ประวัติ วัดโบสถ์ - ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี - webpra

วัดโบสถ์

ประวัติ ตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี

 

วัดโบสถ์์

          วัดโบสถ์ ห่างจากตัวเมือง ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า)ประมาณ ๑๖ กม. เป็นพระอารามหลวง เดิมเป็นวัดร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี และพระอุโบสถเพียงแห่งเดียวที่สร้างโดยใช้รางรถไฟเป็นแกนกลางข้างล่าง

          วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี หรือเป็นพระอารามหลวงวัดแรกในจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสุทธิโมลี เป็นผู้มีอุปการะคุณต่าง ๆ ต่ออำเภออินทร์บุรี และเป็นวัดที่มีพระภิกษุ สามเณรเป็นจำนวนมาก

          ภายในวัดยังมีโรงเรียนวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินทร์บุรี หอสมุดแห่งชาติ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม (โรงเรียนพระภิกษุ สามเณร) เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. 1 - 6 เป็นสถานศึกษาของสามเณรทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีสามเณรที่เรียนประมาณ 90 รูป

 

ประวัติวัดโบสถ์

          วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรีอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อานาเขตทิศเหนือยาว ๑๔๐ เมตร ติดต่อกับหมู่บ้านเอกชน ทิศใต้ยาว ๒๘๕ เมตร ติดต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกยาว ๒๙๐ เมตร ติดกับถนนหลังวัด ลักษณะทั่วไปพื้นที่ เป็นที่ราบรุ่มน้ำท่วมถึง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ความเป็นมา

          วัดโบสถ์เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากลายเป็นวัดร้าง จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระภิกษุ ๓ รูป คือ พระอาจารย์คง พระอาจารย์แผน และพระอาจารย์ต่าย แห่งวัดประยูรวงศาวาส ได้มาถากถางปลูกเป็นกระท่อมผักอยู่ที่วัดโบสถ์นี้ ต่อมาชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด มีขุนจ่าเมือง (นิล) และอุบาสกคำ เป็นหัวหน้าช่วยกันสร้างกุฏิและศาลาให้เป็นที่พำนักอาศัย โดยมีพระอาจารย์คง ปกครองวัดอยู่ได้นาน ๔ ปี จึงลาสิขา พระฉ่ำซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์คง จึงไดปกครองวัดต่อมา และขุนจ่าเมืองอินทร์เป็นหัวหน้าบำรุงอุปถัมภ์วัดให้เจริญในด้านการก่อสร้าง ขึ้นมาระยะหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ฉ่ำมรณภาพ พระอาจารย์เอม ได้ซ่อมแซมเสนาสนะหลายอยาง เช่น กุฏิ ศาลา และอุโบสถ โดยมีพระศักดิ์บุรีนทร์เป็นหัวหน้าในการสร้างพระอุโบสถด้วย

          วัดโบสถ์เดิมเป็นวัดมหานิกาย ภายหลังเปลี่ยนเป็นวัดธรรมยุต เพราะมีพระสงฆ์วัดโบสถ์ไปเปลี่ยนแปลงเป็นวัดธรรมยุต ที่วัดบวรนิเวศวิหาร. กรุงเทพฯ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมหมื่นวชิรญาณวโรรส จนโปรดและทรงจัดให้พระครูสังฆบิบาล (อิน) นำคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร อีก ๒ รูป มาอยู่วัดโบสถ์ คือ พระสมุห์ยิ้ม และพระห่วง พร้อมด้วยพระวัดโบสถ์ที่มาศึกษาอีก ๔ รูป คือ พระลม พระศิษ พระเฟื่อง และพระลา เป็นพระธรรมยุตมาอยู่วัดโบสถ์ เมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๓๘

การดำเนินของกรมการศาสนาได้ดำเนินการต่อไป

          วัดโบสถ์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕

          อนึ่งเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ และสมเด็จพระเจ้าฟ้าจุฬาพรวลัยรักษ์ ได้เสด็จมาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบำรุงวัดนี้ด้วย


วัดโบสถ์ก่อนที่จะได้รับยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงนั้น มีเจ้าอาวาส ปกครองมามาตามลำดับ ดังนี้
     1. พระอาจารย์คง ปกครองวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2416 เป็นเวลา 4 ปี
     2. พระฉ่ำ รักษาการเมื่อพระอาจารย์คงลาสิขา
     3. พระอาจารย์เอม ปกครองวัดนานถึง 10 และลาสิขาเมื่อปี พ.ศ. 2473
     4. พระครูสังฆบริบาล (อิน) เป็นพระธรรมยุตรูปแรกที่ปกครองวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 สร้างความเจริญให้กับจนได้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะใหญ่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้การศึกษาของวัดเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ปกครองวัดอยู่นาน 9 ปี ก็ถึงแก่มรณภาพที่ภูมิลำเนาเดิมของท่านเมื่อ ปีมะโรง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2447
     5. พระสิงหบุราจารย์ (ลบ ฐิตาโภ) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2497
     6. พระครูธรรมวรานุยุตติ์ (ฟู อาภาคโม) ปกครองวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2497 – 2500
     7. พระราชเมธาภรณ์ (ผึ่ง โรจโน) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2500 – เป็นต้นมา พัฒนาวัดจนรุ่งเรืองทุกด้าน และได้เลื่อนสมณศักดิ์ “พระเทพสุทธิโมลี” มรณภาพเมื่อ วันที่ 20 เมษายน 2525
     8. เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระสุนทรธรรมโสภิต (ประยงค์ ปภาโส) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2526 ปัจจุบัน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชวินัยเวที และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุท้ยธานี - ชัยนาท (ธรรมยุต)

 

โดย พระสุพล สุภวโร

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dhammathai.org/watthai/central/watbotsingburi.php

   วัด โบสถ์ ห่างจากตัวเมือง ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-ชัยนาท (สายเก่า)ประมาณ ๑๖ กม. เป็นพระอารามหลวง เดิมเป็นวัดร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินทร์บุรี และพระอุโบสถเพียงแห่งเดียวที่สร้างโดยใช้รางรถไฟเป็นแกนกลางข้างล่าง

   วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี หรือเป็นพระอารามหลวงวัดแรกในจังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสุทธิโมลี เป็นผู้มีอุปการะคุณต่าง ๆ ต่ออำเภออินทร์บุรี และเป็นวัดที่มีพระภิกษุ สามเณรเป็นจำนวนมาก

   ภายในวัดยังมีโรงเรียนวัดโบสถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินทร์บุรี หอสมุดแห่งชาติ และโรงเรียนพระปริยัติธรรม (โรงเรียนพระภิกษุ สามเณร) เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งแต่ ม. 1 - 6 เป็นสถานศึกษาของสามเณรทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีสามเณรที่เรียนประมาณ 90 รูป

 

ประวัติวัดโบสถ์

    วัดโบสถ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลอินทร์บุรีอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อานาเขตทิศเหนือยาว ๑๔๐ เมตร ติดต่อกับหมู่บ้านเอกชน ทิศใต้ยาว ๒๘๕ เมตร ติดต่อแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกยาว ๒๙๐ เมตร ติดกับถนนหลังวัด ลักษณะทั่วไปพื้นที่ เป็นที่ราบรุ่มน้ำท่วมถึง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ความเป็นมา

   วัดโบสถ์เป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมากลายเป็นวัดร้าง จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๖ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระภิกษุ ๓ รูป คือ พระอาจารย์คง พระอาจารย์แผน และพระอาจารย์ต่าย แห่งวัดประยูรวงศาวาส ได้มาถากถางปลูกเป็นกระท่อมผักอยู่ที่วัดโบสถ์นี้ ต่อมาชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัด มีขุนจ่าเมือง (นิล) และอุบาสกคำ เป็นหัวหน้าช่วยกันสร้างกุฏิและศาลาให้เป็นที่พำนักอาศัย โดยมีพระอาจารย์คง ปกครองวัดอยู่ได้นาน ๔ ปี จึงลาสิขา พระฉ่ำซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์คง จึงไดปกครองวัดต่อมา และขุนจ่าเมืองอินทร์เป็นหัวหน้าบำรุงอุปถัมภ์วัดให้เจริญในด้านการก่อสร้าง ขึ้นมาระยะหนึ่ง เมื่อพระอาจารย์ฉ่ำมรณภาพ พระอาจารย์เอม ได้ซ่อมแซมเสนาสนะหลายอยาง เช่น กุฏิ ศาลา และอุโบสถ โดยมีพระศักดิ์บุรีนทร์เป็นหัวหน้าในการสร้างพระอุโบสถด้วย

   วัดโบสถ์เดิมเป็นวัดมหานิกาย ภายหลังเปลี่ยนเป็นวัดธรรมยุต เพราะมีพระสงฆ์วัดโบสถ์ไปเปลี่ยนแปลงเป็นวัดธรรมยุต ที่วัดบวรนิเวศวิหาร. กรุงเทพฯ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย กับสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมหมื่นวชิรญาณวโรรส จนโปรดและทรงจัดให้พระครูสังฆบิบาล (อิน) นำคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร อีก ๒ รูป มาอยู่วัดโบสถ์ คือ พระสมุห์ยิ้ม และพระห่วง พร้อมด้วยพระวัดโบสถ์ที่มาศึกษาอีก ๔ รูป คือ พระลม พระศิษ พระเฟื่อง และพระลา เป็นพระธรรมยุตมาอยู่วัดโบสถ์ เมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๔๓๘

การดำเนินของกรมการศาสนาได้ดำเนินการต่อไป

    วัดโบสถ์ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕

   อนึ่ง เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาท พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ และสมเด็จพระเจ้าฟ้าจุฬาพรวลัยรักษ์ ได้เสด็จมาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพื่อบำรุงวัดนี้ด้วย

   วัดโบสถ์ก่อนที่จะได้รับยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงนั้น มีเจ้าอาวาส ปกครองมามาตามลำดับ ดังนี้
     1. พระอาจารย์คง ปกครองวัดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2416 เป็นเวลา 4 ปี
     2. พระฉ่ำ รักษาการเมื่อพระอาจารย์คงลาสิขา
     3. พระอาจารย์เอม ปกครองวัดนานถึง 10 และลาสิขาเมื่อปี พ.ศ. 2473
     4. พระครูสังฆบริบาล (อิน) เป็นพระธรรมยุตรูปแรกที่ปกครองวัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 สร้างความเจริญให้กับจนได้เลื่อนสมณศักดิ์ที่ พระครูสิงหบุราจารย์ เจ้าคณะใหญ่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้การศึกษาของวัดเจริญก้าวหน้าขึ้นมาก ปกครองวัดอยู่นาน 9 ปี ก็ถึงแก่มรณภาพที่ภูมิลำเนาเดิมของท่านเมื่อ ปีมะโรง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2447
     5. พระสิงหบุราจารย์ (ลบ ฐิตาโภ) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2447-2497
     6. พระครูธรรมวรานุยุตติ์ (ฟู อาภาคโม) ปกครองวัดตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2497 – 2500
     7. พระราชเมธาภรณ์ (ผึ่ง โรจโน) ปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2500 – เป็นต้นมา พัฒนาวัดจนรุ่งเรืองทุกด้าน และได้เลื่อนสมณศักดิ์ “พระเทพสุทธิโมลี” มรณภาพเมื่อ วันที่ 20 เมษายน 2525
     8. เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน พระสุนทรธรรมโสภิต (ประยงค์ ปภาโส) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2526 ปัจจุบัน ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชวินัยเวที และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี - อุท้ยธานี - ชัยนาท (ธรรมยุต)

โดย พระสุพล สุภวโร
Top