พระกริ่งเล็ก หลวงพ่อพุทธโสธร ปี 2508 พิมพ์ต้อ องค์น้อยน่ารัก สภาพงาม ๆ มาแล้วจ้า-jorawis - webpra

เว็บ-พระ ประมูลพระเครื่อง ร้านค้าพระเครื่องออนไลน์

jorawis

มีพระกรุยอดนิยมหลากหลายสภาพ ให้เลือกชม

เน้นพระแท้ ดูง่าย รับประกันความแท้ตามสากลนิยม มีให้เลือกชมทั้งพระเนื้อดิน ชิน ผง
แทบทุกองค์ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชียวชาญ โดยมีรางวัลจากการผ่านงานประกวดมาตรฐาน
หรือ

ผ่านการออกใบรับรองพระแท้ จากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย
ที่สามารถยืนยันถึงความแท้และความถูกต้องของข้อมูล
ที่เกี่ยวกับองค์พระได้เป็นอย่างดี
ส่วนใหญ่เป็นพระกรุพระเก่ายอดนิยม

หลายองค์เป็นพระในตำนาน หาชมได้ยากในปัจจุบัน
บางองค์ไม่มีแม้แต่รูปให้ผ่านสายตา

ส่วนบางองค์มีให้เห็นแค่เฉพาะภาพในหนังสือพระเครื่องมาตรฐานสูงบางเล่มเท่านั้น

สนใจเชิญติดต่อกันเข้ามาได้
ยินดีต้อนรับด้วยความเป็นกันเองทุกท่านทุกสายเลยจ้า

มีพระยอดนิยมมากมายให้เลือกชม เน้นพระแท้ดูง่ายโดยเฉพาะพระกรุ พระเก่า ประกันความแท้ตามมาตรฐานสากลนิยม

หมวด หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร

พระกริ่งเล็ก หลวงพ่อพุทธโสธร ปี 2508 พิมพ์ต้อ องค์น้อยน่ารัก สภาพงาม ๆ มาแล้วจ้า

ชื่อร้านค้า	jorawis - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า	jorawis (99)
ชื่อพระเครื่อง	พระกริ่งเล็ก หลวงพ่อพุทธโสธร ปี 2508 พิมพ์ต้อ องค์น้อยน่ารัก สภาพงาม ๆ มาแล้วจ้า
อายุพระเครื่อง	51 ปี
หมวดพระ	หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร
ราคาเช่า	-
เบอร์โทรติดต่อ	(ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ	Jorawis@gmail.com
สถานะ
Facebook	Share
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่	พฤ. - 26 พ.ค. 2554 - 22:13.49
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ	อา. - 03 ธ.ค. 2566 - 16:49.50

รายละเอียด
พระกริ่งเล็กพุทธโสธรเนื้อทองเหลืองจะมีลักษณะคล้ายกับพระชัยวัฒน์ทั่วไป ผิดกันที่มีการอุดกริ่งที่ใต้ฐานพระทุกองค์จึงเรียกว่า"พระกริ่งเล็ก" พระกริ่งเล็กของทางวัดโสธรมีการสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2500 และมีการสร้างต่อเนื่องกันมาจนปัจจุบัน.... มีมากพิมพ์ทั้งเก่าและใหม่ ทำให้การแยกแยะพิมพ์ค่อนข้างลำบาก องค์นี้เป็นพระกริ่งน้อย ปี 08พิมพ์ต้อ ที่วงการนิยมเล่นหากันมานาน แม้ราคาไม่สูงขนาดพระกริ่งใหญ่รมดำแต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย องค์นี้เป็นพระเปียกทองเก่าเก็บมามาแต่เดิม สภาพยังเรียบร้อยสมบูรณ์ กริ่งยังดังไม่ติดขัด Jorawis รับประกันความแท้ตามสากลนิยมเช่นเดิม สนใจติดต่อกันเข้ามาได้เลยจ้า หรืออาจมีพระรายการอื่น ๆ ที่ทำนกำลังค้นหาอยู่เชิญที่นี่เลยจ้า http://www.web-pra.com/Shop/jorawis หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิพระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลามีส่วนสูง ๖ฟุต ๗นิ้ว พระเพลากว้าง ๕ฟุต ๖นิ้ว ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ ๔ ชั้น ปูลาดด้วยผ้าทิพย์ ซึ่งหมายถึงการอยู่สูงสุด เป็นพุทธเหนืออริยบุคคล 4 คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ อย่างไรก็ตามจากพุทธลักษณะของหลวงพ่อพุทธโสธรทำให้มีผู้ให้ความเห็นเรื่องต้นกำเนิดของหลวงพ่อพุทธโสธรแตกต่างกันออกไป จะเห็นได้จากข้อเขียนของนายทองใบ ภู่พันธ์ สำนักวัดพิกุลเงิน อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรีที่เขียนถึงในหนังสือประวัติของหลวงพ่อพุทธโสธร เมื่อปี พ.ศ ๒๔๙๒ โดยสัณนิษฐานว่าอาจสร้างขึ้นโดยชาวลาว ซึ่งเป็นไปได้ทั้งชาวลาวเวียงจันทน์ ลาวโซ่ง หรือ ลาวเชียงรุ้ง ที่ถูกกวาดต้อนมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวลาวเหล่านี้ส่วนใหญ่มาตั้งรกรากอยู่ทางตอนหนือของลำน้ำบางปะกง ในเขตอำเภอพนมสารคามในปัจจุบัน พวกช่างฝีมืชาวลาวในยุคนั้นมีคตินิยมในการสร้างพระพุทธรูปด้วยไม้โพธิ์แกะ น่าจะสอดคล้องกับตำนานเรื่องพระลอยน้ำมา แต่ต่อมาได้เอาปูนพอกองค์พระเดิมไว้เสียจนมีขนาดใหญ่ด้วยเหตุผลบางประการ ซึ่งรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงสภาพและขนาดจากพระองค์เดิม ก็มีปรากฏอยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายกิจจา วัฒนสินธุ์ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๑ ด้วยเช่นกัน ผู้รู้บางท่านก็คิดเห็นแตกต่างออกไปว่าดูจากพุทธลักษณะแล้วน่าจะเป็นฝีมือของช่างล้านนา-ล้านช้างได้สร้างและประดิษฐานไว้ในวัดทางเหนือ เมื่อเกิดภัยจากศึกสงคราม จึงได้ต่อแพอธิษฐานอัญเชิญลอยแพมาตามลำน้ำโดยหวังให้มีผู้มาพบและนำไปประดิษฐานไว้ในวัดต่อไป ในขณะบางท่านมีความเห็นสอดคล้องเรื่องฝีมือช่างแบบล้านช้างแต่แตกต่างกันที่แหล่งที่มาดังจะะเห็นได้จากข้อเขียนของนายมนตรี อมาตยกุล อดีตหัวหน้ากองประวัติศาสตร์กรมศิลปากรได้แสดงทรรศนะ เกี่ยวกับพุทธศิลป์ของหลวงพ่อพุทธโสธรในหนังสือนำเที่ยวฉะเชิงเทราไว้ว่า ” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ....ฯลฯ เท่าที่ตรวจดูรูปทรงภายนอก ซึ่งลงรักปิดทองไว้ ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างแบบล้านช้าง หรือซึ่งเรียกกันเป็นสามัญว่าพระลาว พระพุทธรูปแบบนี้นิยมทำกันมากที่ เมืองหลวงพระบาง ในประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส และทางภาคอีสานของประเทศไทย ” ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์อีกท่านหนึ่ง คือ หลวงรณสิทธิพิชัยที่บันทึกไว้เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรได้บันทึกในเรื่องการสำรวจของโบราณในเมืองไทยมีใจความตอนกล่าวถึงไว้ว่า “ หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๙๘ เมตร เป็นพระพุทธรูปที่บูรณะขึ้นในสมัยปลายศรีอยุธยา หรือ ต้นสมัยรัตโกสินทร์ และช่างผู้บูรณะนั้น เข้าใจว่า จะเป็นฝีมือช่างผู้เคยมีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคอีสาน...ฯลฯ “ บางท่านมีความเห็นแตกต่างออกไปอีกว่าดูจากพุทธศิลป์แต่เพียงภายนอกไม่ได้เนื่องจากบางตำนานเล่าขานกันต่อ ๆ มาว่าองค์ที่แท้จริงเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้างประมาณศอกเศษ แต่ได้พอกปูนเสริม ตลอดจนลงรักปิดทองไว้ด้วยเหตุบางประการ จนเป็นอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อพุทธโสธร จะไม่สามารถค้นคว้าหาหลักฐานที่ชัดเจนได้ก็ตาม แต่ความศักดิ์สิทธิ์ จนเกิดเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้นมีมาช้านานตั้งแต่มีผู้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานแต่โบราณกาลแล้ว บ้างก็อธิษฐานบนบาน ปรากฏว่าได้ผลสมตามปรารถนา โรคภัยไข้เจ็บก็หาย หลายคนรอดพ้นภัยต่าง ๆ แต่นั้มากิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพุทธโสธก็เป็นที่เลื่องลือเป็นที่นับถือในความศักดิ์สิทธิ์จวบจนปัจจุบันเนื่องจากความศักสิทธิ์ ของหลวงพ่อพุทธโสธร เป็นที่นับถือร่ำลือกันไปทั้งในประเทศไทย และชาวต่างชาติ ในภูมิภาคใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงชาวต่างชาติที่มีเชื้อสายจีนในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีความเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ได้มีการนำประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อ ไปเผยแผ่ทั้งในภาษาจีนและ ภาษาอังกฤษ ทำให้แต่ละวันจะมีผู้คนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้ บนบานขอพรตลอดจนแก้สินบนตามที่ได้บนบานไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น พวงมาลัย ดอกไม้ อาหารคาวหวาน ตลอดจน การฟ้อนรำ และ ละครชาตรี เป็นต้น ยิ่งในช่วงวันนักขัตฤกษ์ วันตรุษสารทต่างๆรวมถึงในช่วงงานนมัสการหลวงพ่อกลางเดือนห้า และกลางเดือนสิบสอง ของวัดโสธรด้วยแล้ว พุทธศาสนิกชนจะหลั่งไหลไปนมัสการกันมืดฟ้ามัวดินจนแทบไม่มีที่ยืนกันทีเดียว

รายละเอียด

พระกริ่งเล็กพุทธโสธรเนื้อทองเหลืองจะมีลักษณะคล้ายกับพระชัยวัฒน์ทั่วไป ผิดกันที่มีการอุดกริ่งที่ใต้ฐานพระทุกองค์จึงเรียกว่า"พระกริ่งเล็ก"

พระกริ่งเล็กของทางวัดโสธรมีการสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2500
และมีการสร้างต่อเนื่องกันมาจนปัจจุบัน.... มีมากพิมพ์ทั้งเก่าและใหม่
ทำให้การแยกแยะพิมพ์ค่อนข้างลำบาก องค์นี้เป็นพระกริ่งน้อย ปี 08พิมพ์ต้อ ที่วงการนิยมเล่นหากันมานาน แม้ราคาไม่สูงขนาดพระกริ่งใหญ่รมดำแต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย องค์นี้เป็นพระเปียกทองเก่าเก็บมามาแต่เดิม สภาพยังเรียบร้อยสมบูรณ์ กริ่งยังดังไม่ติดขัด Jorawis รับประกันความแท้ตามสากลนิยมเช่นเดิม สนใจติดต่อกันเข้ามาได้เลยจ้า

หรืออาจมีพระรายการอื่น ๆ ที่ทำนกำลังค้นหาอยู่เชิญที่นี่เลยจ้า

http://www.web-pra.com/Shop/jorawis

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิพระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลามีส่วนสูง ๖ฟุต ๗นิ้ว พระเพลากว้าง ๕ฟุต ๖นิ้ว ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ ๔ ชั้น ปูลาดด้วยผ้าทิพย์ ซึ่งหมายถึงการอยู่สูงสุด เป็นพุทธเหนืออริยบุคคล 4 คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
อย่างไรก็ตามจากพุทธลักษณะของหลวงพ่อพุทธโสธรทำให้มีผู้ให้ความเห็นเรื่องต้นกำเนิดของหลวงพ่อพุทธโสธรแตกต่างกันออกไป จะเห็นได้จากข้อเขียนของนายทองใบ ภู่พันธ์ สำนักวัดพิกุลเงิน อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรีที่เขียนถึงในหนังสือประวัติของหลวงพ่อพุทธโสธร เมื่อปี พ.ศ ๒๔๙๒ โดยสัณนิษฐานว่าอาจสร้างขึ้นโดยชาวลาว ซึ่งเป็นไปได้ทั้งชาวลาวเวียงจันทน์ ลาวโซ่ง หรือ ลาวเชียงรุ้ง ที่ถูกกวาดต้อนมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวลาวเหล่านี้ส่วนใหญ่มาตั้งรกรากอยู่ทางตอนหนือของลำน้ำบางปะกง ในเขตอำเภอพนมสารคามในปัจจุบัน พวกช่างฝีมืชาวลาวในยุคนั้นมีคตินิยมในการสร้างพระพุทธรูปด้วยไม้โพธิ์แกะ น่าจะสอดคล้องกับตำนานเรื่องพระลอยน้ำมา แต่ต่อมาได้เอาปูนพอกองค์พระเดิมไว้เสียจนมีขนาดใหญ่ด้วยเหตุผลบางประการ ซึ่งรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงสภาพและขนาดจากพระองค์เดิม ก็มีปรากฏอยู่ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ นายกิจจา วัฒนสินธุ์ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๑ ด้วยเช่นกัน
ผู้รู้บางท่านก็คิดเห็นแตกต่างออกไปว่าดูจากพุทธลักษณะแล้วน่าจะเป็นฝีมือของช่างล้านนา-ล้านช้างได้สร้างและประดิษฐานไว้ในวัดทางเหนือ เมื่อเกิดภัยจากศึกสงคราม จึงได้ต่อแพอธิษฐานอัญเชิญลอยแพมาตามลำน้ำโดยหวังให้มีผู้มาพบและนำไปประดิษฐานไว้ในวัดต่อไป ในขณะบางท่านมีความเห็นสอดคล้องเรื่องฝีมือช่างแบบล้านช้างแต่แตกต่างกันที่แหล่งที่มาดังจะะเห็นได้จากข้อเขียนของนายมนตรี อมาตยกุล อดีตหัวหน้ากองประวัติศาสตร์กรมศิลปากรได้แสดงทรรศนะ เกี่ยวกับพุทธศิลป์ของหลวงพ่อพุทธโสธรในหนังสือนำเที่ยวฉะเชิงเทราไว้ว่า ” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ....ฯลฯ เท่าที่ตรวจดูรูปทรงภายนอก ซึ่งลงรักปิดทองไว้ ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างแบบล้านช้าง หรือซึ่งเรียกกันเป็นสามัญว่าพระลาว พระพุทธรูปแบบนี้นิยมทำกันมากที่ เมืองหลวงพระบาง ในประเทศอินโดจีนฝรั่งเศส และทางภาคอีสานของประเทศไทย ” ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์อีกท่านหนึ่ง คือ หลวงรณสิทธิพิชัยที่บันทึกไว้เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรได้บันทึกในเรื่องการสำรวจของโบราณในเมืองไทยมีใจความตอนกล่าวถึงไว้ว่า “ หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๙๘ เมตร เป็นพระพุทธรูปที่บูรณะขึ้นในสมัยปลายศรีอยุธยา หรือ ต้นสมัยรัตโกสินทร์ และช่างผู้บูรณะนั้น เข้าใจว่า จะเป็นฝีมือช่างผู้เคยมีภูมิลำเนาอยู่ทางภาคอีสาน...ฯลฯ “
บางท่านมีความเห็นแตกต่างออกไปอีกว่าดูจากพุทธศิลป์แต่เพียงภายนอกไม่ได้เนื่องจากบางตำนานเล่าขานกันต่อ ๆ มาว่าองค์ที่แท้จริงเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ ปางขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้างประมาณศอกเศษ แต่ได้พอกปูนเสริม ตลอดจนลงรักปิดทองไว้ด้วยเหตุบางประการ จนเป็นอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อพุทธโสธร จะไม่สามารถค้นคว้าหาหลักฐานที่ชัดเจนได้ก็ตาม แต่ความศักดิ์สิทธิ์ จนเกิดเหตุอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้นมีมาช้านานตั้งแต่มีผู้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานแต่โบราณกาลแล้ว บ้างก็อธิษฐานบนบาน ปรากฏว่าได้ผลสมตามปรารถนา โรคภัยไข้เจ็บก็หาย หลายคนรอดพ้นภัยต่าง ๆ แต่นั้มากิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพุทธโสธก็เป็นที่เลื่องลือเป็นที่นับถือในความศักดิ์สิทธิ์จวบจนปัจจุบันเนื่องจากความศักสิทธิ์ ของหลวงพ่อพุทธโสธร เป็นที่นับถือร่ำลือกันไปทั้งในประเทศไทย และชาวต่างชาติ ในภูมิภาคใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมถึงชาวต่างชาติที่มีเชื้อสายจีนในภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีความเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ได้มีการนำประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อ ไปเผยแผ่ทั้งในภาษาจีนและ ภาษาอังกฤษ ทำให้แต่ละวันจะมีผู้คนจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้ บนบานขอพรตลอดจนแก้สินบนตามที่ได้บนบานไว้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น พวงมาลัย ดอกไม้ อาหารคาวหวาน ตลอดจน การฟ้อนรำ และ ละครชาตรี เป็นต้น ยิ่งในช่วงวันนักขัตฤกษ์ วันตรุษสารทต่างๆรวมถึงในช่วงงานนมัสการหลวงพ่อกลางเดือนห้า และกลางเดือนสิบสอง ของวัดโสธรด้วยแล้ว พุทธศาสนิกชนจะหลั่งไหลไปนมัสการกันมืดฟ้ามัวดินจนแทบไม่มีที่ยืนกันทีเดียว