
หัวข้อ: กฎหมายใกล้ตัวเรื่องที่ 3 ให้เพื่อนปล่อยพระแล้วเพื่อนเอาไปเลย
กระทู้ และ ความคิดเห็นต่างๆ
กฎหมายใกล้ตัว เรื่องที่ 3 ฝากพระให้เพื่อนเข้าไปปล่อยในบ้านลูกค้า แต่เพื่อนเอาพระไปเลย
เรื่องนี้เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆประมาณ 5-6 วันเอง มีลูกค้า(แต่ไม่เคยเช่าพระผมเลยนะ เรียกลูกค้าได้เปล่าก็ไม่รู้) มาปรึกษา สมมุติว่าชื่อ “นายเวปมาสเตอร์ “ ได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง สมมุติว่าชื่อ “ทนายน้อยจัง “ซึ่งเพิ่งรู้จักกันได้ 6 เดือน เป็นคนเปิดแผงพระ นายเวปมาสเตอร์ก็เคยฝากพระไปให้ทนายน้อยจังปล่อยเช่าได้หลายครั้ง และก็ได้เงินกลับมา ทุกครั้ง
ครั้งล่าสุดเป็นพระท้องที่อันโด่งดัง มีราคารวม เกือบแสน (3 องค์รวมกันนะครับ อิอิ) นายเวปมาสเตอร์ก็บอกราคาที่ต้องการปล่อยก็ประมาณ 7 หมื่นกว่าๆ ทนายน้อยจัง ก็บอกนายเวปมาสเตอร์ว่า “เดี๋ยวจะพาไปปล่อย เฮียห้อ เจ้าของค่ายมวยOS” (เพื่อนๆไม่ต้องกลัวนะครับ ผมไม่โดนหมิ่นประมาทด้วยข้อความแน่นอน ) โดยกะจะปล่อยในราคา 150,000 บาท นายเวปมาสเตอร์ก็ดีใจจิครับ พระราคาหมื่น ปล่อยได้ตั้งแสนห้า ยืนกะหยิ่มยิ้มย่องคนเดียว ใครผ่านไปนึกว่าเพี้ยน ว่าแล้วกะทาชายนายทั้งสองก็พากันไปบ้านเฮียห้อ
เมื่อไปถึงบ้าน ทนายน้อยจังก็บอกเวปมาสเตอร์ว่า “พี่ครับ พี่นั่งเล่นเน็ตในร้านอินเตอร์เนตคาเฟ่ รอดูกระทู้สนุกๆในเวปพระก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเอาพระไปให้เฮียห้อดู บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านนี้เอง นายเวปมาสเตอร์ก็หันไปมองฝั่งตรงข้ามถนนก็เห็น บ้านหรือวังอะไรสักอย่างหนึ่ง (โค-ตะ-ระ) มหาเศรษฐี นายเวปมาสเตอร์ก็บอกทนายน้อยจังว่า “โชคดีนะน้องปล่อยได้เดี๋ยวมาแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน”
ทนายน้อยจัง ก็เดินข้ามฝากไป แล้วก็เข้าบ้านหลังดังกล่าวไป ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นายเวปมาสเตอร์ก็โทรหาทนายน้อยจัง “เป็นไงบ้างน้อง ? “อ้อ กำลังคุยกับเฮียเขาอยู่ เฮียเขาจะต่อเหลือแสนงะครับผมบอกไม่ได้ แต่พี่ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจัดการให้ รอแปป อีกครึ่งชั่วโมงพี่โทรมาหาใหม่นะครับ”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นายเวปมาสเตอร์ โทรหาทนายน้อยจัง แต่เป็นเสียงผู้หญิงรับสาย “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ กรุณาติดต่อใหม่ชาติหน้า”
เอาละครับ นายเวปมาสเตอร์ เหงื่อเริ่มผุดออกมาจากรูขุมขนเหมือนเพิ่งผ่านการอาบน้ำมา กดใหม่จิ ก็ยังเป็นเสียงผู้หญิงที่ผ่านการเรียนภาษาอังกฤษมาอย่างดี “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ กรุณาติดต่อใหม่ชาติหน้า It Call not คะมอนๆๆฟิดๆฟุดๆๆ”

นายเวปมาสเตอร์ก็เป็นอัสนีครับ ถึงบางอ้อว่า ตูโดนทนายน้อยจังหลอกกินตับซะแล้ว
แต่ด้วยความไม่รู้กฎหมาย หรือความประมาท แทนที่นายเวปมาสเตอร์จะรีบไปแจ้งความ กลับโทรหาเพื่อนให้ตามหาทนายน้อยจัง ซึ่งอันตธานไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วจะเจอหมายเนี้ยะ
และนายเวปมาสเตอร์ก็ปล่อยให้เรื่องดังกล่าวผ่านไป2วัน โดยไม่ได้ไปแจ้งความ วันที่3 นายเวปมาสเตอร์เดินเข้าไปหาเพื่อนในสนามพระ ก็พบพระของตนเองจำนวน 3 องค์ วางอยู่ในแผงหนึ่ง ด้วยความกะวนกะวาย นายเวปมาสเตอร์ก็รีบเข้าไปถามเจ้าของแผงว่า “พี่ พระพี่ได้มาจากไหน” (โดยส่วนตัวผมถือว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรเปิดประเด็น เพราะไก่ตื่นแน่ครับ) เจ้าของแผงก็เอ๊ะใจซิครับ เล่นถามอย่างนี้ นายเวปมาสเตอร์ก็เฉลียวใจเลย ตูถามโดนใจเกินไปแน่ๆ เลยถามใหม่ว่า “พระสามองค์นี้ พี่ปล่อยเท่าไรครับ “ เจ้าของแผงตอบมาว่า 130,000 ครับพี่น้อง
ด้วยความซื่อของนายเวปมาสเตอร์ ก็บอกไปว่าพี่ครับพระนี้เป็นของผมถูกลักมา ผมขอเช่าคืนในราคาถูกๆได้ไหมครับ
เท่านั้นแหละครับเรื่องจึงแดง แต่เจ้าของแผงก็อึ้งและเงียบไป แต่ด้วยความเชี่ยวชาญ ในการรับของอย่างว่าบ่อย จึงถามว่า ไหนละใบแจ้งความ
นายเวปมาสเตอร์ก็อึ้งจิครับ ก็เลยรีบโทรมาปรึกษาผม ว่าจะทำอย่างไรดี
(คือเรื่องมานยาวมากเลยครับ เดี๋ยวให้เพื่อนๆใช้ความคิดกับเหตุการณ์ดังกล่าวกันก่อนนะครับ แล้วผมจะมาให้คำตอบในแสดงความคิดเห็นต่อไปนะครับ)


อยากทราบตอนต่อไปครับ ถ้าแจ้งความจะเอาหลักฐานการครอบครองพระอย่างไรครับ ต้องเอารูปถ่ายไปด้วยไหมครับ(ถ้ามี)

กระทู้ดีมีประโยชน์ อ่านสนุก เห็นควรบวกให้1คะแนนครับ

สงสัยคงต้องมีรูปถ่ายไว้ไปแจ้งความ แต่ความเห็นส่วนตัวนะคะ หลักฐานก็ไม่น่าจะพอ แต่ก็อีกล่ะคะ เกิดคนขายมีคนมาเช่าไปจริง แล้วถ่ายภาพเก็บ วันหนึ่งหัวหมอไว้ไปแจ้งความพร้อมรูปพระ แล้วพระองค์ดังกล่าวเปลี่ยนมือไปเปลี่ยนมือมาตกอยู่ที่คนสุดท้ายก็ซวยเป็นแน่แท้ สรุปว่าเก็บเอกสารเรื่องการซื้อขายไว้ดีที่สุด
มาแล้วคร๊าบช่วงนี้งานคดีเยอะครับ เลยมาตอบช้า
เรื่องดังกล่าวที่เล่ามานาน ไม่ใช่เรื่องลักทรัพย์นะครับ และไม่ใช่ฉ้อโกง แต่เป็นยักยอก
งงจิครับว่าเป็นยักยอกได้ไง
ลักทรัพย์ = เอาของคนอื่นไป โดยทุจริต โดยเจ้าของไม่ยินยอม
ฉ้อโกง = ใช้กลอุบาย ให้ได้ไปซึ่งสิ่งของนั้น
ยักยอก = ครอบครองทรัพย์ของคนอื่นอยู่แล้ว เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง
ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นการยักยอกครับ เพราะนายเวปมาสเตอร์ส่งมอบพระให้ทนายน้อยจังเอง และทนายน้อยจังก็แอบเอาพระไปเป็นของตนเอง และเอาไปขายให้เจ้าของแผงในสนามพระ โดยบอกว่าพระเป็นของตน (ไม่ได้ปล่อยให้เฮียห้อ ตามที่ตกลง) เมื่อทนายน้อยจังเป็นคนร้ายแล้ว เจ้าของแผงพระจะรู้หรือไม่รู้ ก็เป็นรับของโจรได้ครับ ต้องดูเจตนาอีกที
แต่ปัญหาก็คือ หลังจากเกิดเหตุนายเวปมาสเตอร์ก็ไม่ได้รีบแจ้งความในทันทีทันใด ไม่งั้นก็รวบตัวเจ้าของแผงได้จิครับ เพราะไปแจ้งความที่หลังพระนั้นก็อันตธานไปแล้วครับ ไม่มีหลักฐานเจ้าของแผงพระก็ลอยนวลได้สบาย ส่วนทนายน้อยจังก็ได้เงินไปใช้ หากไม่ถูกจับซะก่อนนะครับ แต่หากถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีนะครับ อายุความ 3 เดือนเองนะครับนับแต่วันเกิดเรื่อง
สรุป 1 พระที่มีราคาสูง สมควรถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนครับ (ไม่ยากครับ สมาชิกเวปพระน่าจะถ่ายได้ทุกคน )
2 หากฝากพระคนอื่นไปปล่อยต้องให้เขาออกใบรับพระให้นะครับ ถ้าทำไม่เป็นแนะนำตัวอย่างง่ายๆครับ ให้คนรับพระลงลายมือชื่อรับว่า “ข้าพเจ้าทนายน้อยจัง ได้รับวัตถุมงคลจากนายเวปมาสเตอร์ เป็นจำนวน 3 รายการดังนี้ (ก็ใส่รายละเอียดวัตถุมงคล) ปรากฏตามรูปถ่ายวัตถุมงคลดังกล่าวข้างต้น โดยจุดประสงค์เพื่อจะนำวัตถุมงคลดังกล่าว ออกให้บุคคลภายนอกเช่าบูชา จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ “ และลงลายมือชื่อ วันที่กำกับด้วยนะครับ หากมีรายละเอียดว่าจะนำมาคืนภายในกี่วันก็ใส่ไป หรือแบ่งเปอร์เซ็นต์เท่าไรก็ระบุไป เพื่อเป็นหลักฐานนะครับ ทำอะไรมีหลักฐานไว้ดีที่สุด
3 หากเกิดเรื่องดังกล่าวข้างต้น ต้องรีบแจ้งความทันทีนะครับ อย่าปล่อยให้ล่าช้า จะเป็นปัญหาอย่างเรื่องนี้ครับ ทำนองเข้าสุภาษิตที่ว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเองครับผม”
4 ที่สำคัญที่สุด หากเราเป็นคนจิตใจดีก็อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะดีเหมือนเราไปซะหมดนะครับ ลูกค้าท่านนี้ มาปรึกษากับผม เขาพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า “ ผมไม่เคยโกงใคร เลยคิดว่าคนอื่นเป็นเหมือนผมซะหมด” ฟังแล้วน่าภูมิใจที่เขาเป็นคนดี แต่ในมุมๆหนึ่งของความคิด การที่เขามองทุกคนว่าดีเหมือนเขา ทำให้เขายืนอยู่บนขอบเหวเพราะความคิดเขาเองนะครับ ที่สำคัญในเรื่องจริงพระเป็นของญาติเขาอีกที งานนี้ลูกค้าท่านนี้เลยมีหนี้โดยไม่เจตนาเลยครับ ต้องมานั่งผ่อนชำระกันไป


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คับทนายน้อยดีกว่าคบทนายน้อย ผมชอบมากครับความรู้ +1 ให้เลยครับ
ได้ความรู้ดีมาก ๆ ครับ เป็นบทเรียนที่ดีครับ

ขอบคุณครับ +1
เป็นบทเรียนดี ๆ ให้กับ ชาวเวปพระมากครับ
เริ่มสนุกแล้วครับ มีอะไรๆที่เป็นประโยชน์ให้อ่านอีกแล้ว ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ...

ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ท่านได้นำมามีประโยชน์มากครับ วงการพระเราเสียเพราะคนเห็นแก่ได้ครับ ท่ามีน้ำใจที่ดีต่อกันวงการจะพัฒนาไปไกลมากกว่านี้ครับ
กระทู้ดีมีประโยชน์ จัดมาอีกนะครับ
เยี่ยมยอดมากครับอาจารย์
มีอะไรดีๆมาบอกเสมอครับ
ขอบคุณมากครับ

ยอดเยี่ยมอีกแล้วครับ..สำหรับสาระและความรู้

ได้ความรู้เพิ่มอีก 1 เรื่องครับ จะจดจำไว้เป็นอุทาหรณ์ ครับ โหวดให้อีก 1คะแนนครับ
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้
ขอความรู้ ด้วยครับ กรณีนี้ นาย เอ เห็นว่าเรามีพระหลัก 1 องค์ รับอาสาจะเอาไปออกให้ เราเอาเท่าไร เราบอกเอาเท่านี้ได้เกินกว่านี้ ให้นาย เอ ผ่านไป 3 วัน นาย เอ โทรมาบอกว่า ทางพื้นที่นี้ บอกว่า พระไม่ดี แต่เดี๋ยว จะเอาไป อีกที่หนึ่ง อีก 3 วัน นายเอ โทรมาบอกว่า ทางนี้ ก็บอกว่า พระไม่แท้ เดี๋ยวจะนำมาคืนให้ ตอนนี้ ผ่านมาประมาน อาทิตย์กว่าๆ ยังไม่นำมาคืน อยากขอความรู้ว่า กรณี มีทางเป็นไปได้มั้ยว่า ปล่อยไปแล้ว ใช้เงินหมด พระ พร้อม ใบประกาศงานประกวด ติดรางวัลที่ 2 หมายเหตุ ยังไม่ได้แจ้งความ ส่วนหลักฐานผมเคยเอาลงประมูลในเว็ป พระ ด้วย แต่ไม่มีใครประมูลได้ ครับ
so_soda:
ขอความรู้ ด้วยครับ กรณีนี้ นาย เอ เห็นว่าเรามีพระหลัก 1 องค์ รับอาสาจะเอาไปออกให้ เราเอาเท่าไร เราบอกเอาเท่านี้ได้เกินกว่านี้ ให้นาย เอ ผ่านไป 3 วัน นาย เอ โทรมาบอกว่า ทางพื้นที่นี้ บอกว่า พระไม่ดี แต่เดี๋ยว จะเอาไป อีกที่หนึ่ง อีก 3 วัน นายเอ โทรมาบอกว่า ทางนี้ ก็บอกว่า พระไม่แท้ เดี๋ยวจะนำมาคืนให้ ตอนนี้ ผ่านมาประมาน อาทิตย์กว่าๆ ยังไม่นำมาคืน อยากขอความรู้ว่า กรณี มีทางเป็นไปได้มั้ยว่า ปล่อยไปแล้ว ใช้เงินหมด พระ พร้อม ใบประกาศงานประกวด ติดรางวัลที่ 2 หมายเหตุ ยังไม่ได้แจ้งความ ส่วนหลักฐานผมเคยเอาลงประมูลในเว็ป พระ ด้วย แต่ไม่มีใครประมูลได้ ครับ
อันดับแรกนะครับ แจ้งความได้ครับ แต่ตำรวจจะรับแจ้งหรือไม่ ผมขอแนะนำว่าต้องเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนิดหน่อยนะครับ พระที่เราส่งมอบให้นาย A ไปนั้นจะปล่อยได้หรือไม่เราก็ไม่ทราบ
ซึ่ง 1. อาจจะปล่อยได้แล้วไม่นำเงินมาคืนตามราคาที่เราตกลง 2. ปล่อยไม่ได้ แต่ไม่ย่อมส่งมอบพระคืนให้เรา (ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี)
แต่ตามความเห็นของท่าน ท่านน่าจะปักใจเชื่อว่า "ปล่อยไปแล้ว ใช้เงินหมดไปแล้ว " เพราะท่านเชื่อว่า พระท่านแท้ มีใบประกาศติดรางวัลที่ 2 และผมก็เชื่อตามที่ท่านบอก(เชื่อตามหลักฐานนะครับ) และหากความคงอยู่ของพระ ยังมีอยู่ที่นายA ก็สมควรที่จะส่งมอบคืนให้ท่านได้แล้ว ส่วนที่นาย A อ้างว่าพระไม่ดีบ้าง ไม่ชอบบ้าง น่าจะเป็นเทคนิค ลูกเล่นในการดึงเวลา
ปัญหาต่อมาหากท่านจะไปแจ้งความ ท่านจะเลือกกรณีไหน หากท่านเลือกกรณี1 คือปล่อยได้ไม่นำเงินมาคืนตามที่ตกลง ตำรวจอาจจะรับแจ้ง ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแต่ไม่ดำเนินคดีให้ เพราะเป็นเรื่องที่ท่านประสงค์เอาเงินที่ขายพระได้ ไม่ได้ประสงค์ที่จะเอาพระคืน ตำรวจจะให้ท่านไปใช้สิทธิทางแพ่ง คือหาทนายฟ้องร้องเอาเงินที่ขาพระได้คืน
แต่ถ้าท่านเลือกกรณีที่ 2 คือปล่อยพระไม่ได้ ประสงค์ที่จะเอาพระคืน เพราะนานเกินไปแล้ว อย่างนี้ตำรวจรับแจ้งและดำเนินคดีให้ท่านในข้อหายักยอกทรัพย์แน่ครับ
ดังนั้นหากท่านจะไปแจ้งความท่านต้องเลือกกรณีที่ 2 คือต้องเชื่อว่าพระยังปล่อยไม่ได้ แล้วนายA เจตนาเอาพระไปเป็นของตนเองครับ เพื่อตำรวจจะได้ออกหมายจับให้ได้
ในบางครั้งความเป็นจริงอาจจะขัดๆกับความคิดนะครับ แต่ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าพระปล่อยได้หรือไม่ เราก็ต้องไม่คิดว่าพระปล่อยได้แล้วนายA เอาเงินไปใช้ เราต้องคิดว่านายAยักยอกพระเราไป (ท่องไว้ครับ)
ที่สำคัญ อายุความ(ระยะเวลาที่จะแจ้งความ)มีแค่3 เดือน นับแต่ที่เราทราบถึงการที่นายA เอาพระเราไปแล้วหายเข้ากลีบเมฆนะครับ
สุดท้ายก็ขอให้โชคดีครับ
ขอบพระคุณ เป็น อย่างยิ่งครับ ถ้าเราเลือก กรณี ที่ 2 นาย เอ ก็ต้องตายยิ่งกว่า เขียด แล้วที่ว่า อายุภายใน 3เดือน เขานับจากวันใหนครับ ขอบพระคุณที่สละเวลามาตอบ ครับ
ใช่ครับถ้าเลือกกรณีที่ 2 ตายยิ่งกว่าเขียดแน่ครับ แต่หากเราได้รับพระคืนหลังจากแจ้งความและดำเนินคดีแล้ว หรือเขายอมจ่ายค่าเสียหายจนเราพอใจ (แต่ต้องคำนึงตามความเป็นจริง) เราก็สามารถยอมความ(ถอนคำร้องทุกข์)ได้ครับ เขาก็ไม่ต้องรับโทษ
ส่วนในเรื่องอายุความ 3 เดือน ก็นับแต่วันที่เรารู้ว่า ไม่ยอมนำพระมาคืนครับ เช่น เราให้เวลานาย A ไปปล่อยพระ 1 อาทิตย์ พอครบ1 อาทิตย์ นายAไม่มาคืนก็เริ่มนับจากวันนั้นแหละครับ(วันแรกที่ไม่มาคืน) แต่ถ้าเขาโทรบอกว่าอีก3 วันมาคืน เราก็คอย จนครบ 3 วัน ไม่มาคืน ก็ต้องนับจากวันที่ครบวันสุดท้ายที่เราผ่อนผันให้ ยังๆพฤติการณ์ก็ต้องดูเป็นเรื่องๆไปครับ
แถวบ้านก็มี เกอร์พระไป๕พัน เวลาอดมาขายไป๓พัน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้เจ้าของพระ ก็หลบหน้าหลบตา ถนนเดินได้เป็นบางสาย ไปไหนมาไหนต้องเดินทางโค้งหลบเจ้าของพระ นานเข้าก็เดินไม่ได้สักเส้น ต้องไปตามป่าเขาลำเนาไพร เวรกรรม นี่แหละผลของการขายพระคนอื่น หมดไม่เป็นหรอกครับ บางพวกยังมีหน้ามีตาในสังคมอีกต่างหาก แล้วผมจะเอามาแฉ จะได้อายกันแหละงานนี้ ( เจอมากับตัวเอง )