เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492-พบสุขพระเครื่อง - webpra
( ใ ห้ ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ รู้ ว่ า บ้ า น เ ร า มี ดี ) 0 8 9 0 9 9 9 9 7 9 น น ท์ ม ห า โ ช ค

หมวด พระเกจิภาคตะวันออก

เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492

เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492 - 1เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492 - 2เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492 - 3เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492 - 4
ชื่อร้านค้า พบสุขพระเครื่อง - (คลิ๊กที่นี่เพื่อดู ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า)
ชื่อเจ้าของร้านค้า
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492
อายุพระเครื่อง 75 ปี
หมวดพระ พระเกจิภาคตะวันออก
ราคาเช่า -
เบอร์โทรติดต่อ (ไม่แสดงเบอร์ เนื่องจากรายการนี้ไม่ได้ปล่อยเช่า)
อีเมล์ติดต่อ ngamkamol2009@hotmail.com
LINE
(คลิ๊กที่นี่เพื่อเพิ่มเพื่อนกับเจ้าของร้าน)
สถานะ พระโชว์
Facebook
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ อ. - 01 พ.ค. 2561 - 17:06.19
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ ส. - 30 มิ.ย. 2561 - 16:01.06
รายละเอียด
หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ(วัดไผ่สามกอ) อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา... ท่านคือ 1 เดียว ในสยาม เก่งกว่าที่หลายท่านคิดว่า เก่ง..
...สุดยอดอมตะเถราจารย์ แห่งเมืองแปดริ้ว ผู้ที่มีพลังจิตรอันแก่กล้ามากและมีวิชาอาคมเข้มขลังหาใดเทียม.... 1 เดียวใน สยาม ที่มีตาลปัตร เป็นรูป " เสือ "

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเสือ วัดไผ่สามกอ ปี 2492 หายากยิ่งนักแล....รุ่นแรกที่ราคาแพงสุดของท่านต้องเหรียญท่านหลวงพ่อเสือ ซึ่งหายากยิ่งนัก
...รุ่นนี้เหรียญหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ พ.ศ.2492 พิมพ์หน้าผาก3เส้น พ.ศ.(มีจุด) เนื้อทองแดง จัดเป็นพิมพ์นิยม *มีในรายการประกวดหลัก ท้องที่เล่นหากัน แต่ถ้าไม่มีเส้นหน้าผาก และ พ.ศ.ไม่มีจุดเป็นเหรียญเสริม สร้างทีหลัง องค์นี้เก่าดูง่ายตัวหนังสือเป็นแท่งขอบตัดยุคเก่า ห่วงเดิมยังอยู่ผิวไฟยังครบ

((((หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา))))
++ ท่านเป็นสุดยอดเกจิ แห่งเมืองแปดริ้ว ผู้มี ฌาณสมาบัติขั้นสูง มีพุทธาคมเข้มขลัง แก่กล้า โด่งดังมากในเรื่อง ของน้ำมนต์ ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ สมัยท่านมีชีวิตอยู่ ละแวกนั้นและพื้นที่เขตจังหวัดใกล้เคียง เช่น ชลบุรี ฯลฯ หากมีพิธี ปลุกเสกใดๆ มักจะนิมนต์ท่านเข้าร่วมเสมอ สมัยก่อน ใครที่เป็นบ้า เป็นบอ ถูกคุณไสย์ หรือโดนกระทำใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด นำมาล่ามไว้ที่วัดไผ่สามกอ 3 วัน 7 วัน หายเป็นปลิดทิ้ง ทุกรายไป วัตถุมงคล ของท่านเด่นดัง ด้าน มหาอุต คงกระพันชาตรี อย่างมาก ท่านเป็น เกจิอาจารย์ ยุคเดียวกับ หลวงพ่อดิ่ง วัด บางวัว หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อจาด วัด บางกระเบา หลวงพ่อคง วัดซำป่าง่าม ร่วมปลุกเสกพิธีเดียวกันเสมอๆ พุทธาคมแก่กล้าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย และ ท่านยังเป็น พระภิษุสงฆ์รูปเดียวในสมัยนั้น ที่มี ตาลปัตร เป็น รูปเสือ หลวงพ่อเสือ

หลวงพ่อเสือ วิรุฬฺหผโล อดีตเจ้าอาวาสวัดสามกอ ต.สิบเอ็ดศอก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เกิดที่บ้านวัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2421 บิดาชื่อแสวง มารดาชื่อเปลี่ยน นามสกุล “ยิ้มอยู่”อาชีพชาวไร่ และดำรงชีพอย่างสัมมาทิฐิ กล่าวคือมีนิสัยใจคอและมีใจเป็นกุศล เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด เมื่อไปวัดนำพาบุตรไปวัดเพื่อฝึกอบรมให้พบเห็นขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามเสมอๆ ครั้นเมื่อหลวงพ่อเสืออายุ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหลวง หรือวัดประสาทโสภณ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้าน จากนั้นได้ออกธุดงค์ติดตามพระอาจารย์อยู่ราว 3 เดือน ก่อนแยกทางกับอาจารย์ ก็ได้ย้ายกลับมาวัดบ้านเดิม(คือวัดหลวง) ซึ่งท่านได้ธุดงค์เพียงลำพังไปเรื่อย ๆ ในแถบภาคอีสาน ภาคเหนือจนทะลุเข้าสู่เขตแดนพม่า ไปพบวัดโชติการาม ซึ่งดูเหมือนเป็นวัดรกร้าง แต่ภายในวัดกลับเต็มไปด้วยสรรพตำราทั้งภาษาพม่า อังกฤษ เยอรมัน เป็นตำราสอนทั้งปริยัติและการปฏิบัติสมาธิ ซึ่งภายในวัดนี้ท่านได้พบพระอาจารย์ โชติ กะธัมมจริยะ เมตตาให้คำแนะนำชี้ทางปฏิบัติธรรมให้เป็นพิเศษ ประกอบกับช่วงนั้นท่านมีอายุครบบวช จึงขออุปสมบทกับพระอาจารย์โชติ และอยู่ศึกษาปฏิบัติเป็นเวลา 6 เดือน ก็กราบลากลับสู่วัดหลวงให้พระอุปัชฌาย์อุปสมบทให้อีกครั้ง

...เมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็ธุดงค์กลับไปที่พม่าอีกครั้ง ปักกลดอยู่ที่วัดซันคยองวิหาร ถึง ๒ ปี ได้รับการอุปถัมภ์บำรุง แนะแนวการปฏิบัติ จากท่านเลตีสยาตอมหาเถระ ปราชญ์ทางศาสนาที่เลื่องลือในยุคนั้น ศึกษาอยู่พอสมควร ก็เดินทางต่อไปยังอินเดีย เพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน 4 แห่ง และต่อไปยังลังกาเพื่อศึกษาสรรพความรู้ในคัมภีร์พุทธศาสนา โดยมีท่านญาณโปนิกมหาเถระให้คำชี้แจงแนะนำ เมื่อกลับจากลังกาได้ธุดงค์กลับมาทางภาคเหนือปฏิบัติธรรมอยู่ที่ถ้ำเชียงดาว 3 ปี แล้วเดินทางเข้าเมืองเชียงใหม่ ดั้นด้นมาจนถึง “ดอยปุย” อยู่ช่วยสงเคราะห์ชาวเขา อาทิ แม้ว มูเซอ สอนธรรมะ และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวเขาให้พ้นจากภูตผีและมนต์ดำ นานถึง 9 ปีเต็มจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ชาวแม้วชาวภูเขาที่เป็นผู้ใหญ่เรียกท่านว่า “เจ้าพ่อเสือ”ส่วนเด็ก ๆ เรียกท่านว่า “ปู่เทพ” และเมื่อท่านจากไป ชาวเขาดอยปุยก็ตั้งศาลเป็นที่ระลึกโดยสร้างเป็นศาลทรงไทย ใช้เสา 4 ต้น บันได 7 ขั้น แถมยังมีรูปปั้นเป็นของหลวงพ่อเสือในท่านั่งสมาธิสูง 3 ฟุต ตั้งไว้สักการะ มีโซ่ล้อมรอบ และตาลปัตรวางไว้ข้าง ๆ

...จึงเดินทางกลับมาบ้านเกิด ที่ชลบุรีโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะมาช่วยเหลือชาวบ้านทั้งการให้ธรรมะและช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งขณะนั้นท่านอายุได้ ๔๕ ปีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแถบจังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมามีชาวบ้าน ต.สิบเอ็ดศอก อ.บ้านโพธิ์จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมใจกันสร้างกุฏิเล็กๆ และนิมนต์ให้ท่านอาศัยอยู่จนในที่สุดสร้างเป็นวัดขึ้น ให้ชื่อว่า “วัดไผ่สามกอ” ตามสัญญลักษณ์ที่มีต้นไผ่เหลืองที่ขึ้นอยู่ ๓ กอหน้ากุฏิของท่านที่ชาวบ้านปลูกถวายนั่นเอง มีเรื่องเล่าว่า… หลวงพ่อไม่เคยสรงน้ำเลยแต่ทุกวันเวลาท่านอยู่ในห้องผู้ที่อยู่ใกล้เคียงจะได้ยินเสียน้ำเหมือนไหลจากฝักบัวและร่างกายของหลวงพ่อก็เปียกเอง ทั้งยังมีกลิ่นหอมเหมือนดอกลำเจียก เมื่อถึงวันเกิดของท่านผู้คนจะหลั่งไหลมาสรงน้ำท่าน เวลาท่านเดินลงจากกุฏิ ฝนจะตกลงมาพอดีทุกครั้งท่านจึงได้ฉายาว่า “พระวิรุฬหผล” ท่านเป็นผู้ที่มีจิตรกล้าแกร่งมากได้รับการเลือกเป็นผู้นำพระออกลุขมูลในสายแปดริ้ว รับช่วงต่อจาก ล.พ เหลือวัดสาวชะโงก สุดยอดเกจิย์ ผู้โด่งดังด้าน ปลัดขิกของเมืองแปดริ้ว ชาวบ้านแถบวัดเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้น คนที่เป็นบ้าวิกรจริต ซึ่งไม่ได้เป็นแต่กำเนิด อาจถูกของคุณไสย์ จะถูกพามาหาท่านให้ท่านรักษาให้ ภายใน 3-7 วันก็จะหายดี คนถูกผีเข้าโดนของท่านจะใช้พลังจิตรช่วยขับไล่ปัดเป่า จนหายดีทุกคนไป เป็นที่พึ่งของชาวบ้านเสมอมา.. ซึ่งท่านเก่งทำน้ำมนต์มาก น้ำมนต์ของท่านนั้นชงักนัก คนโดนผีเข้าโดนคุณไสย แรงแค่ใหนเห็นเป็นต้องออกทุกรายไป แม่ค้าแม่ขายมาขอน้ำมนต์จากท่านไปพรม ร้านค้า ขายของดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย และยิ่งด้วยพลังจิตรของท่านที่แก่กล้ามาก ขนาดญาติผู้ป่วยไม่สามารถพาคนป่วยมาได้ มาบอกกล่าวท่านให้ช่วย ท่านยังสามารถ ส่งกระแสจิตไปช่วยปัดเป่าให้คนป่วย นั้นหายดีจนได้...

หลวงพ่อเสือท่านได้อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ชาวบ้านมาจนอายุเกือบ 80 ปี ช่วงก่อนมรณภาพ หลวงพ่อรู้ล่วงหน้าท่านจึงได้เตรียมตัวพร้อม โดยเรียกลูกศิษย์มาถ่ายรูปของท่านไว้ ให้ทำความสะอาดศาลาและเรียกมาประชุมฟังธรรม หลังจากนั้นท่านก็เริ่มป่วยมีไข้ทวีขึ้นทั้งวันทั้งคืน เมื่อถึงวันโกนท่านก็ลุกขึ้นจากที่นอนสั่งให่ช่วยกันปลงผม ซึ่งชาวบ้านก็พูดเตือนว่าคนเป็นไข้เขาห้ามตัดผลแต่ท่านก็พูดให้คติว่า “คนเราถ้าถึงเวลาตายแล้วถึงจะปล่อยให้ผมยาวเพียงไหน ชีวิตก็ยาวต่อไปไม่ได้”
...ก่อนมรณภาพ ๔ วัน หลวงพ่อได้สั่งว่าท่านจะทำสมาธิ เจริญวิปัสสนาอยู่ในห้อง ๔ วัน ห้ามไม่ให้ใครมารบกวน ครั้นครบ ๔วันตามที่ท่านสั่งแล้ว ลูกศิษย์ (คือ หลวงตาเผย) ได้เคาะประตูห้องเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ลูกศิษย์จึงเข้าไปดู พบว่า หลวงพ่อครองผ้าไตรจีวรครบถ้วนเหมือนเวลาที่มีพิธีกรรมทางศาสนามีตาลปัตรตั้งไว้ด้านขวา มีข้อความเขียนไว้ที่ผ้าสังฆาฏิว่า “เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา” ท่านนอนตะแคงขวาเหมือนหลับ สีหน้าสงบปราศจากความเศร้าหมอง ทุกคนก็ทราบทันทีว่า ท่านได้มรณภาพแล้ว วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘

ในปี พ.ศ. 2483 ช่วงสงครามอินโดจีน ทางราชการได้นิมนต์พระผู้มีคุณวิเศษ 109 รูป เพื่อกระทำการปลุกเสกเครื่องมงคลที่เรียกว่า “แหวนมงคล” ที่วัดราชบพิธ เพื่อแจกจ่ายแก่ทหารหาญที่ถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติ และ 1 ใน 109 รูปก็มีหลวงพ่อเสืออยู่ด้วย
...และเป็นหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสก หลวงพ่อโสธร รุ่น สองหน้าปี 2497อันโด่งดังที่มีประสบการณ์เล่าขานตั้งแต่สมัยก่อนจวบจนถึงปัจจุบัน ส่วนวัตถุมงคลของท่านก็สร้างปฏิหารย์ให้คนที่บูชาเสมอมา เช่น เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้าน ท่านหนึ่ง แขวนเหรียญรุ่นแรกของท่านแล้วโดนผู้ร้าย ไล่ยิงจน วิ่งไปจนมุม จึงอารธนาถึง ล.พ เสือให้ช่วยแล้วกลั้นใจเดินฝ่าวงล้อมโจรออกมาเฉยๆๆ รอดพ้นออกมาโดยที่ไม่มี โจรคนใหนเห็นเลยเหมือนท่านช่วยบังตาไว้ ... และยังมีเรื่องไม้เท้าของท่าน ที่ทิ้งไว้ที่ถ้ำเชียงดาวซึ่งเคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมของท่าน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้ฟังว่าเคยมีพระธุดงค์ชื่อ เสือ ได้มานั่งปฏิบัติธรรม แล้วทิ้งไม้เท้าไว้เมื่อถ่ายรูปไม้เท้าไว้เป็นที่ระลึก ก็ปรากฏว่า เกิดมีรัศมีขึ้นในภาพนั้นเป็นวงล้อมรอบไม้เท้า ของท่าน......

...วัตถุมงคลของท่านเด่นดังด้านมหาอุด คงกระพันชาตรีอย่างมาก อย่างเช่น เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก สร้างปีพ.ศ.2492 มีประสบการณ์ มากมาย ปัจจุบันหาสภาพสวยๆ ยาก และมีราคาเล่นหาสูง
...เหรียญรุ่นสองออกปี 2493 ในงานผูกพัทธสีมา วัดแก้วศิลาราม(หนองขวาง) อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี หายากเหมือนกัน เหรียญรูปเหมือนใบโพธิ์ หลังนางกวัก

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ ชีวประวัติของสุดยอดเกจิอาจารย์ อีกท่านหนึ่งของ แปดริ้ว ที่มีวิชาอาคมและพลังจิตที่แก่กล้าอย่างมาก ซึ่งไม่โด่งดังมากมายเพราะท่านไม่ชอบคุยโว โอ้อวดใดๆ แต่ท่านนั้น เก่งจริง เก่งเงียบ ที่เล่ามาข้างต้น จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งของศาสนา ความเชื่อ และความศรัทธา ตลอดจนความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเสือที่กล่าวขวัญและเลื่องลือจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชุมชนบ้านสามกอ ตลอดจนตำบลและอำเภอใกล้เคียง รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง และทุกภูมิภาคของประเทศไทย ให้เป็นที่ปรากฏอย่างชัดเจนมาจนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับรูปเหมือนองค์หลวงพ่อเสือ ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วิหารหลวงพ่อเสือ วัดสามกอ และมีขนาดเท่าองค์จริง ส่วนงานนมัสการองค์หลวงพ่อเสือจัดงานประเพณีวัฒนธรรมประจำปีของวัดสามกอ ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ สำหรับวิหารหลวงพ่อเสือเปิดให้พุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธาได้กราบนมัสการหลวงพ่อเสือได้ทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึงเวลา 18.00 น.….หลวงพ่อเสือ วัดไผ่สามกอ แปดริ้ว .......

อื่นๆ...

Top