ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา - webpra

ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา

บทความพระเครื่อง เขียนโดย ก้นกุฏิ

ก้นกุฏิ
ผู้เขียน
บทความ : ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา
จำนวนชม : 32113
เขียนเมื่อวันที่ : พ. - 15 ธ.ค. 2553 - 13:46.49
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : พฤ. - 25 ก.ค. 2556 - 15:29.02
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา

ชีวประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้

รายละเอียด : หลวงพ่อเอื้อน อตตมโน มีนามเดิม เอื้อน นามสกุล พันธุมิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ที่บ้านเลขที่ ๑ หมู่ ๖ ตำบลวังแดง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา และพ่อของท่านยังเป็นหมอแผนโบราณมีความเชี่ยวชาญรักษาโรค ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ เล่าเรียนด้านมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งการดูฤกษ์พานาที ทำนายทายทักก็ถือว่าค่อนข้างมีคนให้ความเลื่อมใสอย่างมาก

หลวงพ่อเอื้อนมี พี่น้องด้วยกัน ๗ คน ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวชาวนาเหมือนชาวบ้านในละแวกเดียวกัน ชีวิตในวัยเยาว์ ท่านก็ช่วยเหลือครอบครัวเท่าที่ช่วยได้ นิสัยตอนเด็กของท่านนั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตา ไม่เคยเอาเปรียบใคร ๆ ช่วยเหลือคนอื่น ไม่ชอบการรังแกกลั่นแกล้ง

ถึงท่านจะเป็นเด็กที่ มีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่กว่าคนอื่น เมื่อเข้าเรียนหนังสือท่านยิ่งไม่ชอบการเอาเปรียบและกลั่นแกล้ง ใครจะมาแกล้งท่าน ท่านก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน อยู่ไปนานวันเข้าก็ไม่มีใครมารังแก เพราะใจมันสู้ซะอย่าง

พอจบชั้นประถมปีที่สี่แล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ทั้งเลี้ยงวัว เกี่ยวหญ้า บางคราวก็ไปหาปลามาประกอบอาหาร เพราะในสมัยนั้นทำนาได้ปีละครั้ง หมดหน้าทำนาแล้วก็ไม่มีอะไร อยู่กับบ้านทำงาน ต่าง ๆ ไป ด้วยความเป็นคนที่ชอบความสงบ

สมัยนั้นชอบมากที่สุดคือในช่วงคืนเดือนหงาย พระจันทร์สาดส่อง สว่างไสวเป็นสีเหลืองที่งดงามมาก ท่านบอกดูแล้วมีความสุข ด้วยการที่เราไปเที่ยวบ้านเหนือบ้านใต้ก็ต้องระวังตัว เจ้าถิ่นเขาคอยจะหาเรื่องทะเลาะวิวาท ยิ่งถ้าไปจีบสาวในหมู่บ้านนั้นด้วยยิ่งแล้วเลยต้องเจอดีแน่นอน ท่านเองจึงไม่ค่อยชอบไปเที่ยวที่ไหน

ช่วงที่เริ่มเป็นหนุ่มนั้นก็ ถือว่าพอตัวเหมือนกัน คือไม่ยอมให้ใครมารังแก แต่ก็ไม่เคยไปรังแกใคร ไปบ้านไหนก็อ่อนน้อมถ่อมตน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็เล่าเรียนวิชามาเหมือนกัน โยมพ่อได้ถ่ายทอดให้ ตอนนั้นที่ว่าแน่นั้นต้องเสกปูนคาดคอ ขอดชายผ้าติดตัว บางครั้งก็เสกใบพลูกิน เรียกว่าพอเสกอะไรแล้ว ต้องลองกันได้เลย ถึงจะมั่นใจว่าไปแล้วไม่มีคำว่าเลือดไหลให้แมลงวันกิน ชีวิตเริ่มเป็นหนุ่มมากขึ้น ท่านกลับต้องช่วยโยมพ่อ

บาง ครั้งโยมพ่อจะสอนให้ทำกรรมฐาน ทำให้มีจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ตอนแรก ๆ นั้นก็ทำไม่ค่อยได้ ใจคิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่พอบอกว่าเรียนมนต์คาถาต่าง ๆ ทำให้มีความสนใจ ตอนหลังถึงเข้าใจว่านั่นคือสมาธิ แต่การฝึกฝนทำสมาธิให้สงบ เมื่อนั่งแล้วต้องเห็นอะไร เมื่อจิตมีความสงบ มีสติ ก็ทำให้เกิดปัญญา มีความคิดรอบคอบ จะทำอะไรก็ไม่ผิดพลาด ต้องใช้การพิจารณาก่อน

ชีวิตตอนเป็นหนุ่มของท่าน ไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ร้อนใจ มีแต่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อน ๆ ช่วยงานทางบ้านทุกอย่าง หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนใกล้บวชพระนั้น มีความเบื่อหน่ายมาก เบื่อชีวิตในการครองเรือน เพราะเห็นเพื่อน ๆ มีความเดือดร้อนหลายคน บางคนมีลูกเมียแล้วก็ต้องพลัดพรากกัน ป่วยไข้ทรมาน แม้คนในหมู่บ้านที่ป่วยตายนั้นก็หลายคน ยิ่งมาพบเห็นชาวบ้านตายตอนโรคห่าระบาด ท่านบอกตอนนั้นกลัวเหมือนกัน พอเย็นลงมันวังเวงที่สุด บ้านของท่านมีคนแวะเวียนมาไม่เคยขาด เขามาขอให้ช่วยเหลือปัดเป่าให้โรคร้ายนั้นหายไป พ่อของท่านก็ทำน้ำมนต์ใส่กระถางใบโต เสกนานเป็นชั่วโมง

ท่านมาคิดได้ว่าชีวิตคนเรานี้ เมื่อเกิดแล้วก็ต้องป่วยไข้ หากไม่ป่วยไข้อาจถูกคนทำร้ายตาย บางคนยากจนแสนเข็ญหากินจนตาย ทำให้ปลงว่า ชีวิตนี้ต้องตายทุกคน บางรายนอนป่วยนานเป็นเดือนถึงตาย บางรายกว่าจะตายทรมานมาก อันนี้เกิดขึ้นด้วยผลแห่งกรรม

ต่อมา เมื่ออายุ ๒๒ ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบึง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีโอกาสศึกษาวิชาวิปัสสนากรรมฐานตามแบบอย่างหลวงพ่อตาบ แห่งวัดมะขามเรียง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี รวมทั้งศึกษาการเขียนยันต์ตะกรุดจากหลวงพ่อตาบ จน พ.ศ. ๒๕๑๔ จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังแดงใต้ ได้พัฒนาวัดแห่งนี้จนมีความเจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ

ปัจจุบัน ชื่อเสียงท่านโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ ทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ เดินทางมากราบท่านถึงวัด ท่านสร้างวัตถุมงคลแต่ละชนิดออกมาน้อย แต่มีประสบการณ์สูง ทั้งด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย วัตถุมงคล พระเครื่องของท่านจึงเป็นที่ต้องการในหมู่ลูกศิษย์อย่างมาก

 

เพิ่มเติมประวัติหลวงพ่อเอื้อน อตตมโน  วัดวังแดงใต้ ต.วังแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา 

หนึ่งในพระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มแม่น้ำป่าสัก ของขลังยอดเยี่ยมในด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ทั้งเมตตามหานิยม มีประสบการณ์ให้ประจักษ์มาแล้ว
หลวงพ่อเอื้อน อตตมโน ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งในอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวบ้าน และจะได้พบเห็นในงาน
ปลุกเสกพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆที่ตามวัดนิมนต์ท่านไปร่วมปลุกเสกให้บังเกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ให้มีความขลังในด้านต่างๆ เรียกว่างานไหนไม่มี หลวงพ่อเอื้อนแล้ว ดูเหมือนว่าการปลุกเสกจะไม่สมบูรณ์เอาเลย ก่อนที่จะทราบเรื่องราวความเป็นมาของท่านและอภินิหารต่างๆ มารู้ความเป็นมาของวัด  ความเป็นมาของวัดวังแดงใต้ วัดนี้เป็นวัดเล็กๆสร้างขึ้นในต้นรัชสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์ อยู่ริมแม่น้ำป่าสักด้านทิศเหนือ บ้านวังแดงเป็นหมู่บ้านที่จัดแต่ง
ผลหมากรากไม้และเครื่องใช้ต่างๆส่งเข้าวัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวังเก่ามากนัก ปัจจุบันคือบริเวณใกล้วัดร้อยไร่หรือโรงเรียนท่าช้างพิทยาซึ่งมีโครงสร้างฐานอิฐ
เก่าแก่มากมาย จากการสันนิษฐานของนักโบราณคดีบอกว่า เป็นที่ตั้งของวังเล็กๆและสถานที่เก็บสิ่งของ ที่พักช้าง ที่พักม้า แต่ก่อนตรงวัดร้อยไร่นั้นทางเดิน ข้ามแม่น้ำจะเป็นก้อนหินก้อนโตๆมากมาย ต่อมาการขนส่งสินค้าต้องใช้ทางเรือ จึงมีการลอกล่องน้ำ แต่การสร้างวัดวังแดงใต้ อาจสร้างขึ้นที่หลังแน่นอน  เพราะไม่มีหลักฐานว่าเป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ลำดับเจ้าอาวาสนั้นมีมาแล้วกี่รูปไม่แน่ชัด ปัจจบันหลวงพ่อเอื้อนท่านเป็นเจ้าอาวาส
 หลวงพ่อเอื้อน อตตมโน นามเดิมเอื้อน นามสกุลพันธุมิตร เกิด1กันยายน2483 ที่บ้านเลขที่1หมู่6 ตำบลวังแดง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พ่อแม่ของท่านประกอบอาชีพในการทำนา และพ่อของท่านยังเป็นหมอแผนโบราณเชี่ยวชาญรักษาโรคปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บเล่าเรียนด้านมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์
ทั้งการดูฤกษ์ผานาที ทำนายทายทักก็ถือว่าค่อนข้างมีคนให้ความเลื่อมใสอย่างมาก หลวงพ่อเอื้อนท่านมีพี่น้องด้วยกัน7คน เหลือเพียง5คน เสียชีวิตไป2คน
ครอบครัวของท่านเป็นครอบครัวชาวนาเหมือนชาวบ้านในละแวกเดียวกัน

ชีวิตในวันเยาว์ ท่านก็ช่วยเหลือครอบครัวเท่าที่ช่วยได้ นิสัยตอนเด็กของท่านนั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตา ไม่เคยเอาเปรียบใครๆช่วยเหลือคนอื่น ไม่ชอบการ
รังแกกลั่นแกล้ง ถึงท่านจะเป็นเด็กที่มีรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่กว่าคนอื่น เมื่อเข้าเรียนหนังสือท่านยิ่งไม่ชอบการเอาเปรียบและกลั่นแกล้ง ใครจะมาแกล้งท่าน 
ท่านก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน อยู่ไปนานวันเข้าก็ไม่มีใครมารังแก เพราะใจมันสู้ซะอย่าง สมัยนั้นเรียนก็เรียนที่ศาลาวัด บางแห่งมีโรงเรียนบ้างแล้ว ท่านเรียน
จบชั้นประถมปีที่สี่แล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ทั้งเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเกี่ยวหญ้า บางคราวก็ไปหาปลามาประกอบอาหาร เพราะในสมัยนั้นทำนาได้ปีละครั้ง
หมดหน้าทำนาแล้วก็ไม่มีอะไร อยู่กับบ้านทำงานต่างๆไป ด้วยที่เป็นคนชอบความสงบ สมัยนั้นชอบมากที่สุดคือในช่วงคืนเดือนหงาย พระจันทร์สาดส่อง
สว่างไสวเป็นสีเหลืองที่งดงามมาก ท่านบอกดูแล้วมีความสุข ด้วยการที่เราไปเที่ยวบ้านเหนือบ้านใต้ก็ต้องระวังตัว เจ้าถิ่นเขาคอยจะหาเรื่องทะเลาะวิวาท
ยิ่งถ้าไปจีบสาวในหมู่บ้านนั้นด้วยยิ่งแล้วเลยต้องเจอดีแน่นอน ท่านเองจึงไม่ค่อยชอบไปเที่ยวที่ใหน
  ช่วงที่เริ่มเป็นหนุ่มนั้นก็ถือว่าพอตัวเหมือนกัน คือไม่ยอมให้ใครมารังแก แต่ก็ไม่เคยไปรังแกใคร ไปบ้านใหนก็อ่อนน้อมถ่อมตน แล้วอีกอย่างหนึ่งก็เล่าเรียน
วิชามาเหมือนกัน โยมพ่อได้ถ่ายทอดให้ ตอนนั้นที่ว่าแน่นั้นต้องเสกปูนคาดคอ ขอดชายผ้าติดตัว บางครั้งก็เสกใบพูรับประทาน เรียกว่าพอเสกอะไรแล้ว ต้อง
ลองกันได้เลย ถึงจะมั่นใจว่าไปแล้วไม่มีคำว่าเลือดไหลให้แมลงวันกินอิ่ม ชีวิตเริ่มเป็นหนุ่มมากขึ้น ท่านกลับต้องช่วยโยมพ่อ บางครั้งโยมพ่อจะสอนให้ทำ
กรรมฐาน ทำให้มีจิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ตอนแรกๆนั้นก็ทำไม่ค่อยได้ ใจคิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่พอบอกว่าเรียนมนต์คาถาต่างๆทำให้มีความสนใจ
ตอนหลังถึงเข้าใจว่านั่นคือสมาธิ สมาธิที่มีความสนใจแต่การฝึกฝนทำสมาธิให้สงบต้องนั่งแล้วต้องเห็นอะไรต่างๆ ทั้งๆที่โยมพ่อก็บอกว่าให้ภาวนาว่า พุทโธ
พุทโธ ยังไม่ได้สอนให้ทำขั้นสูง เมื่อจิตมีความสงบ มีสติ ทำให้เกิดปัญญา มีความคิดรอบคอบ จะทำอะไรก็ไม่ผิดพลาด ต้องใช้การพิจารณาก่อน ชีวิตตอน
เป็นหนุ่มของท่าน ไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ร้อนใจ มีแต่คอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนๆ ช่วยงานทางบ้านทุกอย่าง หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ตอน
ใกล้บวชพระนั้น มีความเบื่อหน่ายมาก เบื่อชีวิตในการครองเรือน เพราะเห็นเพื่อนๆมีความเดือดร้อนหลายคน บางคนมีลูกเมียแล้วก็ต้องพลัดพรากกัน ป่วยไข้
ทรมาน แม้คนในหมู่บ้านที่ป่วยตายนั้นก็หลายคน ยิ่งมาพบเห็นชาวบ้านเขาตายตอนโรคห่าระบาด ท่านบอกตอนนั้นกลัวเหมือนกัน พอเย็นลงมันวังเวงที่สุด
บ้านของท่านที่มีคนแวะเวียนมาไม่เคยขาด เขามาขอให้ช่วยเหลือปัดเป่าให้โรคร้ายนั้นหายไป พ่อของท่านก็ทำน้ำมนต์ใส่กระถางใบโต เสกนานเป็นชั่วโมง
ท่านมาคิดได้ว่าชีวิตคนเรานี้ เมื่อเกิดแล้วก็ต้องป่วยไข้ หากไม่ป่วยไข้อาจถูกคนทำร้ายตาย บางคนยากจนแสนเข็ญหากินจนตาย ชีวิตนี้ต้องตายทุกคน
บางรายนอนป่วยนานเป็นเดือนถึงตาย บางรายกว่าจะตายทรมานมาก อันเกิดขึ้นด้วยผลแห่งกรรม

   

ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา
ประวัติ หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา
Top