((100เดียวแดง)) เหรียญประสบการณ์ยิงไม่เข้า หลวงพ่อสาย วัดดอนกระต่ายทอง อ่างทอง ปี2538 เนื้อทองแดง - webpra

ประมูล หมวด:เหรียญปั๊ม ปี 2521 ถึง 2540

((100เดียวแดง)) เหรียญประสบการณ์ยิงไม่เข้า หลวงพ่อสาย วัดดอนกระต่ายทอง อ่างทอง ปี2538 เนื้อทองแดง

((100เดียวแดง)) เหรียญประสบการณ์ยิงไม่เข้า หลวงพ่อสาย วัดดอนกระต่ายทอง อ่างทอง ปี2538 เนื้อทองแดง ((100เดียวแดง)) เหรียญประสบการณ์ยิงไม่เข้า หลวงพ่อสาย วัดดอนกระต่ายทอง อ่างทอง ปี2538 เนื้อทองแดง
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง ((100เดียวแดง)) เหรียญประสบการณ์ยิงไม่เข้า หลวงพ่อสาย วัดดอนกระต่ายทอง อ่างทอง ปี2538 เนื้อทองแดง
รายละเอียดหลวงปู่สาย วัดดอนกระต่ายทอง ตำบล ราชสถิตย์ อำเภอ ไชโย จังหวัด อ่างทอง
หลวงปู่สาย ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรม ผู้สืบสายพุทธาคม หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท วัดนก และหลวงพ่อซวง แห่งวัดชีปะขาว พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสิงห์บุรี ที่ทุกคนต้องรู้จักดี

หลวงปู่สาย ขนฺติโก ท่านเกิด วันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ตรงกับวันที่ 19 ตุลาคม 2457 ณ.บ้านไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ใกล้กับวัดสกุณารามหรือวัดนก วัดที่มีพระกรุวัดนกอันโด่งดัง หลวงปู่ท่านเป็นบุตรของคุณพ่อพลอย และคุณแม่สิน จีนขจร มีพี่น้อง 6 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 2 คน คือ นายสาย จีนขจร (หลวงปู่สาย ขนฺติโก) นายวิสุทธิ จีนขจร นายอุทัย จีนขจร นายเตี้ยม จีนขจร (หลวงตาเตี้ยม พระน้องชาย) นางลูกอิน จีนขจร
หลวงปู่ท่านเป็นบุตรคนโต ในวัยเด็กหลวงปู่ท่านได้ช่วยเหลืองานของบิดา มารดา และดูแลน้อง ๆ ด้วยความขยันหมั่นเพียร มีจิตใจใฝ่ในทางกุศลมาตั้งแต่เด็ก ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เวลาโยมพ่อหรือโยมแม่หาปลามาได้และจะต้องนำปลามาตากแห้งบ้าง หั่นเป็นชิ้นบ้าง ที่ต้องฆ่าปลาหรือทุบหัวปลาท่านจะหลีกเลี่ยง หรทอหนีไปให้ไกลไม่ยอมทำเพราะสงสาร และไม่อยากทำบาป บางครั้งแอบปล่อยหนีไปก็มี ซึ่งนับได้ว่าเป็นเด็กที่มีใจเมตตาผิดแปลกจากเด็กทั่ว ๆ ไป

ในสมัยเด็กท่านก็วิ่งเล่นอยู่ในวัดนก และวัดชีปะขาว ท่านเคยเล่าว่าตอนเด็ก ๆ นี่เรียนอยู่ที่วัดชีปะขาวกับหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงท่านเองท่านก็เห็นหลวงปู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ท่านเองก็เคยซุกซนตามประสาเด็กจนถูกหลงพ่อซวงตีด้วยไม้เรียวก็มี หลวงปู่สายเคยบวชเณรอยู่ที่วัดชีปะขาวอยู่ถึง 5 พรรษา ก่อนที่จะบวชพระ ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนและชอบสนทนากับพระสงฆ์ ในปี 2476 ท่านเรียนจบ ชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดบ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ในระหว่างที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น ท่านสนใจด้านวิชาอาคม และด้านสมุนไพรได้ท่องเที่ยวเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ ในละแวกนั้น เพื่อขอร่ำเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว สิงห์บุรี พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน และท่านก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหลวงปู่สายท่านจึงมีความรู้ต่าง ๆ มากมายทั้งด้านวิชาอาคม และด้านว่านยาสมุนไพรมาตั้งแต่ก่อนอุปสมบท นอกจากนี้ท่านยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง อีกด้วย

สู่ร่มเงาแห่งกาสาวพัสตร์
เหตุผลหนึ่งที่หลวงปู่ท่านมีความต้องการอยากจะบวช ท่านเล่าให้ฟังว่า สมันก่อนนั้นมีไม่อะไรนอกจากทำนาทำไร่ พอเช้าไก่ขันนกร้องก็ถือจอบเสียมออกไปทำนา กลับมาก็พักผ่อนหลับนอน ชีวิตอยู่กับธรรมชาติก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน ท่านเห็นว่าไม่มีแก่นสาระประโยชน์อันใด หลังจากช่วยโยมพ่อโยมแม่ทำนาทำไร่มาหลายปี พออายุครบบวชก็เลยตัดสินใจบวช ท่านรู้สึกเฉย ๆ กับการเป็นฆารวาสจึงไม่คิดดดอยากจะสึก เหตุผลประการหนึ่งที่ท่านไม่คิดอออยากจะสึกคือไม่อยากทำนาทำไร่ เพราะต้องออกหาปลาดักสัตว์ท่านไม่อยากฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตไม่อยากเบียดเบียนชีวิตซึ่งกัน และกันรู้พอใจยินดีในการบวชมากกว่า ดูแบบอย่างจากหลวงพ่อซวง ที่ท่านเคบไปอยู่ด้วยอยู่เป็นพระสงฆ์ปฎิบัติตามพระธรรมวินัย สบายกว่ากันมาก ไม่ต้องไปใช้ชิตที่ก่อทุกข์โทษสร้างกรรมสร้างเวรให้กับตนเอง และผู่อื่น เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ หลวงปู่สายท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดสกุณารามหรือวัดนก อ.ไชโย จ.อ่างทอง ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2477 โดยมีพระเจ้าอธิการบุญ วัดสามประชุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบัว วัดสกุณาราม เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระชม วัดดอนกระต่ายทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมยานามว่า “ขนฺติโก” คือ “พระผู้มีความอดทนยิ่ง” ซึ่งท่านพระอุปัชฌาย์ท่านคจะเห็นในอุปนิสัยในความอดทน มีความขยันหมั่นเพียรของหลวงปู่ท่าน จึงได้มอบฉายานี้ให้แก่หลวงปู่สาย สำหรับพระอนุสาวนาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อชม แห่งวัดดอนกระต่ายทองนั้น ท่านเป็นพระวิปัสนาจารย์ที่มีศีลจริยวัตรเคร่งครัด และมีชื่อเสียงในสมัยนั้น หลวงพ่อชมท่านชอบออกธุดงค์เข้าป่าเป็นประจำในหน้าแล้งของทุกปี หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนกเป็นเวลา 2 พรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนอักขระขอม และด้านว่านยาสมุนไพร กับหลวงปู่เฟื่อง ท่านพระอาจารย์ปลั่ง ท่านเป็นพระที่แก่กล้าและแตกฉานในด้านวิชาไสยเวทย์และ ด้านว่านยาสมุนไพรว่านยาอาคมต่าง ๆ ท่านเป็นศิษย์ในสายพุทธาคมหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่สายท่านเป็นที่ถูกอัธยาศัยของหลวงปู่เฟื่อง และพระอาจารย์ปลั่งอย่างมาก เพราะเป็นพระผู้ที่มีความขยัน และอดทนท่านพระอาจารย์ทั้งสองจึงได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ ให้กับหลวงปู่สายอย่างไม่ปิดบังอำพรางตลอดแนะนำเคล็ดวิชาต่าง ๆ จนหมดภูมิความรู้ของท่าน หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจากสำนักวัดนกแล้ว หลวงปู่สายท่านมีความสนใจในการปฎิบัติพระกรรมฐาน จึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทอง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและปฏิบัติจิตภาวณากับหลวงพ่อชม วัดดอนกระต่ายทอง หลวงพ่อชม ท่านก็ได้อบรมในเรื่องจิตภาวนาให้กับหลวงปู่อย่างใกล้ชิด และได้ร่วมออกธุดงค์ไปกับหลวงพ่อชมในหน้าแล้งของทุกปี เพื่อฝึกฝนปฎิบัติกรรมฐานสมาธิและจิตใจให้เข้มแข็งและแก่กล้า

ปลายปี พ.ศ. 2481 หลวงปู่สาย ท่านได้เดินทางเข้ามาเล่าเรียนศึกษาด้านปริยัติธรรม และหัดท่องพระปาติโมกข์กับหลวงปู่ถม พุทธสโร วัดโพธิ์เรียง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบางกอกน้อย กทม. หลวงปู่ถมท่านได้อุปสมบทที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านเป็นพระคณาจารย์ทีมีชื่อเสียงรุ่นเดียวกับหลวงปูโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ในสมัยนั้นไม่ว่าจะมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ใด ย่อมต้องมีหลวงปู่ถมร่วมด้วยทุกครั้งไป หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียน ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง จนกระทั่งท่านสามารถท่องพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ท่านยังได้วิชาอาคมไสยเวทย์ และด้านวิชาสมุนไพรซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีกิตติศัพท์เลื่องลือไปไกล ซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านก็ให้ความเอ็นดูเมตตาต่อท่านเป็นอย่างมาก หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เรียงเป็นเวลา 2 พรรษา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2483 ท่านก็ได้เดินทางกลับมาจำพรรษา ที่วัดดอนกระต่ายทองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน

เมื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านก็ได้ทบทวนความรู้ต่าง ๆ ที่ท่านได้เล่าเรียนมา และมาต่อวิชากับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ซึ่งท่านเคยมาเรียนตั้งแต่สมัยยังไม่ได้บวช นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากสมุดข่อยโบราณที่ตกค้างตามวัดต่าง ๆ ในแถบเมืองไชโยและละแวกใกล้เคียง โดยศึกษาด้วยตัวเอง และทดลองทำตามที่ตำราได้บอกไว้ ก็สามารถทำได้ผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ตามที่ระบุไว้ในตำราทุกประการ ดังเช่นที่วัดวงศ์ภาสน์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดดอนกระต่ายทองเท่าใดนักสมัยหนึ่ง หลวงปู่พุฒ สารสุข(ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ซึ่งท่านเป็นเณรที่อุปัฏฐากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พุฒท่านเคยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวงศ์ภาสน์ถึง 2 พรรษา หลวงปู่สาย ท่านก็ได้ไปขอแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่พุฒ และศึกษาเพิ่มเติมจากตำราเก่าของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ที่หลวงปู่พุฒท่านได้มอบไว้ให้ หลวงปู่ท่านเล่าว่า ได้ทดลองปฏิบัติทำตามตำรา ก็ได้ผลเป็นอัศจรรย์ยิ่ง หลวงปู่ท่านยังบอกอีกตำราหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่านั้น ล้ำลึกและพิสดารมาก



เป็นพระหมอยาโบราณรักษาชาวบ้าน
ภายหลังจากท่านมาอยู่ที่วัดดอนกระต่ายทองแล้ว อายุกาลพรรษาก็มากขึ้นตามวัย ด้วยความรู้ความสามารถประกอยกับศรัทธาที่ชาวบ้านที่มีต่อท่าน เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็มักจะมาขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานมงคล เครื่องรางของขลัง ขับไล่ภูตผี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยในสมัยนั้น การสาธารณสุขก็ยังไม่ดีเช่นทุกวันนี้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ก็รักษาตามมีตามเกิดหลวงปู่เองก็นึกเมตตา สงสารชาวบ้านท่านจึงได้เริ่มรักษาชาวบ้านด้วย ความรู้ด้านว่านยาสมุนไพรคาถาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านมีความชำนาญ จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานกันทั่วไปในละแวกนั้น นอกจากท่านจะได้ศึกษาด้านว่านยา สมุนไพรจากหลวงปู่เฟื่องและพระอาจารย์ปลั่ง วัดนกแล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาหมอแผนโบราณเพิ่มเติม กับอาจารย์สดซึ่งเป็นฆารวาสที่อยู่วัดสระเกศ อ่างทอง และที่วัดสระเกศนี้เอง ก็มีหลวงพ่อโต๊ะพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคม ที่ชาวอ่างทองให้ความเคารพเลื่อมใสและรู้จักกันดี หลวงปู่สายเอง ท่านก็มีความสนิทสนมแวะเวียนไปมาหาสู่ สนทนากับหลวงพ่อโต๊ะเสมอ ๆ เมื่อครั้งเป็นหมอยาแผนโบราณ ท่านเล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้น การเดินทางยากลำบากมาก ท่านต้องเดินเท้าไปรักษาคนเจ็บคนป่วยทั้งใกล้ทั้งไกล บางครั้งเดินทางเป็นวัน ๆ กว่าจะถึงบ้านคนเจ็บก็บ่ายก็เย็น แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นหรือท้อถอย ในการเดินทางท่านให้การรักษาแก่ชาวบ้านอย่างสุดความสามารถ ไม่เลือกยากดีมีจน ด้วยความเมตตาสงสาร จนมีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จัก ด้านการรักษาด้วยยาแผนโบราณของท่าน นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้เรื่องว่านยาอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆเล่าให้ฟังว่าหลังจากฉันท์เช้าแล้ว ท่านก็จะเริ่มรักษาชาวบ้าน เลยหรือหากวันใดไม่มีคนป่วยท่านก็จะลงไปสวนป่าสมุนไพร ว่านยาที่ท่านปลูกไว้สมัยนั้น บริเวณวัดดอนกระต่ายทองเต็มไปด้วยว่านยาสมุนไพรนานาชนิด เมื่อมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถจัดหามารักษาได้อย่างทันท่วงที หลวงปู่ท่านเป็นหมอยาโบราณ ให้กับชาวบ้านด้วยความเมตตามาช้านานไม่เคยคิดค่ายารักษา จนกระทั่งการสาธารณสุขเริ่มดีขึ้น ประกอบด้วยอายุท่านมากขึ้นจึงได้เลิกราไป ด้วยความที่ท่านเป็นหมอยามาก่อน ท่านจึงมีความชำนาญแตกฉานเกี่ยวกับเรื่องของอาการ 32 และธาตุเป็นอย่างมาก ท่านรู้ในธาตุรู้ในอาการอย่างลึกซึ้ง โดยปกติหลวงปู่จะไม่ค่อยพูดไม่เล่าอะไรให้ฟัง ครั้งหนึ่งตอนที่ท่านอารมณ์ดี ๆ เผลอ เล่าให้ฟังว่า “นะโมพุทธายะ พระเจ้า 5 พระองค์นี้เปรียบเสมือนแม่ธาตุใหญ่เป็นรากเหง้าของธาตุทั้ง 4 นะมะพะธะ ธาตุทั้ง 4 เป็นธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย สังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมา เป็นตัวก็เป็นธาตุที่ถอดออกจากแม่ธาตุใหญ่คือนะโมพุทธายะ ถ้าหากว่าธาตุทั้ง 4 กองนี้ สมบูรณ์ไม่วิปริตผิดแผกไป ร่างกายก็มิได้มีการเจ็บไข้ และหากธาตุทั้ง 4 นี้เกิดอการวิปริตขึ้นเมื่อใดจะเป็นธาตุหนึ่งธาตุใดก็ตาม อาการเจ็บไข้ก็จะบังเกิดขึ้นทันที และก็เป็นไปตามลักษณะอาการของธาตุที่วิปริตนั้น ฉะนั้นธาตุทั้ง 4
นี้เองจึงเป็นสมมุติฐานใหญ่ในคัมภีร์แพทยศาสตร์ สำหรับใช้พิจารณาตรวจดูอาการ โรคภัยไข้เจ็บทั้งมวลเมื่อเราประกอบพิธีกรรมกระทำใด ๆ ก็ตาม พึงกระทำธาตุในตัวเราให้ตั้งมั่นสมบูรณ์เสียก่อน โดยการตั้งธาตุหนุนธาตุให้ถูกต้อง ตามลักษณะการที่จะกระทำนั้น และเมื่อกระทำการเสร็จแล้วก็ควรจะหนุนธาตุให้เกิดอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นอีก เมื่อธาตุในกายเราเป็นปกติสมบูรณ์ ก็จะทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็ง สามารถที่จะทำให้บรรลุในสิ่งที่ต้องการได้ดังปรารถณา เราต้องตั้งแม่ธาตุก่อนจึงตั้งตัวธาตืเมื่อจะตั้งธาตุทั้ง 4 กอง ก็ต้องมีธาตุพระเจ้าคือ ธาตุกรณีกำกับลงไปเพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุ

เมื่อตั้งธาตุบริบูรณ์แล้วก็ให้ทำการหนุนาตุด้วยแก้ว 4 ดวงคือ แก้วมณีโชติ แก้วไพฑูรย์ แก้ววิเชียร แก้วปัทมราช ให้พิจารณาดูว่าจะกระทำการใด เช่นจะแก้โรคภัยไข้เจ็บให้ตรวจดูว่าโรคนั้นเป็นเพราะธาตุใดวิกลไป ก็ให้ตั้งธาตุนั้นและหนุนธาตุให้ดีดังเดิม แต่หากจะกระทำการปลุกเสก ก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกไปในด้านไหน เข้าในหมวดธาตุใดก็ให้เอาธาตุนั้นหนุน พอได้ฟังท่านเล่ามา อย่างนี้ ทำให้รู้ว่าหลวงปู่ท่านมีความรู้เรื่องธาตุละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างดี
ราคาเปิดประมูล50 บาท
ราคาปัจจุบัน50 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูลอ. - 26 เม.ย. 2559 - 14:07.23
วันปิดประมูล พฤ. - 28 เม.ย. 2559 - 15:00.52 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 50 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ50 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top