หัวข้อ: พระร่วงไม่ทราบที่

พี่ท่านใดทราบขอความกรุณาด้วยครับ

พระร่วงหลังรางปืน ซึ่งเป็นพระเครื่องพิมพ์หนึ่งที่มีผู้คนนิยมเลื่อมใสเป็นอันมากนั้น น่าจะขุดพบที่วัดมหาธาตุอันเป็นที่ตั้งวัดใหญ่แต่กลับไปขุดพบที่วัดพระศรี มหาธาตุ(วัดพระปรางค์) อยู่เมืองสวรรคโลกโน่น ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นเมืองเก่ารุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย ตัวเมืองตั้งอยู่ บนฝั่งขวาแม่น้ำยม ตรงแก่งหลวง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองสวรรคโลก หรือเมืองเชลียง ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย

เมืองสวรรคโลกหรือเมือง เชลียงทั้งในอดีต และปัจจุบัน ก็อยู่ในเขตเมืองศรีสัชนาลัย ที่มีพระเจดีย์ทรงลังกาองค์ใหญ่เป็นหลักของวัด ที่ฐษนเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับอยู่โดยรอบทั้งหมด39เชือก นี่แหละคือที่พบพระร่วงหลังลิ่ม ที่เขาพูดกันว่า พระร่วงหลังลิ่มกรุช้างล้อม

สำหรับพระร่วงหลังรางปืนที่เห็นยืนปางประทานพรนั้เป็นพระร่วงที่สร้างด้วยเนื้อตะกั่วสนิมแดง

นัก นิยมสะสมพระเก่าๆหลายรายกล่าวกันว่าพบที่พระปรางค์เมืองสวรรคโลก จะอย่างไรก้อตามเชื่อคนเก่าไปก่อนพระร่วงหลังรางปืนเป็นพระเครื่องชั้นยอด ขุนพลและมีอันดับ เป็นพระทึ่มีการสร้างแตกต่างกัน2แบบพิมพ์คือ

1 แบบพระพักตร์โตฐานหนา
2 แบบพระพักตร์เรียวฐานบาง

พระ ร่วงหลังรางปืน เป็นพระที่มีศิลปะสมัยลพบุรี มีหลังรางปืนเป็นเอกลักษณ์ประจำองค์พระ ทำให้ง่ายต่อการเรียกขานเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีรางปืน หลังเรียบหรือหลังลายผ้ากด เขาเรียกพระร่วงลพบุรี เพราะเป็นพระพิมพ์เดียวกัน สำหรับการเรียกขานชื่อพระเครื่องนั้นโดยมากจะตั้งชื่อกรุตามความพอใจของขุด พบแต่ละที่ แต่ละแห่ง

มูลเหตุของพระร่วงหลังรางปืน ที่มีความสมบูรณ์แบบ คมชัด และไม่เว้าหรือแหว่ง เพราะเหตุว่าการเทหรือการหล่อ ของช่างใช้วิธีใช้แม่พิมพ์ไม้กดด้านหลัง โดยใช้แม่พิมพ์ 2 ชนิด (ตัวผู้-ตัวเมีย) มาประกบกันเข้า แล้วเทตะกั่วลงทางด้านเท้า (หมายถึงเอาด้านเศียรลงต่ำ) เนื้อตะกั่วจะแล่นไปทั่วแม่พิมพ์ ทำให้เกิดความสมบูรณ์และสวยงาม (ผมเคยไปดูเขาเทพระมาเลยนำมาเล่าสู่กันฟัง) ก่อนที่ช่างเขาจะเทนั้น ช่างเขาจะต้องทำความสะอาดแม่พิมพ์ให้ดีซะก่อนแล้วทำการเท พระร่วงหลังรางปืน ก็คงจะเป็นเช่นนี้

พระร่วงหลังรางปืนผิวสนิมจะแดงแบบลูกหว้าสุก และจะต้องมีคราบไขขาวเกาะกันแน่นเป็นหย่อมๆ สนิมมีแตกลายงาที่บางคนเรียกว่า แตกแบบใยแมงมุม และไม่ใช่แตกแบบจงใจหักให้งอไปงอมา พระร่วงปลอมใหม่ๆเขาทำกันอย่างนั้น สนิมของพระร่วงแท้จะต้องเป็นสนิมที่มีความมันเงาภายในเนื้อตะกั่ว ไม่ใช่แดงเฉพาะแค่ผิวเท่านั้นแต่ต้องแดงถึงเนื้อตะกั่ว (เนื้อใน) พระร่วงบางองค์หักและเปราะหักง่าย เป็นเพราะว่าเนื้อตะกั่วหมดยาง (หมดสภาพ) แต่ยังยึดเกาะแน่นเพราะสนิมนั่นเอง

ข้อสังเกต

- ให้จดจำรางปืนให้ดี เพราะมี 2 ชนิด คือ รางใหญ่ และรางเล็ก รางใหญ่มี 2 พิมพ์ รางเล็กมี 1 พิมพ์ให้นำพระที่มีอยู่ (จะเป็นของแท้หรือของปลอมก็ได้) นำมาเปรียบเทียบกับรูปในหนังสือ เพื่อเปรียบเทียบขนาด ความสูง ความกว้าง ความยาว มีส่วนใกล้เคียงกันหรือไม่ อย่างไร พิจารณาดูให้ดีแลัวท่านจะทราบว่า องค์ใดแท้ องค์ใดเทียม (ดูที่รางสำคัญที่สุด)

- ให้จดจำพิมพ์ให้แม่นยำที่สุด เมื่อชำนาญแล้วเราสามารถดูด้านหลังได้เลยว่า ด้านหน้าของพระแท้หรือเก๊ นี่คือข้อสังเกตของผมนะครับ ใครจะนำไปใช้ก็ได้ไม่หวง

- เรื่องปลอมไม่ต้องพูดถึง มีมาก่อนผมเกิดครับ
พระร่วงหลังรางปืน


"อำนาจ แคล้วคลาด โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี ความก้าวหน้า "
     โดย...พิศาล  เตชะวิภาค  ( ต้อย เมืองนนท์ )


ใน บรรดาพระเนื้อชินทั้งหมดของไทย จัดให้พระร่วงหลังรางปืน เป็น 1 ใน 5 หรือ เรียกว่าจัดเข้าชุดเบญจภาคีของพระเนื้อชิน และในชุดเบญจภาคีของพระเนื้อชินยกให้พระร่วงหลังรางปืน เป็นจักรพรรดิ์ของพระเนื้อชินอีกด้วย ฉะนั้นจึงเรียกได้เต็มปากว่าสุดยอดพระเนื้อชิน คือ “พระร่วงหลังรางปืน”
          พระร่วงหลังรางปืน มีพุทธลักษณะเป็นพระยืนปางประทานพร อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว พระพักต์ทรงแย้มยิ้ม แต่ซ่อนความเข้มขรึมประดุจคล้ายกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจแต่เปี่ยมไปด้วยพระเมตตา พระวรกายทรงเครื่องชุดจอมกษัตริย์โบราณ พระเศียรทรงเทริดแบบซีโบ พระหัตถ์ด้านขวาแบหงายทาบระหว่างพระอุระ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายห้อยหงายลงมา และที่ฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองนั้นจะปรากฏลายดอกจันทร์อยู่ด้วย
          สำหรับด้านหลังองค์พระมีลักษณะพิเศษ คือ มีร่องกดลึกลงไปทำให้ด้านหลังเป็นร่องยาวไปตามองค์พระ เมื่อแตกกรุมาระยะแรกๆ นักนิยมพระเครื่องในสมัยนั้นเรียกว่า พระร่างหลังกาบหมาก ต่อมาเมื่อผู้นำไปใช้มีประสบการณ์เกี่ยวกับแคล้วคลาดภยันตรายในเรื่องปืน ประกอบเมื่อมาพิจารณาไปเกิดจินตนาการคล้ายร่องปืนแก๊ป เลยขนานนามให้ท่านใหม่ว่า “พระร่่วงหลังรางปืน”
          พุทธศิลป์ของพระร่างหลังรางปืน มีศิลปะแบบลพบุรี ซึ่งเกิดจากการสร้างของช่างขอมกรุงละโว้ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งอยู่ในยุคที่ขอมรุ่งเรืองสุดขีดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าในการปกครอง ด้านศิลปกรรม และในด้านศาสนา สำหรับโลหะที่นำมาใช้ในการสร้างจะใช้ตะกั่วเป็นหลัก และมีชินปนอยู่ด้วยจึงทำให้เกิดสนิมเป็นสีแดงแกมม่วง มีคราบใยหินปูนจับขาวเป็นหย่อมๆ คล้ายใยแมลงมุมเกาะขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลังองค์พระ ขนาดขององค์พระสูงประมาณ 8 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตรโดยมาตรฐาน ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 3 พิมพ์ คือ
          1. พิมพ์ใหญ่ฐานสูง
          2. พิมพ์ใหญ่ฐานเตี้ย
          3. พิมพ์แก้มปะ
                   การ ค้นพบ พระร่วงหลังรางปืนแตกกรุมาเมื่อปี พ.ศ.2493 โดยกลุ่มคนร้ายกลุ่มหนึ่งเข้าไปลักลอบขุดพบที่พระปรางค์ใหญ่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระปรางค์) อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พบจำนวนไม่เกิน 200 องค์ ทั้งองค์ที่สมบูรณ์ และไม่สมบูรณ์ เพราะเกิดจากพระเนื้อชิน เมื่อบรรจุในกรุซึ่งเป็นสูญญากาศ เมื่อมาถูกอากาศความกดดันภายนอกเนื้อจะลั่น และพระร่วงระยะเวลาการเก็บมีเวลาเกือบ 1,000 ปี จึงทำให้พบเห็นว่าพระสภาพเดิมจะมีร่องรอยของการประทุในเนื้อในให้เห็นทุก องค์
          พุทธคุณ เล่ากันว่าเมื่อพระร่วงหลังรางปืนพ้นจากกรุออกมา ท่านก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเป็นประจักษ์ กล่าวคือ คนร้ายที่ไปลักลอบขุดพระต่างมองเห็นหน้าซึ่งกันและกันเป็นยักษ์กันหมด และการแบ่งปันพระก็แบ่งกันไม่ลงตัว จนเกิดมีการ
ทะเลาะวิวาทตะลุมบอนกันเกิดขึ้น แต่สิ่งน่าอัศจรรย์ คือไม่มีใครได้รับบาดแผลจากการวิวาทในครั้งนั้น
          เมื่อข่าวเล่าลือความเกรียงไกรจึงได้มีคนนำมามอบให้ พลเอก สฤษดิ์  ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยท่านถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยที่บริหารบ้านเมืองแล้วเกิดความเรียบ ร้อยที่สุด ไม่มีการวางเพลิง โจร แม้แต่อันตพาล ท่านกำจัดหมด และเล่ากันว่าทุกครั้งที่ออกตรวจราชการ ท่านจะต้องนำพระร่วงอาราธนาติดตัวไปด้วยทุกครั้ง นายแพทย์ ประจวบ วัชรปาน นักสะสมพระเครื่องอาวุโสชื่อดังได้กล่าวไว้ว่าตั้งแต่ท่านเป็นหมอ และเป็นนักสะสมพระเครื่อง ยังไม่เคยเห็นใครห้อยพระร่วงหลังรางปืนแล้วตายโหงเลยสักรายเดียว จึงเป็นเครื่องยืนยันในด้านพุทธคุณได้เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีอีกหลายท่านที่นำไปบูชาแล้วเกิดอภินิหารในด้านต่างๆ มากมาย พอประมวลได้ คือ ด้านอำนาจ แคล้วคลาด โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี และความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน            พระ ร่วงรางปืน นอกจากเป็นสุดยอดพระเครื่อง เกี่ยวกับเรื่องประสบการณ์ในด้านอำนาจ แคล้วคลาด โภคทรัพย์ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาเซียนพระเครื่อง และผู้สะสมพระเครื่อง ถือว่าเป็นสุดยอดปรารถนา หรือในจิตนาการแล้วยังถือว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องหายากสุดๆ เพราะขึ้นจากกรุมา ประมาณ 200 องค์ เท่านั้น และเนื่องจากพระเนื้อชินที่อยู่ในกรุ หลังจากถูกขุดขึ้นมาเมื่อถูกอากาศจะลั่นชำรุดเหลือสมบูรณ์ไม่กี่องค์ อีกทั้งเป็นสุดยอดพระครบเครื่อง คือ พุทธคุณ พุทธศิลป์ และกษัตริย์ผู้สร้างอยู่ในยุคเกรียงไกรสุดๆ
          ดังนั้นพระชุดนี้จึงตกเป็นของบรรดาสุดยอดนักสะสมพระเครื่อง ซึ่งเป็นสุดยอดคนซึ่งสู้ราคาไม่เกี่ยง เรียกว่าสุดยอดหายากมากกว่าพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่เสียอีก จึงไม่ค่อยพบเห็นในตลาดพระมากนัก แต่เรื่องของพระเครื่องเป็นเรื่องบุญญาวาสนา หากท่านไฝ่ฝันจริง และท่านเป็นคนดีจริงโดยประพฤติดี    ปฏิบัติชอบ และสั่งสมบุญไว้มากๆ ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง ท่านอาจมี “พระร่วงหลังรางปืน” ไว้ครอบครองก็ได้ใครจะรู้
ทางเว็บพุทธคุณขอเอาเรื่องพระร่วงมาลงเพราะว่ามีบางคนพูดเลยเถิดไปไกล ว่าว่าใครมีพระร่วงชีวิตจะร่วงตกต่ำ โดยอ้างอิงไทยรัฐหน้า5วันนี้ผมว่าท่านผู้เขียนไม่ใช่เซียนพระไม่เคยศึกษา พุทธศิลป์และไม่เข้าใจในพุทธคุณแห่งพระเครื่องพระร่วงถึงกับบังอาจกล่าว ปรามาสว่าใครมีหรือใครให้พระร่วงชีวิตจะตกต่ำไม่เป็นความจริงเลย หากท่านใดเชื่อขี้ปากคอลัมนิสต์คนนี้ผมเองขอรับบริจาคครับจริงๆๆแล้วเราควร ภูมิใจเพระพระร่วงเป็นพระที่บรรพชนไทยสร้างไว้สืบอายุพระพุทธศาสนาย่อมแสดง ถึงความเป็นมงคลอย่างยิ่งที่เราต้องรักษาไว้ แต่เมื่อท่านผู้นั้นไม่ศึกษาแต่กลับกล่าวโจมตีผมว่าเสียชาติเกิดครับ ก็ขอนำประวัติพระร่วงมาให้อ่านทำความเข้าใจกันนะครับ
 
ที่มา ข้อเขียนของจสอ.อเนก เจกะโพธิ์ครับ

พระพิมพ์นี้ สำหรับผม ถือว่า เป็นพระในความจริงของคนส่วนน้อยครับ

จากรูปเป็นพระร่วงรางปืน พิจารณาแล้วไม่แท้ครับ ลองขึ้นถามกระดานพระกรุอีกทีครับ จะได้คำตอบดีๆจากสายตรงครับ