | พ. - 19 ก.ค. 2560 - 20:33.51 |
| รายละเอียด | |
|---|---|
| " ความธรรมดาที่มองเห็นอยู่...อาจเป็นสิ่งล้ำค่าที่เรามองข้ามไป " ...หลวงพ่อชุ่ม วชิรญาโณ ท่านเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง เกิดที่บ้านตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ บวชเป็นสามเณรอยู่กับหลวงปู่สุข ที่วัดโพธิ์ทรายทอง ได้ร่ำเรียนศึกษาธรรมวินัยจนจำตำราศาสตร์ จึงออกธุดงค์ไปหลายที่ เมื่อไปจำพรรษาที่ใดก็ได้สร้างศาสนสถานไว้มากมายหลายแห่งด้วยเช่นกัน เช่นวัดโนนทอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และอีกหลายจังหวัด เช่น สระบุรี ปราจีนบุรี อุทัยธานี เชียงราย แพร่ นครปฐม หรือแม้กระทั้งภาคใต้อย่าง นราธิวาส และอีกหลายแห่งที่ไม่ได้กล่าวถึง จนธุดงค์กลับมาจำพรรษาที่บุรีรัมย์ตามเดิม ท่านก็ยังช่วยหาปัจจัยช่วยสร้างกุฏิสงฆ์ ที่วัดบ้านสิงห์ อ.นางรอง และวัดหัวสะพาน อ.ละหานทราย ...จนเมื่อท่านมาจำพรรษาที่บ้านหนองปรือ(กุดโพรง ไร่โคก) และได้ช่วยรักษาโรคภัยให้แก่ญาติโยม และชาวบ้าน ใช้ความรู้ด้านสมุนไพร โดยท่านจะปลูกเองหรือหามา แล้วนำมาปรุงยาตามตำราที่ได้ร่ำเรียนศึกษามา ...ต่อมามีลูกศิษย์ ขออนุญาติจัดสร้างรูปหล่อลอยองค์ท่านขึ้น คือพระสมพงษ์ กฺมฺมสฺโภ เจ้าอาวาสวัดบ้านถนน ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โดยมีประธานในการจัดสร้างคือ ม.ร.ว.พิณทอง อังศุสิงห์(ทองใหญ่) คุณชาตรี เฮงเจริญ คุณณรงค์ โต๊ะเงิน และคณะศิษย์ชาวนางรอง คุณธงชัย แซ่เฮ้า คุณเจมส์ นางรอง และคุณ โจ้ นางรอง เพื่อร่วมทำบุญหาปัจจัยสร้างที่พักสงฆ์บ้านหนองปรือ(กุดโพรง ไร่โคก) ...รูปหล่อโบราณรุ่นแรก และรุ่นเดียวของท่าน ฉลองอายุครบ8รอบ รุ่น"รวยไม่เลิก" โดยตอกโค๊ดที่สังฆาติด้านหน้าว่า"ชุ่ม"ทุกองค์ ใต้ฐานเจาะก้นอุดเทียนชัย เกษา สีผึ้ง ชานหมาก ว่าน108 กาฝาก และยังนำมวลสารอุดก้นผ่านพิธีใหญ่มา 9พิธีแล้ว ทำพิธีเททองหล่อวันที่ 1 ม.ค.2547 และทำพิธีพุทธาภิเศกวันที่ 25 มี.ค. 2547 แล้วได้นำเข้าปลุกเสกต่อตลอดทั้งพรรษา รวมประมาณ 1500 องค์ จำนวนการสร้างเนื้อที่ออกให้บูชาทั่วไป... -เนื้อเงิน 216 องค์ -เนื้อสำริด 330 องค์ -เนื้อตะกั่ว 400 องค์ -เนื้อขันลงหิน 480 องค์ ...องค์นี้เนื้อตะกั่วอวนตีนแห(ร้าง) "นำฤกษ์กรรมการ" องค์ใหญ่เบ้ง ตอกโค๊ดใต้ฐาน 1ใน 4องค์สวยคลาสสิค ทรงคุณค่า โดดเด่นเอกอุด้านเมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภโภคทรัพย์ ดักทรัพย์จับโชคแบบหวังผล มวลสารอุดใต้ฐานจัดเต็มพร้อมสีผึ้ง เกศา ว่านยา...รูปหล่อโบราณของพระดี ที่ดีนอก-ดีใน ที่คนระดับเจ้าขุนมูลนายมาเป็นประธานจัดสร้าง อีกหนึ่งยอดเกจิอาจารย์แดนอิสานใต้ที่ผมเคารพนับถือ JUST4SHOW (ให้ทั่วประเทศรู้ว่าบ้านเรามีดี) "ตะกั่วตีนแห-ตีนอวน" ...ที่ฝังทิ้งตัวลงในท้องทะเล ท่านว่า ตะกั่วอวนตีนแหนี้ ผีพรายทะเลจะรักษาไว้ และจะคอยหลอกล่อ ปลากุ้งหอยให้มาติด อยู่ในอวน ในแหที่อยู่ก้นทะเลนี้ หลวงพ่อพูลทรัพย์ได้ให้ ลูกศิษย์ที่เป็นชาวประมงตามหา ตะกั่วอวนล้างนี้ตามก้นทะเล โดยถ้าเจอแล้วให้จุดธูป16ดอก อธิฐาน และโยนธูปลงทะเล ไปทั้ง 4 ทิศ ถ้าชั่วอึดใจธูปทั้ง 16 ดอกที่โยนลงไปทั้ง 4ทิศ มาจับกลุ่มรวมกันได้อีกครั้ง ท่านว่า “พรายสมุทรท่านให้” ให้ลงไปเอาตะกั่วนี้มาหลอมทำวัตถุมงคล และตะกรุดได้ เอาตะกั่วอวนนี้ มาทุบตี่พลีเป็นแผ่น และลงอักขละเลขยันต์ ครู และถักเชือก ลายฟันปลา ด้านเดียว ซึ่งถักยากมาก อีกด้านที่ไม่ได้เป็นฟันปลา ท่านนำมาลงยันต์ “ทะเลเดือด” ตะกรุดนี้มีดีหลายอย่าง ทั้งทางทำมาหากิน ง่ายดายมาก ลองคิดดูว่า อวนแหที่ทิ้งแล้งลงกลางทะเล ปลากุ้งหอยยังเข้ามาหากิน เข้ามาอยู่ได้ เข้ามาหากินได้ และยังปลอดจากภัยอันตรายต่างๆ ทำมาเป็นตะกรุดแล้วดีนอกดีใน แก้ดวงตกดวงไม่ดีแก้กรรม เจริญงอกงามหากินคล่อง เข้าไปในสงครามก็ปลอดภัย ทำไรก็เจริญรุ่งเรืองทรงอำนาจวาสนาบารมี (ตะกั่วอวนตีนแหวัตถุธาตุกายสิทธิ์) ...ตะกั่วอวนตีนแห นับเป็นวัตถุธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว แต่ต้องเป็นของร้าง(ของที่ใช้แล้วเท่านั้น) จึงจะมีอิทธิฤทธิ์ บรรดาเกจิอาจารย์ที่อยู่ติดทะเล มักนิยมนำมาสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง เกจิที่นิยมนำตะกั่วอวน มาสร้างเป็นวัตถุมงคล คงไม่มีใครจะโด่งดังเท่าหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ท่านเป็นเกจิสมัยอินโดจีน เป็นเจ้าของเหรียญแพงที่สุดในประจวบ พวกตังเกหาปลา เวลาอวนขาด จะนำตะกั่วอวน มาขอให้ท่านทำของขลังให้ บางที่หลวงพ่อเปี่ยมท่านจะนำ ตะกั่วอวนมาหลอมแล้วแผ่เป็นแผ่น นำมาลงเป็นตะกรุด แต่ที่เอาตะกั่วอวนมาลงเลย ทำเหมือนลูกสะกดก็มี ...การที่ท่านเอาตะกั่วอวนมาทำเครื่องรางของขลัง เพราะถือเคล็ดว่า ตะกั่วอวนแม้แช่อยู่ใน้ำทะเล ก็ไม่ผุไม่กร่อน จึงถือว่า เป็นคงทน ใช้ทางมหาอุด โดยถือว่าตะกั่วอวน ส่วนมากจะแช่อยู่ในน้ำ จึงถือเอาธาตุน้ำมาอุดปืน แต่ตามมติ อ.กฤษณะถือว่า ตะกั่วอวนเป็นเครื่องมือทำกิน เมื่อชาวประมงลากอวนที่ จะได้ปลาเยอะ เมื่อนำไปขายก็ได้เงินเยอะ จึงถือว่าถ้านำตะกั่วอวนมาเสกทางโชคลาภ คงมีอิทธิคุณทางเรียกทรัพย์อย่างสูง (ท้าวพันตาพญาพันวัง)..."ตะกั่วอวน-ตะกั่วตีนแห" ...ที่ผ่านการใช้แล้วมีพลังงานอาถรรพณ์ในตัว อวนกับแห มีหลายตาเรียกว่าท้าวพันตาพญาพันวัง หาก อวนและแห ลงที่ได กุ้ง หอย ปู ปลา มีแต่หมดกับหมด จนบางที่ห้ามใช้อวนจับปลา เคล็ดหมายถึงการ หากินเก่ง หากินคล่อง ไม่อดอยาก มีกินตลอด เงินทองมาทางไหน ต้องดักให้หมดอย่าให้เหลือ หลุดลอดไปได้ เมื่อนำตะกั่วอวนและแห มาหลอมผสมแร่ดีบุกสีน้ำผึ้งที่ขุดได้จากจังหวัดเชียงใหม่เป็นแร่ที่มีดีในตัวเรียกว่าดีบุกชื่อเป็นมงคลแล้วรีดเป็นแผ่นจารอักขระยันต์ เมื่อจารแล้วเสกแล้วก็หลอมอีกจารอีกเสกอีก เรียกว่าลงถม จนครบสูตรตำรายันต์ จึงนำมาหล่อเป็นลูก ปลุกเสกด้วยคาถาเรียกโชค เรียกลาภ เรียกเงินหากินเก่ง คาถาเมตตา คาถากันภัย จนเต็มเสกไม่เข้า จึงจารยันต์หัวใจเศรษฐีกำกับปิดท้ายเป็นอันเสร็จพิธีกรรม ปรอท ตะกั่วและดีบุกนี้เป็นแร่ที่ดูดพลังอาคมได้ดี ปลุกเสกด้านไดก็จะดีด้านนั้น ลูกสะกดชุดนี้มีขนาดเล็กบูชาติดตัวใช้ได้ทั้งชายและหญิง หรือ ผู้ที่สร้างบ้านใหม่ใช้9เม็ดนำไปใส่หลุมเสาเอก รวมกับเงิน9บาท จะดีมากๆเป็นโภคทรัพย์เรียกเงินเรียกทองเข้าบ้านมีกินตลอดไม่อดอยาก กันสิ่งชั่วร้ายอัปมงคลได้ดี หรือจะนำไปฝังไว้ 4มุมบ้านรวมกับเงิน หลุมละ 9บาทหรือร้านค้าก็ได้ค้าขายจะคล่องเรียกทรัพย์สินเงินทองดีมากนัก (ตะกั่วอวนเจ้าสมุทร) หรือตะกั่วอวนตีนแหที่เลิกใช้งานเเล้ว(ร้าง) ...ท่านว่าตะกั่วนี้สำคัญนัก ดียิ่งกว่ามนต์จินดามณีเสียอีก เพราะใช้ลากใช้คร่าดักชีวิตมานับหมื่นนับเเสน มีอาถรรพ์พรายสมุทรอยู่ในตัวเอง เมื่อได้มาเเล้วต้องทำพิธีประสระล้างเสนียดเเละอาถรรพ์ทั้งหลายทิ้งไปเสียคำรบหนึ่ง ก่อนจะได้ดีต่อคนนำไปใช้ เเล้วจึงค่อยนำมาเเช่น้ำมนต์ประกอบพิธีอธิษฐานจิตจนเข้าที่ - หลังจากนั้นจึงนำมาลงอักขระเลขยันต์สายมอญ เเละนำค้อนปอนด์มาค่อยๆทุบตีที่ตัวอวนเจ้าสมุทรนี้ พ่ออาจารย์ว่านว่าเเข็งใช้ได้เลย ทำทีทุบเป็นวันๆ เป็นวิธีการที่ต้องต้องการจะจารลงถมเพื่อให้เป็นชนวนตะกั่วที่ได้ชื่อว่าอาถรรพ์ที่สุด ท่านว่าจารทุบ จารทุบอยู่หลายเดือน กว่าจะครบ 108 ครั้ง ตามตำรา - เมื่อได้เนื้อที่จะทำตะกรุดเเล้วท่านก็นำส่งไปให้ร้านที่ท่านสั่งซื้อตะกั่วเข้าเครื่องรีดให้ ซึ่งทำให้ได้เเผ่นมหามวลสารที่เป็นชนวนเพื่อที่จะใช้ลงตะกรุดเป็นตะกั่วเนื้อละเอียด ดูแน่นๆต่างจากเเผ่นตะกรุดที่เคยใช้งานมาทุกครั้ง ...วิชานี้เท่าที่เคยลองจารลองเสกให้คนนำไปใช้ ท่านว่าไม่มีนิ่งอยู่กับที่ซักคน เห็นได้ดีกันทุกคน คนจนก็เจอช่องทางทำมาหากินกลายเป็นเศรษฐี ข้าราชการก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นเอาๆเเซงเพื่อนรุ่นเดียวกันไม่รู้กี่ขั้น ท่านว่าขนาดลงเเผ่นตะกั่วธรรมดาๆเลยนะ มันดันจนได้ดีกันทุกคน มาดูมารู้ตัวอีกทีคนที่ได้ที่พกเขาไม่ใช่คนเก่าไม่มีอะไรแบบตอนเเรกเสียเเล้ว เขาหวงตะกรุดนี่เสียยิ่งกว่าอะไร ...ก็เลยตั้งชื่อไว้ว่าตะกรุดตัวพ่อดันได้ดี เพราะสมัยก่อนหากทำให้คนใช้จากยาจกไม่มีจะกินต้องได้เป็นถึงเจ้าพระยาพานทอง ถึงได้บอกได้ย้ำว่าเป็นของคู่บุญ มีไว้เหมือนมีพ่ออยู่กับตัวคอนหนุนส่งผลักดันให้เจริญ ท่านว่าผลักดันนะไม่ใช่ดันทุรัง ถ้าผลักดันมันมีเเต่ขึ้นทั้งวันทั้งคืน ได้ความเจริญได้ความสำเร็จมาแบบหนักแน่นมั่นคง เเต่ถ้าเป็นดันทุรัง ได้วันนี้ พรุ่งนี้จะเหลืออะไรหรือไม่ มันจะคงอยู่กับเราไปได้นานซักเเค่ไหนก็ไม่ทราบได้ คนสมัยนี้มักจะมองข้ามของที่มีคุณแบบนี้และมักจะไปแสวงหาของที่ดันทุรังกันมันเลยไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน นี่อานุภาพของตะกรุดตัวพ่อดันได้ดี ท่านว่าเเล้วเเต่จะขอจะใช้เลยขอได้ทุกอย่างจะให้พาลพบเจอกับอะไรก็ตั้งปรารถนาเอาไว้ อยากเด่น อยากดัง อยากได้ดีกว่าใคร ต้องเอาไปใช้เเล้วจะรู้เอง ท่านว่าจะรู้สึกได้เองเวลาทำอะไรเหมือนมีใครให้ความช่วยเหลือคอยดันเราอยู่ข้างหลัง เหมือนพ่อคอยส่งเสริมลูกไม่มีวันทิ้งลูกเกื้อกูลกันไปไม่หยุดเช่นนัน (เงินโบราณ เงินพดด้วง เงินด้วง) ...เหรียญเงินไทยนั้นมีใช้มาแต่โบราณสมัย แต่ได้มีมาในรูปแบบอื่น เช่นรูปกลมที่เรียกว่า เงินพดด้วง(เพราะมีลักษณะกลมเหมือนขดตัวด้วง)รูปเป็นเส้นเงินงอโค้งที่เรียกว่าเงินขาคีม เหรียญเงินรูปต่างๆของไทยเรานี้เพิ่งเปลี่ยนรูปมีลักษณะกลมแบนเป็นเหรียญในรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง ด้วยความเป็นกษัตริยาธิราชทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทำให้เหรียญกระสาปน์กลายเป็นเครื่องรางของขลังอันศักดิ์สิทธิ์ สัปบรุษนำไปติดตัวเพื่อเป็นเครื่องสักการะเพราะมีพระบรมรูปของกษัตริย์แผ่นดินนั้นๆ ปรากฏอยู่ด้วย ...เงินพดด้วงในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏว่ามีเครื่องหมายจำหลักอยู่บนก้อนเงินนั้นเป็นตราหลายอย่าง อาทิที่เรียกกันว่าตราบัวยันต์บ้าง ตรามงกุฎบ้าง ตราราชวัฎบ้าง รูปจำหลักเหล่านี้ถือกันว่าเป็นของสูงอันเนื่องในพระเจ้าแผ่นดิน กล่าวกันว่าการหล่อหลอมเงินกระสาปน์ของไทย แต่ก่อนนั้นท่านมีพระคณาจารย์ทำพิธีในขณะหล่อหลอมนั้นด้วย ทั้งนี้เพราะโบราณท่านถือว่าเงินเป็นของมีค่า เป็นของสูงที่มีคุณประโยชน์แก่ผู้ใช้ ดังนั้นในปัจจุบันนี้เราจึงเห็นมีผู้ห้อยเหรียญเงินสมัยรัชกาลที่ 5 แบบทำนองห้อยพระเครื่องอยู่กับตัว ทั้งยังได้ปรากฏเหตุการณ์ความศักดิ์สิทธิ์แก่ผู้นั้นอีกนับเป็นอเนกประการ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้เคารพนับถือ อาจสามารถยังความสวัสดิมงคลมาสู่ได้ ผู้นับถือจึงนำเหรียญเงินนั้นติดตัวเป็นเครื่องราง ...พระคณาจารย์หลายท่านที่ได้นำเงินโบราณเหล่านี้ไปคุลีการกับวัสดุอาถรรพณ์อื่นๆ แล้วนะไปหล่อหลอมเป็นพุทธปฎิมา อาทิ สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวราราม ทรงใช้เงินตราบัวยันต์รัชกาลที่4 หล่อองค์พระกริ่ง79 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักพระเครื่องเป็นอันมาก เหรียญเจ้าสัวหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่เลื่องลือกันมาช้านาน โดยเฉพาะเนื้อเงินนั้นมีจำนวนไม่มากนักเนื้อเงินเป็นเนื้อที่สร้างขึ้นด้วย เงินพดด้วง ผสมกับ ขี้นกเขาเปล้า(นกเปล้า เป็นนกศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ขี้จะมีสารประเภทดีบุกและตะกั่วผสมอยู่ บินสูงและเร็วมาก หายาก เมื่อถึงยามดีจะมาและขี้ทิ้งไว้) นอกจากนั้นแล้วเงินโบราณเหล่านี้ยังเป็นที่เสาะแสวงหาของชาวชาติ เพื่อนำไปสะสมเป็นวัตถุโบราณอีกด้วย ...เงินพดด้วง หรือเงินด้วง มักทำมาจากเนื้อเงินเนื้อตะกั่ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเงินสมัยยุคแรก ว่ากันว่าผู้ที่พกพาบูชาใว้ จะไม่มีวันขาดเงิน ไม่มีวันอับจน จะมีแต่สิ่งมงคลมาสู่แต่ผู้บูชา มักนิยมนำมาบูชาใส่ตะกร้าเงินยามค้าขาย หรือบูชาติดตัว ไปไหนจะไม่มีวันเงินขาดมือ เสริมบารมีแก่ผู่บูชา เงินพดด้วงมีพุทธคุณทางโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด และถือว่าเป็นเคล็ดในการมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ |
พระเครื่องที่เกี่ยวข้องในร้านค้านี้...
อื่นๆ...
