สมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อจรัญ ปลุกเสก - webpra

ประมูล หมวด:หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง – หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

สมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อจรัญ ปลุกเสก

สมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อจรัญ ปลุกเสก สมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อจรัญ ปลุกเสก
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง สมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)จังหวัดขอนแก่น หลวงพ่อจรัญ ปลุกเสก
รายละเอียดสมเด็จกวาง (ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน)หลวงพ่อจรัญ
[รายละเอียด] พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่น ไว้เพื่อเป็นสาขาของ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยท่านได้แสดงเจตนารมณ์ของท่านไว้อย่างชัดเจน ในการประชุมคณะกรรมการ โครงการก่อสร้างศาลา ๗๒ ปีฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึงทำให้กรรมการทุกคนในที่นั้นต่างทราบถึงเจตนารมณ์ และความเพียรพยายามของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่จะนำของดีคืนสู่จังหวัดขอนแก่น โดยการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวันแห่งนี้ไว้เพื่อพัฒนาจิตให้กับประชาชนและเยาวชนของชาติ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เล่าถึงประวัติและเจตนารมณ์ของท่านไว้ดังนี้ “อาตมาเคยมาได้ของดีที่จังหวัดขอนแก่นนี่ ท่านทั้งหลายทราบดี จึงพยายามตั้งใจอยู่ตลอด จนชีวิตจะหาไม่ เราต้องตายไปหนึ่งครั้งแล้ว เรารอดตายมาได้ ถ้าไม่มาที่นี่แล้ว เราต้องตายที่เมืองพม่า มันดาเลย์ เมืองหงสาวดี ที่หลวงพ่อดำพาเราไปเดินธุดงค์ ต้องตายแน่ อันนี้ทำให้เรามั่นใจ ซึ้งใจ คือหลวงพ่อดำ องค์ที่ให้กรรมฐานพระเจ้ากรุงธนบุรี พี่น้องทุกคนอาจยังไม่ทราบ ว่าเราต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน เรื่องเชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมพูดมาหลายครั้ง แต่ต้องย้ำอีกหนให้ท่านทราบ พี่น้องทุกคนอย่าคิดว่ารู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม อย่าเข้าใจผิดไม่ได้ผล คนไม่ได้คิดจะไม่มีสติปัญญา จะไร้เหตุผล เมื่อเรากลับมาจากมันดาเร เมืองหงสาวดี แล้วก็มาเจอเครื่องบินจะตกที่ยุโรปเราก็รอดตายมาได้เพราะเหตุใด รอดจากคอหักตาย รถชนตายเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็คิดได้ว่า หลวงพ่อดำเนี่ย บางคนก็บอกว่าเป็นหลวงพ่อโลกอุดร หลวงพ่อถ้ำวัวแดง เนี่ยไม่ใช่ทั้งนั้น ท่านทั้งหลายอย่าลืม ที่น้ำพอง ท่านพาอาตมาไปได้รับของดีมาจากขอนแก่นหลากหลาย เชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมอีกที หลังจากที่เราคอหักแล้ว เราก็คิดว่าเราตายไปแล้ว เรายังไม่เคยสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำ ให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นหลักเป็นฐานแต่ประการใด จากที่ท่านให้คติธรรมเตือนใจว่า โปรดทำตามพระพุทธเจ้า ว่าสร้างคนดีกว่าสร้างวัตถุ สร้างคนให้มีความรู้ สร้างคนให้มีความดี มีสติปัญญา เราก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ทำอย่างไรเราถึงจะสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำได้ อยู่มาวันหนึ่ง ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร สัญลักษณ์ของคนดีมีปัญญา คือกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณสูงสุดหามิได้ ก็ขอรวบรัดตัดใจความ ก็ปรากฏว่ามาได้สถานที่นี้ ทำให้ของพ่อดำท่านดลบันดาล สถานที่นี้เป็นมหาขุมทรัพย์ เป็นถ้ำพญานาค ใครไม่มีบุญเข้ามาไม่ได้ ร้อนอกร้อนใจเหมือนยักษ์ถูกไฟลวก ไม่ได้ เลยก็พอดีนะ จะหาที่ตรงน้ำพองก็ไม่ได้ ก็พอดีจากการดลบันดาลของหลวงพ่อดำ ได้บอกอาตมาว่า มีชื่อ ดร.ลำใย อยู่จึงจะใช่สถานที่นี้ เสร็จแล้วอาจารย์บุญส่ง เป็นหมอดู ก็ติดต่อ ดร.ลำใย ก็รู้ว่ามีจิตใจศรัทธาเลื่อมใส แต่ก็ไม่ทราบว่าเลื่อมใสแค่ไหน ก็ขอถวายที่ประเมินประมาณ ๒๒ ไร่ ในวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๖ ก็เอาโต๊ะมาขึงเข้าโต๊ะหนึ่ง ฟ้าเปรี้ยง เบื้องล่างพญานาคขึ้นมา ซูง้อยังอยู่เป็นพยานได้ รุ้งกินน้ำไปสู่หนองคาย รุ้งอันนี้สำคัญ คล้ายรุ้งพญานาคที่จะต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ ประกาศเทพเจ้าให้ทราบโดยทั่วกัน เปรี้ยงๆๆ สามเปรี้ยงด้วยกัน เราก็มาเขียนลงในหนังสือของเราไว้ว่า พ.ศ. ๒๕๓๗…๓๘….๓๙ ก็จะเสร็จพออบรมได้ของศูนย์นี้ พี่น้องญาติธรรมทุกคน ที่เราได้มาเจอกันทุกคนสมัครสมาน อาตมาก็ตั้งใจมาก แล้วตรงนี้เมืองลับแล คนที่ไม่เชื่อก็คือคนที่ไม่รู้ เพราะรู้จริงถึงจะเชื่อ อย่างที่อาตมาพูดให้โยมทั้งหลายได้ฟังว่า รู้จริงนั้นหายาก รู้มากนั้นหาง่าย มันก็เกิดได้ อาตมาก็ไม่ลดละ พยายามทำต่อไป เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเรา ทั้งๆที่งานเรามากมายเหลือเกิน ทั้งที่เราตายก็ตายไปถึงสามครั้ง ครั้งที่คอหัก ครั้งที่พม่า กับครั้งที่เครื่องบินจะตก แต่ผลสุดท้ายก็ทำได้ ใครมีบุญวาสนาแต่เมื่อครั้งอดีตชาติก็ขอให้เข้ามา ลุล่วงลงตามนี้ ก็มีมาเรื่อยๆ กระทั้งทั้ศาลาเล็กๆ คนไม่ค่อยมาก พยายามขยายที่มาตามลำดับ จึงสร้างศาลาใหญ่ขึ้นคือหลังปัจจุบันนะ ก็สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ทุกคนไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร บางคนก็สงสัยว่ามาสร้างไว้เพื่ออะไร ทำไมต้องมาสร้างที่นี่ ไปสร้างที่อื่นไม่ได้หรือ อาตมานิ่งไม่พูดไม่ตอบ เพราะตอบไปเขาไม่รู้เรื่อง เขาไม่ทราบ เขาไม่เข้าใจ แล้วอาตมาก็มาพิจารณา กุฎิที่อาตมาอยู่เป็นหลังแรก ที่ใกล้กับปะรำ มีเต้นขึงกับที่ถวายที่ในวันนั้น เริ่มต้นอาจารย์บุญส่งก็มาตามลำดับ บางคนก็หายสาบสูญไปเลย ไม่ทราบว่าไปเหนือมาใต้แต่ประการใด แต่เราก็ยังนึกถึงบุญคุณ เดี๋ยวเหตุการก็ผันผวนเหตุการผ่านไป ก็เลยมีคนเข้ามาช่วยสร้างกุฏิเป็นหลังที่สอง ที่อาตมามาพักอยู่ปัจจุบัน จากนั้นได้ซื้อที่ขยายที่ต่อกันไป ได้อธิฐานไว้ว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ได้สมปรารถนา มันก็เป็นไปได้ ต่อมาอาตมาสังเกตว่า มางานกฐินทีญาติโยมก็ตากแดดกัน เอาเต้นต์ขึงเข้า ร้อนจะตาย ก็อุตส่าห์มานั่ง เพราะขึ้นไม่ทันคนข้างบน ไอ้คนขี้น ขึ้นไปก็ไปขวางที่ นั่งกันเต็มหมดเลย พญานาคจะขึ้นไปยังหาที่ไม่ได้ ก็ต้องนั่งกำแดดอยู่ข้างศาลา เราเห็นเลย ก็คิดอยู่มาตลอดสามปี จะทำอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร จะใช้เครื่องขยายเสียงเขาก็ไม่เห็นหน้าเห็นตา ยังไม่ทันทำบุญก็กลับเลย เพราะคนแน่นขึ้นไม่ได้ คนที่ขึ้นไม่ได้ทำบุญหรอก มาโมทนา ถึงไม่ได้ออกเงิน ก็มาทำบุญด้วยกัน ก็คิดแก้ปัญหาว่าจะแก้ไขอย่างไร เรามีเจตนาที่จะมาสร้างความดีที่นี่ เพราะที่น้ำพองนั้นหาที่ไม่ได้ ที่ไม่เหมาะสม ก็มาเหมาะสมตรงนี้ เขาเรียกว่าเนินนพวรรณ เป็นเนินมหาขุมทรัพย์ สำหรับผู้มีบุญ ขุมทรัพย์คือคุณสมบัติของชีวิต ไม่ใช่เงินไหลนองทองไหลมา เราต้องการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากทุกข์ สามารถแก้ไขปัญหาชีวิต สมกับสถานการบ้านเมืองที่แย่ลงไป ด้วยการติดยาบ้า เราจะเห็นนักเรียนทุกวันนี้ ขนาดลูกนายพลนะยังติดยาบ้า ลูกซีเก้าซีสิบ ม.๔ ตามเขาไปยังไม่กลับเลย มีปัญหาแม่เป็นถึงครูยังไม่มีเวลาดูแลลูกเลย ข้อนี้เป็นปัญหามาก แต่รัฐบาลก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ คำว่า “สวนเวฬุวัน” มาจากไหน “สวนเวฬุวัน” ที่เป็นชื่อของศูนย์ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เริ่มนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ซึ่งคุณลุงเล่าว่า “เมื่อวันที่หลวงพ่อมารับถวายที่ดิน ผมก็ได้กล่าวกับหลวงพ่อไว้ว่า “หลวงพ่อครับ พระพุทธเจ้าของเรา ท่านมีวัดอยู่สองวัดที่มีชื่อคล้องจองกันอยู่ คือ วัดอัมพวัน กับ วัดเวฬุวัน วัดอัมพวันหลวงพ่อก็เป็นเจ้าอาวาสอยู่ มีอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นขอให้ที่นี่ชื่อว่าวัดเวฬุวัน นะครับหลวงพ่อ เพราะว่าที่ดินผืนนี้ มีต้นไผ่อยู่ ๕๐๐ กออยู่แล้วครับ” หลวงพ่อท่านก็รับว่าให้ชื่อ “เวฬุวัน” เพราะ “เวฬุวัน” แปลว่า “ป่าไผ่”นั่นเอง หลวงพ่อได้คืนของดีให้กับชาวขอนแก่นไว้อย่างมากมาย โดยการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่นไว้เป็นสาขาของของวัดอัมพวัน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวให้ได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม รับของดีจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อสร้างกุศลผลบุญให้กับตัวเอง นำความสุขความเจริญให้กับตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติบ้านเมือง ปัจจุบันนี้ ศูนย์ปฏิบัติสวนเวฬุวัน มีพื้นที่ ๒๙๓ ไร่ ได้ทำการอบรมนักเรียนนิสิต นักศึกษา ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ด้วยหลักวิปัสสนากรรมกรรมฐาน ตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ของพระธรรมสิงหบุราจารย์ ตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ไปกว่า ๓๐๐,๐๐๐ คน (สามแสนคน) และในปีนี้อันเป็นปีที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมีอายุครบ ๘๓ ปี ทางศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จึงได้จัดทำเวปไซต์ เพื่อเป็นการเผยแผ่ผลงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ได้มีอุปการะคุณ อุปถัมภ์การก่อสร้างถาวรวัตถุ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และที่สำคัญ ท่านได้มอบของดีให้กับชาวขอนแ่ก่น นั่นก็คือวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวทางสติปัฎฐาน ๔ นั่นเอง
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลอา. - 03 ส.ค. 2557 - 15:00.03
วันปิดประมูล อา. - 03 ส.ค. 2557 - 15:00.21 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top