พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย - webpra

ประมูล หมวด:พระสมเด็จทั่วไป

พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย

พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย
รายละเอียด**รหัส ศ.ร.๑๖๕๐
พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่โทน วัดเข้าน้อยคีรีวัน บ้านบึง ชลบุรี สภาพสวย


หลวงปู่โทน กนตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน ตอน ตำนานบทหนึ่งของพระเกจิจากเมืองชลบุรี

สวัสดีครับ...บันทึกน้อยของผมตอนนี้เป็นเรื่องของพระเกจิอาจารย์ ที่สำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ท่านเป็น”พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ..” คนในเมืองชลนับถือท่านมาก ท่านคือ”อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาน้อยคีรีวัน” ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีครับ



ชื่อของท่านคนเมืองชลเรียกกันโดยทั่วไปว่า “หลวงปู่โทน กนตสีโล....”จะว่าไปแล้วท่านนับว่าเป็นพระแท้ของชาวบ้านจริงๆ คือมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายสมถะและไม่ยินดีกับลาภยศสรรเสริญใดๆครับ...



หลวงปู่โทนท่านเป็นพระที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านตามแบบที่เราเรียกกันว่า...”สมภารวัดบ้านนอก”..

กล่าวคือผู้ที่เป็นสมภารจะต้องรับเรื่องทุกข์ร้อนได้ทุกเรื่องที่ชาวบ้านเข้ามาขอความเมตตาจากท่านช่วยสงเคราะห์ การสวดมนต์ การประกอบพิธีกรรม การอบรมสั่งสอนแสดงธรรม การนั่งปรกปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตวัตถุมงคล ฯลฯ



ซึ่งท่านสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีที่ติ จนสามารถนำพาศรัทธาของชาวบ้านและผู้ที่เคารพเลื่อมใสในตัวท่าน ร่วมบุญ ร่วมกุศล ช่วยกันสร้างศาสนสถาน ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดเขาน้อยคีรีวัน ดังเป็นที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน...



หลวงปู่โทน กนฺตสีโล เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๒๘๕ ตรงกับ ร.ศ.๑๔๒ ที่ ต.วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อนายกิ่ม โยมมารดาชื่อนางแดง นามสกุล เหลืองอ่อน

โยมของท่านทั้งสองดำเนินอาชีพทางกสิกรรม เมื่อตอนเยาว์วัยมีอายุเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือ ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดเนินสังข์ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน..



หลวงปู่โทน เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๓๐ ปี ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๕ ณ วัดเนินสังข์สฤษฏาราม ต.ไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี

โดยมี”พระครูพิสิฏฐ์ศาสนคุณ” (หลวงพ่อทองหยิบ) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ อ.พนัสนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเอี่ยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระป้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ทั้งสองรูปนี้อยู่ที่วัดไร่หลักทอง ท่านได้รับฉายาว่า “กนฺตสีโล” ซึ่งแปลว่า “ผู้มีศีลเป็นที่น่ายินดี….”



ในส่วนของเรื่อง”จิตตานุภาพ”นั้น หลวงปู่โทน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงซึ่งวิทยาคุณอีกองค์หนึ่ง รูปธรรมที่เราเห็นชัดเจนคือภาพของท่านที่เข้าร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งงานราษฏร์ งานหลวง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชลบุรีจะขาดท่านเสียมิได้เลย..

นอกเหนือไปจากวิชาอาคมด้านการปลุกเสกแล้ว “ศาสตร์ด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้คาถาและจิต” ท่านก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้โดยเฉพาะทางแพทย์แผนโบราณคือ “การเสกน้ำมันมนต์ประสานกระดูก”..ที่ขึ้นชื่อมาก

ตลอดจนถึงการศึกษาทางไสยเวทเอาไว้ป้องกันคุณไสยซึ่งในสมัยก่อนมีกันมากไม่ว่าจะเป็นยาสั่ง เสกของเข้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นตะปู หนังควาย หรือเส้นผม ฯลฯ…



สมัยก่อนการจะฆ่าคนนั้น ถ้าบุคคลนั้นมีวิชาทางคุณไสยเวทชนิดนี้แล้ว ไม่ต้องใช้อาวุธ มีด อาวุธปืนใดๆ เพียงแต่เสกยาสั่ง (สั่งตาย) เสกตะปู เสกหนังควายให้เข้าไปหาผู้ที่ต้องการให้เขาตาย แล้วเสกยาสั่งเพียงแต่สั่งให้ผู้นั้นไปกินอาหารหรือผลไม้ที่ผู้เสกๆสั่งเอาไว้ แล้วผู้นั่นไปกินของที่เขาสั่งไว้ ก็ตายได้เช่นกัน



เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะพิสูจน์สอบสวนได้เลย เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานให้เห็น ไม่รู้สาเหตุแห่งการตายหาฆาตกรไม่พบ นั่นคืออำนาจของวิชาคุณไสยหลวงปู่โทนได้ศึกษาวิชานี้ทั้ง”เรียนผูกและเรียนแก้..” ทั้งนี้วิชาที่ท่านเรียนมานี้ มิได้มุ่งหมายเอาไว้ทำร้ายใครเป็นเพียง...

”ศึกษาเอาไว้เพื่อป้องกันตนเองและคอยเอาไว้ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น...”



การศึกษาวิชาคาถาอาคมนี้ หลวงปู่โทนได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงลุงของท่าน คือ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน” อำเภอพนัสนิคม หลวงพ่อทับเป็นพระสงฆ์ที่แก่กล้าด้วยคาถาอาคม มีพลังจิตที่เข้มขลัง..

นอกจากนี้หลวงปู่โทน กนฺตสีโล ยังได้ฝากตัวลงเป็นศิษย์กับ”พระครูพินิจสมาจารย์”หรือที่ชาวชลบุรีในอดีตรู้จักท่านดีในนามว่า “หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม" อ.พนัสนิคม หลวงพ่อโด่รูปนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง...



โดยเฉพาะ”สีผึ้ง” ชาวเมืองชลเชื่อถือกันว่า ขมังในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และค้าขาย เด็ดขาดนัก สำหรับเรื่อง“ชื่อชั้น...”ของหลวงพ่อโด่ แห่งวัดนามะตูม ถ้าจะพูดตามภาษาชาวบ้านต้องเรียกว่า “หัวกระไดกุฎิไม่แห้ง....”ครับ

ศิลปะคือ”เครื่องขัดเกลาชีวิตและจิตใจ” ทำให้มนุษย์เข้าถึงธรรมชาติ.. สำหรับภิกษุสงฆ์แล้ว การออกเดินธุดงค์ คือ..

”เครื่องขัดเกลาและฝึกฝนความแกร่งกล้าของจิต...”



หลวงปู่โทนได้ออกเดินธุดงค์ไปทางภาคเหนือ เช่นเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย และเข้าสู่ประเทศพม่าเพื่อไปกราบนมัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง..

เมื่อออกจากพม่าท่านก็ได้เดินทางย้อนกลับเข้าสู่เมืองไทย บำเพ็ญเพียรตามป่าตามถ้ำ ได้ระยะหนึ่งจากนั้นท่านได้เดินธุดงค์เข้าประเทศลาว เขมร และกลับเข้าประเทศไทย “นับรวมเวลาที่ท่านเดินธุดงค์ทั้งสิ้น ๓๒ ปี....”



หลังจากหยุดธุดงค์ในช่วงเวลาว่างท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมกับ”หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง..” เนื่องจากเป็นสหธรรมิกรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เมื่อได้สนทนากันแล้ว หลวงปู่ทิมจึงแนะนำให้มาสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นที่ “เขาน้อย” ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี..

เขาน้อยแห่งนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูงมีป่าไม้เบญจพันธุ์ลำต้นใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่เงียบสงบ โดยหลวงปู่ทิมท่านเห็นว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมและเจริญกรรมฐานเป็นอย่างมาก





ในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับหลวงปู่โทนเสมอมา หลายครั้งที่ท่านเดินทางไปหาหลวงปู่ทิม ท่านจะพักค้างคืนอยู่ที่วัดละหารไร่อยู่เป็นเดือนบ้างสองเดือนบ้าง จึงจะกลับวัดเขาน้อยคีรีวัน





หลวงปู่ทิมท่านจะแนะชีวิตการปลุกเสกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังให้กับหลวงปู่โทน อีกทั้งยังมอบพระเครื่องรุ่นต่างๆของท่านให้กับหลวงปู่โทนนำกลับไปแจกแก่ผู้ร่วมทำบุญสร้างวัดเขาน้อยคีรีวันอยู่บ่อยครั้ง..

ถ้าจะถามต่อว่าบ่อยแค่ไหน คงต้องตอบว่าบ่อยซะจนหลวงปู่โทนเองท่านก็ยังจำไม่ได้ นับเป็นความกรุณาของหลวงปู่ทิมที่มีต่อวัดเขาน้อยคีรีวันเป็นอย่างมาก สำหรับในเรื่องของวิชาคาถาอาคมต่างๆที่หลวงปู่ทิมได้แนะนำอมรมสั่งสอนให้หลวงโทนนั้น หลวงปู่โทนเคยพูดกับผู้ใกล้ชิดว่า..

“เมื่อนำมาปฏิบัติตามก็ได้ผล อย่างที่หลวงปู่ทิมบอกไว้ทุกประการ..”



หลวงปู่โทน ท่านได้มาอยู่ที่เขาน้อยนี้เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๒ โดย ตอนแรกท่านได้อาศัยปักกลดนั่งสมาธิภาวนา ต่อมาชาวบ้านแถบนั้นเห็นจริยาวัตรศีลปฏิบัติของท่านจึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้หลังเล็กๆขึ้นหนึ่งหลัง ถวายท่านเพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม





จากการสร้างศรัทธาชาวบ้านที่เริ่มจากกุฎิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจนทางคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา และแถลงการณ์คณะสงฆ์ตั้งชื่อเป็นวัดว่า “วัดเขาน้อยคีรีวัน”

ซึ่งถือว่าเป็นวัดโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ มีเนื้อที่ครั้งแรกทั้งหมด ๘ ไร่ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอุโบสถเพื่อประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล ทำสังฆกรรมอุปสมบทแก่กุลบุตรผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา….





หลวงปู่โทน กนตสีโล ท่านได้”มรณภาพด้วยอาการอันสงบเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑” ซึ่งการจากไปของท่านได้สร้างความเสียใจให้กับลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก อย่างไรก็แล้วแต่..

”ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกขณะจิตจึงควรกระทำแต่ความดี..”

ทุกวันนี้พระสงฆ์ของวัดเขาน้อยคีรีวันและกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงปู่โทน ยังคงสืบสานเจตนาตามธรรมโอวาทของท่าน...

ราคาเปิดประมูล250 บาท
ราคาปัจจุบัน250 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 13 ก.พ. 2557 - 22:14.03
วันปิดประมูล พ. - 05 มี.ค. 2557 - 22:14.03 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 250 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ50 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top