ประวัติ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม (พระครูวินัยวัชรกิจ) - วัดตาลกง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี - webpra

หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม (พระครูวินัยวัชรกิจ)

ประวัติ วัดตาลกง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

ชีวประวัติ ( หลวงพ่ออุ้น ) สุขกาโม

 

หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง

 

นามเดิม : อุ้น อินพรหม 

สมณศักดิ์ : พระครูวินัย วัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดตาลกง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

ชาติภูมิ : กำเนิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2459 ( แรม 2 ค่ำ เดือน 4 ปี มะโรง ) เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 8 คน คือ
1.ลพ.อุ้น
2.นายอิ่น
3.นายเอื่อน
4.นายพวง
5. นายแดง
6.นางพุด
7.นางเพี้ยน
8.นางพ้วน
ของโยมบิดา บุญ อินพรหม โยมมารดา เล็ก อินพรหม ณ บ้านหนองหินถ่วง ต.มาบปลาเค้า อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

เริ่มการศึกษาเบื้องต้น หนังสือไทย ขอม ที่วัดไสค้าน จนกระทั่งจบการศึกษาภาคบังคับ แล้วมาช่วยเหลือ บิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม

 

อุปสมบท : เมื่ออายุ 20 ปี วันที่ 21 ก.ค.2479
ณ พัมธสีมา วัดตาลกง โดยมีพระอธิการชัน
วัดมาบปลาเค้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการผิว
วัดตาลกง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการขาว
วัด อินจำปา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมณฉายา
ว่า " สุขกาโม "

 

การศึกษาพุทธาคม : ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ อยู่รับใช้ ลพ.ผิว วัดตาลกง ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญไสยศาสตร์
เวทย์มนต์คาถาอาคม รุ่นราวคราวเดียว ( สหธรรมิก ) กับ ลพ.เพลิน วัดหนองไม้เหลือง ทั้งยังเก่งด้านวิปัสนา
กรรมฐาน เมตตา อยู่ยงคงกระพัน ซึ่งใกล้ชิดกับ ลป.นาค วัดหัวหิน ทั้งเคยเดินทางไปศึกษาวิชาความรู้จาก ลป.นาค อยู่เป็นประจำ

 

หลวงพ่อผิว ธมฺมสิริ เป็นพระเกจิทรงคุณวิเศษของเมืองเพชรบุรีในยุคนั้น แต่อุปนิสัยของท่านชอบอยุ่สันโดษ เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมเปิดเผยว่ามีดีนานๆจะลง นะ ที่กระหม่อมให้ผู้ไปหาท่านสักครั้ง
ชาวบ้านวัยชราอายุ 80 กว่า เล่าให้ฟังว่า ลพ.ผิวลง นะ ที่หัวให้ตัวเดียว มีคุณสารพัดอยู่ยงคงกระพันจนวันตาย คนเก่าๆแถวท่ายาง
ต่างประจักษ์ในความคงกระพันชาตรีมาแล้วหลายราย
ก่อนนี้มีไอ้หนุ่มวัยรุ่นมาติดพันสาวมาบปลาเค้า เข้าไปกราบนมัสการ ลพ.ผิว
ขอให้ท่านลงนะที่
กระหม่อมให้ ครั้นต่อมาไม่นานเขากลับมามาบปลาเค้า
อีกครั้ง
ถูกนักเลงเจ้าถิ่นแทงด้วยมีด ตีหัวด้วยท่อนไม้
ไม่ยักเป็นไร เลยฮึดสู้หนึ่งต่อสาม เล่นเอานักเลงเจ้าถิ่นต้องเปิดหนีกันจ้าละหวั่นไปเลย

 

 

หลวงพ่ออุ้น เป็นที่โปรดปรานของ ลพ.ผิวมากๆ ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาให้จนหมดสิ้น
ในพรรษาต่อมา ลพ.อุ้่นเดินทางไปกราบนมัสการลพ.ทองศุข วัดโตนดหลวง ถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อ
เล่าเรียนฝึกปฏิบัติสมธกรรมฐาน วิปัสนากรรมฐานพุทธาคม โดยเรียนฝึกวิชากสิณจนชำนาญในกสิน 10
รวมทั้งตำรับตำราการทำผงเมตตาชั้นสูงด้วย

 

หลวงพ่อทองศุข เห็นความมานะพยายามของ ลพ.อุ้น
ประจวบกับ หลวงพ่อผิว ก็มีความคุ้นเคยกับ หลวงพ่อทองศุข มาก่อนแล้ว ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดสรรถวิชาให้อย่างเต็มกำลัง

อันที่จริงศิษย์ของ หลวงพ่อทองศุขมีหลายรูป ล้วนแต่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น เช่น
หลวงปู่คำ วัดหนองแก
, หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก , หลวงปู่นิ่ม วัดเขาน้อย

หลวงพ่อพิมพ์มาลัย วัด หุบมะกล่ำ , หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว
หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง , หลวงพ่อแล วัดพระทรง เป็นต้น
ก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชา หลวงพ่อทองศุขได้ดูฤกษ์ยามก่อน แล้วนัดกำหนดวันให้ หลวงพ่ออุ้น เดินทางไปทำพิธีขึ้นครู หรือการยกครูมีขันธ์ 5
ดอกไม้ ธูปเทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า ลพ.อุ้น เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจาก ลพ.ทองศุข โดยตรงอีกรูปหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างครูบาอาจารย์อย่างเลื่อนลอย 

 

การเรียนวิชาอาคม ของ หลวงพ่ออุ้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกงไปเรียนที่วัดโตนดหลวง ครั้งหนึ่ง
พักอยู่ 15 วัน ไปกลับอย่างนี้เป็นประจำ ทั้งยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขา
ไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้้งหนึ่งได้พบกับ หลวงพ่อจัน วัดมฤคทายวัน ซึ่งเป็นญาติกับ หลวงพ่อทองศุข
หลวงพ่อจัน เก่งวิชาสะกดชาตรี คือวิชาสะกดสัตว์ร้าย
อยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เรียนมาจากพระภิกษุธุดงค์ชาวเขมร
หลวงพ่อจัน 
ได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้กับหลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นมากของ
หลวงพ่อทองศุข ยากที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับการถ่ายทอด
คือ " วิชาการทำผงพระจันทร์ครึ่งซีก " วิชา การทำผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร ?
ผงพระจันทร์ครึ่งซีก 
เป็นผงเมตตามหานิยมมีพุทธคุณอมตะล้ำลึกแต่ท่านยังไม่เคยนำเอาวิชา
มาทำผงเลย เพราะสัจจะกฎสำคัญมากนอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ อันเป็นตำรับสุดยอดของ พระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง
สำหรับตำราผงหน้าพระภักษ์ รู้ว่าปัจจุบันได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์นานแล้ว หากมีอยู่หรือเป็นมรดกแก่ผู้ใดบ้างก็คงมีน้อยเต็มที ที่จะรู้ได้ 

 

อีกวิชาหนึ่ง ที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทองศุข คือ การสักยันต์คงกระพันชาตรี หลวงพ่ออุ้นเคยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ไปหลายคน
ล้วนแล้วแต่อยู่ยงคงกระพันชาตรี ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน ( บางคน ) มีนิสัยเกเรสร้างความเดือดร้อนใจให้ผู้อื่น ท่านมาพิจารณาดูแล้ว
เห็นเป็นการส่งเสริมให้คนประกอบมิจฉาชีพผิดคดีโลกคดีธรรม ตั้งแต่นั้นท่านเลิกสักยันต์โดยเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากได้รับประสิทธิ์ประสาทอักขระเลขยันต์
จากท่าน ก็เมตตาทำให้เพียงเป่ากระหม่อม หรือเจิมหน้าผากด้วยผงพุทธคุณเพื่อความเป็นศิริมงคล 

 

สำหรับ วิชา นะปัดตลอด นั้น หลวงพ่ออุ้นได้รับการถ่ายทอดเช่นเดียวกัน วิชานี้จะสังเกตุได้ถึงวัตถุมงคลสำนักวัดโตนดหลวง
มียันต์นะปัดตลอด และ นะ ปถมังปรากฎอย่างชัดเจน รวมทั้งวัตถุมงคลศิษย์สาย หลวงพ่อทองศุขทุกรูป
หลังจากนั้น ลพ.อุ้นได้ไปกราบนมัสการพระอธิการชัน วัดมาบปลาเค้า เพื่อขอศึกษาวิชาไสยศาสตร์ ด้านอยู่ยงคงกระพัน เสกลิงลม
ขับคุณไสย วิชาทำตะกรุด ครูบาอาจารย์ของท่านมิใช่จะมีแต่บรรพชิตเท่านั้น แม้คฤหัสถ์ผู้ิเชี่ยวชาญอาคม ท่านก็ยังขอเล่าเรียนเช่นกัน อย่างเช่น
อาจารย์โม หมอสักชาวเพชรบุรีมีชื่อเสียงโด่งดังทีสุดในยุคนั้น
หลวงพ่ออุ้น ได้ไปขอเรียนวิชาจากอาจารย์โมแม้ ลพ.ไสว วัดปรีดาราม ( มรณภาพไปแล้ว )

ก็เคยไปเรียนวิชาการสักยันต์มาเหมือนกันจากนั้น ลพ.อุ้นไปเรียนวิชาทำสีผึ้งเมตตามหานิยมวิชาลงเลขยันต์ ลงสมุนไพร ตำราสมุนไพรจากหมอฉ่ำ
หมอไสยศาสตร์ ชาวท่ายาง อันที่จริงโยมพ่อบุญ อินพรหม บิดาของ ลพ.อุ้นก็เชี่ยวชาญเป็นหมอไสยศาสตร์ มีความรู้เรื่องยาโบราณ
ทั้งตำรายาโบราณที่ตกทอดมาแต่ยุคก่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะตำราทำผงยาเพชรบุรี ซึ่ง ลพ.อุ้น ได้รับสืบทอดมาด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่า ผงยาเพชรมณีหรือเพชรจินดา เป็นตำรายาหัวใจ ยาลม ยาอายุวัฒนะที่ดีมาก มีคุณสมบัติพิเศษไม่แตกต่างกับผงยาจินดามณี

ของหลวงปู่บุญมากนักหรืออาจเป็นตำราสูตรเดียวกัน มาแต่โบราณก็เป็นได้

 

ปฏิปทาศีลวัตร
หลวงพ่ออุ้น 
เป็นพระที่มีอัธยาศัยไมตรีเปี่ยมด้วยเมตตาถือสัจบารมีเป็นที่ตั้ง ปฏิปทาศีลวัตรงดงามบริสุทธิ์
เสมือนทองทั้งแท่ง ท่านใฝ่ใจในเรื่องที่เป็นวัฏสงสาร การเกิดแก่เจ็บตาย บุญกรรมสิ่งลี้ลับ ธรรมชาติ
โดยเฉพาะเรื่องเวทมนต์ถาถาอาคมอักขระเลขยันต์ เป็นพิเศษ ซึ่งมีอุปนิสัยใจคอมาตั้งแต่วัยเด็ก
จึงเป็นแรงจูงใจให้ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนรู้แล้วปฏิบัติให้เข้าถึงรู้แจ้งเห็นจริง ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่ออุ้น
ต่างรุ้กันดีว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดาหรือเป็นพระธรรมดา ที่ยิ่งกว่าธรรมดา มีญาณสมาบัติสูง มีสมาธิจิตแก่กล้า
หยั่งรู้อนาคต แม้กรวดหินแร่ธาตุต่างๆท่านหยิบผ่านมือแล้วมอบให้แก่ใครก็มีอานุภาพพุทธคุณอย่างน่าอัศจรรย์

 

พระนักพัฒนา
เมื่อพูดถึงงานด้านการพัฒนา หลวงพ่ออุ้น ได้อยู่ช่วยเหลือ หลวงพ่อผิว ( ผู้เป็นหลวงลุง )
สร้างวัดตาลกงมาตั้งแต่แรกๆ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ก่อนนี้ท่านได้เดินทางไปป่าละอูไปช่วย ลพ.ผิว ตัดไม้ ไปกลางเดือนอ้ายกลับถึงวัดกลางเดือนห้า
ใช้เวลาไปกลับครั้งละ 4 เดือน เป็นอย่างนี้ประจำถึง 5 ปี ไปกับหมู่สงฆ์ไปปลูกโรงอาศัยในป่าไม้ที่ตัดใช้เกวียนลากมาแสนจะลำบาก
 

 

หลวงพ่ออุ้น ออกธุดงควัตรไปทั่วทุกภาคที่ๆอยู่ในความทรงจำของท่านมากที่สุดก็คือ ป่าตะนาวศรี ป่าละอู และป่าปราณบุรี เดินธุดงค์จนไปพบกับ
ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ได้ถวายที่ดินให้ท่านสร้างวัดและโรงเรียนจำนวนเนื้อที่ถึง 10,000 กว่าไร่
หลวงพ่อถามโยมผู้ถวายที่ดินว่าเมื่อโยมถวายที่ให้อาตมาแล้วจะให้มีอะไรบนที่ดินผืนนี้บ้าง โยมผู้ันั้นบอกว่า
ต้องการมีวัด โรงเรียนและสถานีอนามัย เมื่อรับปากว่าจะดำเนินการ
จัดสร้างสำนักสงฆ์ท่าไม้ลายขึ้น
ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ต.เขาเจ้า อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยจัดส่ง พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ซึ่งเป็นศิษย์ของ ลพ.อุ้นไปควบคุมดูแลปฏิสังขรณ์สำนักสงฆ์
ได้รับผ้าป่ากฐินพอเลี้ยงตัวเองได้ ต่อมาได้สร้างโรงเรียนขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว จนบัดนี้ก็มีเด็กนักเรียนประมาณ 200 คน
พร้อมกับสถานีอนามัยอยู่บนพื้น
ที่แห่งนี้สมเจตนารมย์ของผู้ถวายทุกประการแล้วหลวงพ่ออุ้นนอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว
ก็เป็นพระนักพัฒนาผู้นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย จากที่ว่างเปล่าให้กลาย
เป็นที่เจริญรุ่งเรืงด้วยการพัฒนาสถานที่พัฒนาบุคคลไปพร้อมๆกัน

หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกงหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกงหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง


กิตติคุณบารมีธรมและผลงาน


หลวพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสรูปหนึ่งของเมืองไทย
แม้จะเพิ่งเปิดเผยชีวประวัติเพียงไม่กี่ปีก็ตาม สำหรับสาธุชนในท้องถิ่น
ต่างรู้จักกิตติคุณของท่านมานานนับกว่า 30 ปีแล้ว
หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นแบบอย่างของพระภิกษุสงฆ์
ที่เคร่งครัดธรรมวินัย มีศีลบริสุทธิ์ ประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวทาง
ในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เป็นพระที่ไม่สะสม ไม่ปรุงแต่ง

 
ไม่เคยยึดติดลุ่มหลงในยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ยึดติดในลาภสักการะ
ท่านมีแต่สงเคราะห์ช่วยเหลือแผ่เมตตาบารมี
ผลงานการสร้างเสนาสนะสงฆ์ตลอดทั้งถาวรวัตถุต่างๆ
ปรากฎเป็นรูปธรรมมากมาย เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ
กุฎิสงฆ์ ฌาปนสถาน สำนักสงฆ์ โรงเรียน

 
ถนนหนทาง กำแพงวัด ฯลฯ
ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนสำเร็จด้วยบุญฤทธิ์ของหลวงพ่ออุ้นทั้งสิ้น

 
เคยมีพระเถระผู้ใหญ่มาขอร้องให้ท่านรับตำแหน่งอุปัชฌาย์
ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ท่านปฏิเสธทั้งหมด เท่าที่ทราบพอลำดับ

 

ประวัติตำแหน่งหน้าที่และสมศักดิ์ได้ดังนี้
พ.ศ.2500 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ.2504 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอธิการ อุ้น สุขกาโม เจ้าอาวาสวัดตาลกง
พ.ศ.2508 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูฐานานุกรม ที่พระครูสังฆรักษ์อุ้น สุขกาโม
พ.ศ.2522 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นตรีที่พระครูวินัยวัชรกิจ
พ.ศ.2531 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมศักดิ์เป็นพระครูสัญญาชั้นตรีที่พระราชทินนามเดิม
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม คือการพูดตรงไปตรงมา เป็นวาจาเสมือนเนื้อของหัวใจ
คือปากกับใจตรงกัน ไม่ปิดบังอำพราง ใครอยากจะรู้อะไรไปถามท่าน ท่านก็ตอบตรงๆ ถ้ารู้ท่านก็จะบอกจะอธิบาย
ถ้าไม่รู้ท่านก็จะบอกว่าไม่รู้ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ไม่มีความโลภ โกรธ หลง แต่ประการใด
ไม่เคยเห็นหลวงพ่ออุ้น โกรธใคร ดุด่าว่ากล่าวหรือตำหนิติเตียนผู้ใด
ท่านเป็นพระอริยสงฆ์สำรวมในศีลาจารวัตร
และมีเมตตาธรรม สนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชน
โดยจัดมอบทุนการศึกษา แก่นักเรียน 9 โรงเรียน ที่เรียนดีแต่ยากจน เป็นประจำทุกปี

 

หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้บริสุทธิ์ด้วยไตรสิกขา เป็นพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ระดับแนวหน้า
ในยุคปัจจุบันของเมืองไทยแม้จะเพิ่งเปิดตัวไม่กี่ปี เป็นที่รู้ศรัทธาเลื่อมใสของญาติโยมสาธุชนอย่างกว้างขวาง ใครไปหาท่าน
ท่านเมตตาต่อทุกคน จะกราบไหว้ก็กราบด้วยความสนิทใจสมเป็นสมณพุทธบุตรธรรมทายาทอย่างแท้จริง

 
เกียรติคุณของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เป็นที่ยอมรับกันอย่างแท้จริง ดังนั้นท่านได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชน
ในแวดวงพระเครื่องจัดลำดับพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมเมืองไทยให้เป็นหนึ่งในสิบพระเกจิอาจารย์ในยุคปัจจุบัน

กิตติคุณ : 
เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้บริสุทธิ์ ด้วยไตรสิกขาเปี่ยมด้วยเมตตาบารมีธรรม ถือสัจจะเป็นที่ตั้ง
อัธยาศัยไมตรียิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับการปฏิสันถารญาติโยมด้วยความเป็นกันเอง

 

นับแต่ พระครูวินัยวัชรกิจ ( อุ้น สุขกาโม ) 
ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดตาลกง ได้ประพฤติปฏิบัติวางตนอยู่ในกรอบของ
พระธรรมวินัยปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคมระเบียบแบบแผนของทางราชการ 

ได้จัดทำผังวางแผนพัฒนาวัดในด้านต่างๆ ร่วมกับคณะกรรมการวัด ญาติโยมสาธุชน
ทำให้คณะสงฆ์ และญาติโยมผู้อุปการะวัด มีความสมัครสมานสามัคคีร่วมแรง ร่วมใจ
ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ - สามเณร
และช่วยเหลือกิจศาสนามาด้วยดี จึงสามารถพัฒนาสิ่งปลูกสร้าง

เสนาสนะภายในวัดหลายอย่าง เช่น กุฎิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ
โบสถ์ ศาลา บำเพ็ญกุศล หอระฆัง ซุ้มประตูทางเข้าวัดและอื่นๆอีกมากมาย จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
นอกจากนั้นท่านยังให้การสนับสนุนการศึกษา ปริยัติธรรมของพระสงฆ์ - สามเณร
และการศึกษาของเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดตาลกงอีกด้วย ท่านยังเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรม เจริญกัมมัฎฐาน
จนเป็นที่รู้จักและยอมรับของสังคมเป็นอย่างดียิ่ง

 

หลวงพ่ออุ้น มรณภาพ เมื่อ     เวลา 06.09 น.วันที่ 31 ตุลาคม 2553 หลวงพ่อได้จากไปด้วยอาการสงบ สิริอายุรวม 94 ปี 7 เดือน 22 วัน พรรษา 74

Top