ความเมตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม(2) - webpra

ความเมตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม(2)

บทความพระเครื่อง เขียนโดย จุ๊กอุบลamulets

จุ๊กอุบลamulets
ผู้เขียน
บทความ : ความเมตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม(2)
จำนวนชม : 789
เขียนเมื่อวันที่ : จ. - 17 ก.ย. 2555 - 16:39.53
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : อา. - 07 ต.ค. 2555 - 17:18.26
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

              ในทีแรกหลวงปู่แจ้งความประสงค์ว่าจะไปด้วยนั้นผมก็เอ่ยถามท่านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่า"หลวงปู่จะไปเมืองหรือครับ" ท่านก็บอกว่าจะไปทำธุระ แล้วผมถามท่านอีกว่า"หลวงปู่จะไปที่ไหนครับ" ท่านก็ตอบแต่เพียงว่าไปในเมือง ผมก็ถามท่านอีกว่า"ตรงส่วนใดของในเมืองครับหลวงปู่"ท่านก็บอกว่า"ไปเถอะเดี๋ยวจะบอกทางเอง" ผมจึงไม่ซักไซ้ท่านอีก  ความรู้สึกของผมในตอนนั้นดีใจมากและคิดว่าช่างเป็นศิริมงคลแก่ตัวเราแท้ที่จะได้รับใช้หลวงปู่แต่ใจส่วนหนึ่งก็ยังอดห่วงและสงสัยไม่ได้ว่าหลวงปู่ท่านจะกลับอย่างไร (ต้องเรียนท่านผู้อ่านตรงนี้ก่อนว่าในการบอกกล่าวของหลวงปู่นั้นลักษณะของท่านมิได้ว่าต้องการให้พาไปและพากลับด้วย หากแม้นท่านจะสั่งเช่นนั้นหรือให้พาไปส่ง ณ ที่ไกลกว่านี้แล้วให้รอรับท่านกลับด้วยผมก็จะยิ่งรู้สึกยินดีรับใช้ท่านอย่างเต็มกำลัง แต่หากท่านผู้อ่านท่านใดที่ได้เคยไปกราบนมัสการท่านก็คงจะทราบกันดีว่าหลวงปู่ท่านเป็นผู้ที่เด็ดเดี่ยวคำไหนคำนั้น ไม่เรื่องมาก ซึ่งครั้งนี้ที่ผมได้รับใช้ท่านก็ทราบในเบื้องต้นด้วยใจแล้วว่าท่านต้องการแค่ให้พาท่านไปส่งเท่านั้นจึงไม่ได้ถามท่านต่ออีกว่าจะให้ผมกลับมาส่งหรือไม่)ผมจึงเรียนถามท่านไปว่า"แล้วขากลับหล่ะครับหลวงปู่จะกลับอย่างไร?" ท่านก็บอกมาว่า"ไม่ต้องห่วง รถมีเยอะแยะ" ผมและบิดาจึงออกมานั่งรอท่านด้านนอก ในตอนนั้นผมดีใจมากจึงโทรไปบอกพี่โด่ง(ร้านคุณภูมิอุบล)ว่าหลวงปู่จะไปกับผมด้วยนะพี่ พี่นุ้ยซึ่งเป็นภรรยาพี่โด่งเป็นคนรับสายก็เลยบอกให้ผมถามหลวงปู่ว่าท่านจะกลับยังไงเพราะแกกำลังจะไปพิบูลฯถ้ายังไงจะได้รอรับหลวงปู่กลับด้วย ผมก็บอกไปว่าหลวงปู่ท่านไม่ยอมบอก ผมก็เลยบอกพี่แกไปว่าเอาไว้ผมจะค่อยลองถามท่านอีกทีตอนใกล้จะถึงอุบลฯ

                       หลังจากที่นั่งรอสักพักหลวงปู่ก็เดินออกมาจากกุฏิผมก็รีบเข้าไปรับย่ามจากท่านแล้วนิมนต์ท่านขึ้นรถ ก่อนรถจะออกท่านก็สั่งหลวงพ่อองค์ที่ผมพบครั้งแรกให้ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ จากนั้นผมก็ขับรถพาท่านออกเดินทางเข้าตัวเมือง เมื่อรถออกพ้นวัดมาได้สักระยะท่านก็พูดเปรยเป็นเชิงเทศนาไปด้วยว่า"รถน่ะถ้ารักมันก็ต้องรักษามัน ค่อยๆขับ ค่อยๆไป แต่ถ้าไม่อยากให้มันอยู่ด้วยนานๆก็ก็ขับก็เหยียบๆมันเข้าไป คนเรานี่ต้องมีสติประมาทไม่ได้ ต้องมีสติอยู่เสมอ " ระหว่างเดินทางท่านก็เทศนาไปด้วยซึ่งผมก็จำได้ไม่ทั้งหมดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ในช่วงหนึ่งหลวงปู่ท่านหยิบเอาตลับยาเส้นขึ้นมาสีฟัน ผมก็ชำเลืองมาดูนึกว่าท่านจะหยิบอะไรให้อีก(ความโลภยังมีอยู่อีก) ปรารกฏว่าท่านพูดขึ้นว่า"จะเอาไปทำไมชานหมาก ของที่เขาทิ้งแล้ว  เกิดคนนั้นเขาเป็นวัณโรคจะทำยังไง "จากคำพูดนี้จึงทำให้ผมได้เข้าใจในเหตุผลของหลวงปู่ แล้วก็คิดขึ้นได้ว่าเรานี้ช่างโง่แท้หนอ มีแต่อยากจะได้จนหน้ามืดตามัวไม่รู้เหตุรู้ผลอะไรเสียเลย ถึงตรงนี้ผมใคร่จะขอแทรกเรื่องที่ผมเคยขอชานหมากซึ่งผมไม่ได้ลงรายละเอียดในบทความแรกที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้ไปแล้ว จึงขอนำมาเล่าเสริมเพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ท่านผู้ที่ประสงค์จะไปกราบนมัสการหลวงปู่จะได้พึงระวังสำรวมในความอยากจะได้ไม่ต้องโดนหลวงปู่ตอกให้หน้าหงายและละอายใจต่อท่านด้วย ในตอนนั้นที่ผมขอท่านท่านบอกว่า"ของดีมีให้แล้วไม่ต้องขอ ของที่ไม่ให้เอาไปมันก็ไม่ขลัง คนเรานี้ไม่รู้จักพอ ได้อย่างหนึ่งก็ยังอยากได้อีก อยากไม่มีวันจบ"ครับท่านได้บอกเอาไว้อย่างนี้ในตอนนั้น ก็ตรงกับที่ผมเคยเล่าเอาไว้นั่นแหละครับว่าท่านจะให้ของเราเองไม่ต้องไปขอท่าน เพราะผมคิดว่าทุกคนที่ไปกราบนมัสการท่านย่อมต้องได้ของดีจากท่านมากันแน่นอนทุกคนเพียงแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง แต่โดยมากหลวงปู่ท่านไม่เพียงแต่ให้ผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านเท่านั้นนะครับหากแต่ท่านยังฝากให้เอาไปให้ลูกหลานญาติพี่น้องที่บ้านของเราด้วย หลวงปู่ไม่เคยหวงเลยครับ  

                  ในระหว่างการเดินทางเข้าตัวเมืองอุบลฯหลวงปู่ท่านได้เมตตาเทศนาธรรมสั่งสอนผมและบิดาไปด้วยบางครั้งก็พูดถึงเรื่องที่ท่านเคยประสบพบมา หลวงปู่เก่งท่านจะเน้นมากนะครับในการให้รู้จักมีความกตัญญู การอ่อนน้อมถ่อมตน หลายคนอาจจะคิดว่าท่านจะเป็นพระที่ต้องบอกเล่าหรือพูดถึงแต่เรื่องลี้ลับหรือเรื่องวิชาอาคม ผมต้องเรียนตรงนี้เลยนะครับว่าท่านมิได้เป็นเช่นนั้นถึงแม้กิตติศัพท์ที่ได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับท่านจะเด่นไปในทางนั้นก็ตาม หากแต่เมื่อได้สัมผัสกับท่านแล้วในความคิดของผมท่านจะไม่พยายามสั่งสอนให้เรางมงายนะครับ แต่ท่านจะบอกให้หมั่นทำความดีโดยเฉพาะกับบิดามารดาครูอาจารย์ และให้มีเหตุมีผลที่สำคัญคือตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีประโยคสำคัญๆของหลวงปู่ที่ท่านได้กรุณาเล่าและสั่งสอนผมในระหว่างทางที่เดินทางไปส่งท่านมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบและได้แง่คิดจากคำกล่าวของท่านซึ่งมีอยู่ใจความดังนี้"เมื่อก่อนคนก็เคยให้ไปแก้ของให้บอกว่าผัวโดนเขาใส่ของเป็นของเขมร พอไปดูก็เห็นว่าที่จริงมันไม่ได้โดนของอะไรกันที่ไหนหรอกที่เป็นอย่างนั้นเพราะมันบ้า บ้ากิเลส บ้าตัณหา ผัวก็บ้า เมียก็บ้า มันไม่รู้จักพอ ถ้าต่างคนต่างรู้หน้าที่มันก็อยู่เป็นสุขไม่ต้องร้อนเป็นไฟ" และครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังพูดอยู่ท่านก็หยิบนมกล่องชึ้นมาแล้วก็ส่งให้พ่อผม ด้วยความที่บิดาผมท่านเพิ่งดื่มน้ำเข้าไปมากจนท้องอืดเลยตอบแบบพาซื่อว่า"ผมกินมาเยอะแล้วครับหลวงพ่อ" เผอิญผมไหวทันจึงรีบบอกบิดาว่า"หลวงปู่ท่านให้ รับไว้สิครับพ่อ" บิดาผมท่านจึงนึกได้แล้วยกมือไหว้รับเอาจากหลวงปู่ แหลวงปู่ก็ได้แนะนำและให้ข้อคิดเป็นเชิงตำหนิไปพร้อมด้วยว่า" ของถ้าคนเขาให้เราแสดงว่าเขาแสดงไมตรีจิต เราจะอยากได้หรือไม่ก็รับเอาไว้ก่อนเขาจะได้ไม่เสียน้ำใจ อย่างบุหรี่เขาให้แต่เราไม่สูบก็เอาเก็บไว้ก่อนเอาใส่กระเป๋าเสื้อไว้(ท่านหมายถึงบุหรี่ที่ยังไม่ต่อไฟนะครับ)พอพ้นจากเขาแล้วเราก็เอาไปทิ้งเสียหรือเอาไปให้คนที่เขาสูบบุหรี่ก็ได้  ครับนอกจากนั้นท่านก็ยังเอ่ยถึงเหรียญรุ่นแรกที่ท่านได้ให้กับผมว่า"เหรียญที่ให้ไปนั้นน่ะ มันค่อนข้างจะทำให้ใจเกรี้ยวกราดอยู่นะ(ท่านพูดเป็นภาษาอิสานว่ามันฟึดแฮงอยู่เด้อ ไม่รู้ว่าผมแปลเป็นภาษากลางพอจะใกล้เคียงหรือไม่หากผิดพลาดก็คงต้องขออภัยท่านผู้อ่านอีกตามเคย)สองคนก็เอาไม่อยู่นะ ถ้ามันเข้ามาจับมันหักแขนไปเลย เอาไปใส่กรอบดีๆ"  

              ในระหว่างที่ขับรถจากพิบูลฯมาอุบลฯนั้นทางพี่โด่งก็โทรมาสอบถามตลอดว่าหลวงปู่จะไปไหน จะขอไปรับหลวงปู่กลับได้หรือไม่ แต่เมื่อผมพยายามถามท่านท่านก็บอกว่า"บอกเขาไปว่าไม่ต้องลำบากหรอกเดี๋ยวจะกลับเองไม่ต้องห่วง" แล้วพอถึงอุบลฯแล้วผมก็ถามหลวงปู่ว่า"หลวงปู่จะไปที่ไหนครับผมจะได้ไปส่งถูก" หลวงปู่ก็ตอบแต่เพียงว่า"พอใกล้จะถึงแล้วจะบอกเอง" ในตอนหนึ่งท่านเห็นป้ายโฆษณาอาหารเสริมประเภทซุปไก่ท่านก็พูดว่า"นี่ของแพงของคนรวยเขากินกัน เราไม่มีปัญญาซื้อกินกันหรอก"(ผมทราบจากพี่สังข์อุบลภายหลังว่า มีคนเอาไปถวายท่านมากแต่ท่านไม่เคยฉันเลย ท่านแจกให้คนที่ไปกราบท่านหมด) พอผมขับรถข้ามสะพานเสรีประชาธิปไตยแล้วท่านจึงค่อยบอกว่าถึง"แล้วจอดตรงนั้นแหละ ชิดซ้ายเข้านั่นแหละ" คือท่านไม่ยอมบอกจนจวนจะถึงจริงๆท่านจึงได้บอก ทำเอาผมแทบตั้งตัวไม่ทัน จากนั้นเมื่อจอดรถแล้วผมจะลงไปเปิดประตูให้ท่านแต่ท่านก็บอกไม่ต้องแล้วท่านก็เปิดประตูรถลงเอง ผมและบิดาจึงกราบลาท่าน แล้วท่านก็บอกว่า"อือ..เจิรญพร"  ครับสำหรับประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมได้รับความเมตตาจากหลวงปู่เก่ง ธนวโร ก็มีเพียงเท่านี้ แต่ยังมีต่ออีกนะครับเพราะผมยังได้ไปกราบนมัสการที่อีกสองครั้งและก็มีเรื่องท่านจะเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านอีกในบทความต่อไปนะครับ        

ความเมตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม(2)
ความเมตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม(2)
Top