
หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง โดย ท่านสว.ดิเรก ถึงฝั่ง
บทความพระเครื่อง เขียนโดย suwat270
พูดถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ประชาชนทั้งสองฝั่งน้ำเจ้าพระยา และนักเลงพระครื่องทั่วประเทศต่างร้องอ๋อทันที ทั้งนี้เพราะพระเครื่องและตะกรุดของท่านเป็นที่เลื่องลือ ในพุทธานุภาพอย่างยิ่ง ท่านสร้างพระปิดตาและตะกรุดมหาโสฬสมงคลไว้ ซึ่งในปัจจุบันสุดแสนจะหาชมได้อยากยิ่ง ราคาเช่าหาที่แพงลิบลิ่วนับหมื่นและหลาย ๆ แสนบาท ผู้ใดมีวัตถุมงคลของท่านติดตัวไว้ก็เปรียบเสมือนมี “เกราะป้องกันอย่างแน่นหนา” ไม่มีสรรพสิ่งหรือคมอาวุธใด ๆ มาทำรายได้ หลายท่านก็รู้และประจักษ์กันมาเป็นอย่างดี ดังนั้นวัตถุมงคลของหลวงปู่เอี่ยมจึงประดุจดัง “เพชรน้ำเอก” อันล้ำค่ายิ่ง
หลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม ท่านเป็นชาวปากเกร็ดโดยกำเนิด เกิดที่บ้านแหลมใหญ่ข้างวัดท้องคุ้ง ปากคลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2359 บิดาชื่อ นายนาคและ มารดาชื่อ นางจันทร์ มีพี่น้องรวม 3 คน ท่านเป็นพี่ชายคนใหญ่ ด้วยอุปนิสัยที่ชอบไขว่คว้าหาความรู้รักการเรียน ดังนั้นท่านจึงศึกษาหาความรู้มาแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะด้านวิปัสสนากัมมัฎฐาน
เมื่อย่างเข้าวัย 22 ปี ท่านสละกิเลสด้วยการบวชเป็นพระภิกษุที่วัดบ่อ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเข้าไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดกัลยาณมิตร, วัดประยูรวงศาวาส, วัดนวลนรดิศ รวมแล้ว 15 พรรษา การฝึกวิปัสสนากัมมัฎฐานท่านบรรลุเป้าหมาย ภายหลังญาติโยมและชาวบ้านพากันเดินทางไปนิมนต์ให้ท่านกลับภูมิลำเนาเดิม ท่านจึงย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วัดสะพานสูง มีชื่อเดิมว่า “วัดสว่างอารมณ์” สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อวัด ก็ในคราวที่ สมเด็จพระยาวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศวิหารเสด็จไปตรวจวัดสว่างอารมณ์ ทอดพระเนตรเห็นสะพานสูงหน้าวัด ชาวบ้านแถบนั้นเรียกกันว่า วัดสะพานสูงจนติดปาก จึงพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดสะพานสูง” มาจนทุกวันนี้
หลวงปู่เอี่ยมจำพรรษาอยู่ที่วัดสะพานสูงตลอดมา จนกระทั่งท่านมรณภาพลงเมื่อ พ.ศ. 2439 รวมสิริอายุ 80 ปี ขณะที่มาอยู่วัดสะพานสูงนั้นท่านชอบที่จะออกเดินธุดงค์เสมอ ไม่วาจะเป็นภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคตะวันออก ท่านเดินธุดงค์เข้าไปในประเทศลาวและเขมร ทางภาคตะวันตกท่านเดินธุดงค์ไปในเขตลุ่มน้ำสาละวิน ประเทศพม่า ต้องผจญกับความยากลำบากความอดอยากหิวโหย ทั้งผีป่าผีดงและสัตว์ร้ายนานัปการ ท่านก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ด้วยดี
หลวงปู่เอี่ยมมีกระแสจิตที่แก่กล้า การออกธุดงค์ในแต่ละคราวแตกต่างจากพระรูปอื่น ๆ คือ ท่านออกธุดงค์คราวหนึ่งจะเป็นปี 2 ปีติดต่อกัน บางครั้งหายไปในป่าหลายปีจนบรรดาญาติโยมและคณะกรรมการวัดนึกว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว แต่จู่ ๆ ท่านก็กลับมาที่วัดในสภาพที่ผมยาว หนวดเครารกรุงรัง ชาวบ้านแถบนั้นจำท่านไม่ได้ บางคนคิดว่าเป็นคนเสียจริตมา เมื่อทราบว่าเป็นหลวงปู่เอี่ยมต่างดีอกดีใจกันใหญ่ ท่านเป็นพระที่มีวิชาความรู้แก่กล้า จนยากที่จะหาใครเสมอเหมือน พระเครื่องและตะกรุดของท่านจึงเป็นที่นิยม
การสร้างพระปิดตา การที่ท่านออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ นั้น ท่านได้รวบรวมว่านไว้จำนวนมาก และว่านเหล่านี้ได้ถูกนำมาบดผสมกับผงสร้างเป็น “พระปิดตา” อันลือชื่อ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในพระของหลวงปู่เอี่ยมและวัตถุมงคลวัดสะพานสูงสือต่อมา รูปแบบพิมพ์พระหลวงปู่เอี่ยมท่านสร้างพระปิดตาขึ้นเอง โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบจากใคร รูปแบบพิมพ์พระมีลักษณะเหมือนกับ ว่าวจุฬา เศียร แขน และเข่ามนกลม มีขนาดใหญ่และเล็กแตกต่างกันไป พิมพ์พระโดยมากออกจะใหญ่และล่ำสัน พุทธลักษณะมองดูสวยงามมีความซึ้งตาไปอีกแบบหนึ่ง คนรุ่นเก่านิยมเรียกพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยมว่า “พิมพ์จุฬาใหญ่และพิมพ์จุฬาเล็ก” แต่ในวงการพระเครื่องได้เปลี่ยนชื่อ เรียกว่า “พิมพ์ชะลูด” และ “พิมพ์ตะพาบ” โดยมองไปที่ขนาดและรูปพิมพ์พระนั่นเอง หลายท่านยังเข้าใจผิดว่าพระปิดตามหลวงปู่เอี่ยม มีจำนวนมากมายหลายรุ่น ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากท่านเป็นพระที่มีวาจาสิทธิ์และกระแสจิตแก่กล้ายิ่ง ดังนั้นการจะสร้างพระปิดตาและเครื่องรางจึงไม่มีพิธีรีตองอะไร ท่านใช้วิธีทำไปปลุกเสกไปแจกไปทีละเล็กน้อย จึงไม่ได้สร้างไว้เป็นรุ่น ๆ คราวละมาก ๆ อย่างที่หลายท่านเข้าใจ พระที่เหลือจากแจกจะเก็บและปลุกเสกต่อ ทำอย่างนี้ตลอด เกิดถ้าใครเอาพระไปให้หลวงปู่ดูและถามว่าพระองค์นี้สร้างรุ่นไหน? หลวงปู่เองก็ตอบไม่ถูกเพราะท่านไม่ได้ส |

