หลวงปู่หนูอินทร์ พระเกจิเมืองน้ำดำ - webpra

หลวงปู่หนูอินทร์ พระเกจิเมืองน้ำดำ

บทความพระเครื่อง เขียนโดย Somporn_F

Somporn_F
ผู้เขียน
บทความ : หลวงปู่หนูอินทร์ พระเกจิเมืองน้ำดำ
จำนวนชม : 1282
เขียนเมื่อวันที่ : พฤ. - 14 ก.ค. 2554 - 23:15.59
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : จ. - 18 ก.ค. 2554 - 16:16.58
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

" พระราชศีลโสภิต" หรือหลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกท่านจนติดปากว่า พระอาจารย์หนูอินทร์ เป็นพระเถระผู้มีความรู้ด้านวิทยาคม เคร่งครัดต่อการฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน และแตกฉานในพระธรรมวินัยด้วยกิตติศัพท์แห่งพุทธาคมทำให้ท่านเป็นที่ เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพระสงฆ์ที่รักความยุติธรรม ยกย่องคุณงามความดีของบุคคล และฟื้นฟูสภาพจากสำนักวิปัสสนาที่ไม่มีอะไรเลย จนกลายเป็นวัดที่โดดเด่น คือ วัดป่าพุทธมงคล จนกลายเป็นที่รู้จักกันทั่ว
ปัจจุบันสิริอายุ 73 ปี พรรษา 51 ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์, เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ที่ปรึกษารองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น และเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ แห่งที่ 1อัตโน ประวัติ มีนามเดิมว่า หนูอินทร์ ธนคำดี เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2497 ณ บ้านเลขที่ 96 หมู่ที่ 1 บ้านหลุบ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์โยมบิดา-มารดา ชื่อนายเกื้อ และนางผอง ธนคำดี มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา 7 คน
เข้า พิธีอุปสมบทเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2500 ณ วัดโพธิ์ชัย ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีพระครูสุขุมวาทวรคุณ (สุข สุขโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาประพันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหากรม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบทท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ผล งานด้านการศึกษา พ.ศ.2501 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พ.ศ.2526 เป็นกรรมการอำนวยการสอบธรรม สนามหลวง ที่วัดกลาง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พ.ศ.2545 ได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา งาน เผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ เดินทางไปจาริกเผยแผ่พระธรรมคำสอนแก่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่ฮ่องกง อังกฤษ, สกอตแลนด์, มาเลเซีย
ด้านสาธารณูปการ ได้สร้างและอำนวยการสร้างเสนาสนะศาสนสถานภายในวัดป่าพุทธมงคล อาทิ สร้างวิหารไม้ ลักษณะทรงไทยประยุกต์ กุฏิรับรอง ลักษณะทรงไทย ชั้นเดียว สร้างศาลาอนุสรณ์ 72 ปี (6 รอบ) พระสุขุมวาทเวที สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จำนวน 2 องค์ เป็นต้น
งานการศึกษาสงเคราะห์ ได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาต่างๆ ตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาวัดป่าพุทธมงคล และโรงเรียนในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้งมอบเครื่องคอม พิวเตอร์ให้แก่สถานศึกษา
งานสาธารณะสงเคราะห์ สร้างอาคารสำนักงานมอบให้ศึกษาธิการอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานพระ พุทธศาสนาจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบเครื่องมือแพทย์แก่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ บริจาคยารักษาโรคแก่พระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นต้น
ได้บริจาค ปัจจัยเพื่อปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาฬ สินธุ์หลังเก่า พ.ศ.2550 เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีถวายวัดป่าอัมพวัน บ้านเหล่าโพนค้อ ต.เหล่าโพนค้อ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการ เปรียญวัดป่าอัมพวัน
ด้านการสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่งในบรรดาคณะเกจิอาจารย์สาย อีสาน ได้รับกิจนิมนต์ให้เป็นประธานจุดหรือดับเทียนชัยและนั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธี พุทธาภิเษกมากมายหลายแห่งในปีหนึ่งๆ และท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้แจกและให้บูชาเป็นที่ระลึกเนื่องในงานต่างๆ มากมายหลายรุ่น ทั้งประเภทพระเครื่องเนื้อผง เหรียญรูปเหมือนของท่าน และเครื่องรางของขลังต่างๆ
วัตถุมงคลของหลวงพ่อหนูอินทร์เป็นที่ ศรัทธาของมหาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรก เหรียญรูปเหมือน ตะกรุดโทน ตะกรุด 9 ดอก เป็นที่เลื่องลือว่ามีพุทธคุณสูง ด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด และอยู่ยงคงกระพันเป็นยิ่งนัก
ลำดับ งานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2528 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พ.ศ.2530 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ.2531 เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2533 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พ.ศ.2543 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์
ลำดับ สมณศักดิ์ พ.ศ.2528 ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูกิตติธรรมสาร พ.ศ.2537 ได้รับพระ ราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระสุขุมวาทเวที
ล่า สุด เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2551 ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์พระสุขุมวาทเวที เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชศีลโสภิต
กล่าวได้ว่า วัดป่าพุทธมงคลเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ได้รับการบุกเบิกและพัฒนาจากความ ทุ่มเทแรงกายแรงใจของหลวงปู่หนูอินทร์ หรือพระราชศีลโสภิต
วัดป่า พุทธมงคล เดิมชื่อวัดพุทธคยา ตั้งอยู่ที่ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ บริเวณที่ตั้งวัดเป็นที่ดินที่ชาวบ้านได้สงวนไว้เป็นที่สาธารณประโยชน์ ใช้เป็นป่าช้าร่วมกัน เรียกว่าป่าช้าดอนบาก มีเนื้อที่ประมาณ 36 ไร่เศษ
ต่อ มาเจ้าคุณพิมลธรรม (อาสถระ) อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสังฆมนตรีองค์การปกครองสงฆ์ ได้เดินทางมาที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้ปรารภกับเจ้าคุณพระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์สมัยนั้น ว่าประสงค์จะให้มีสำนักวิปัสสนากรรมฐานสักแห่งหนึ่งใน จ.กาฬ สินธุ์
ปรากฏ ว่ามีผู้เสนอบริเวณป่าช้าดอนบาก ด้วยเห็นว่าไม่ไกลจากตัวเมือง การคมนาคมสะดวก และอยู่ห่างไกลจากชุมชน ทั้งยังเป็นบริเวณป่า มีความวิเวก ร่มรื่นด้วยแมกไม้ธรรมชาติ เหมาะแก่การทำวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ติดต่อสอบ ถาม และขอความร่วมมือจากราษฎรในหมู่บ้านดังกล่าวแล้วเห็นชอบด้วย จึงได้จัดตั้งเป็นสำนักวิปัสสนาขึ้นเรียกว่า วัดพุทธคยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2497ครั้นเมื่อตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่ามีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสดูแลสำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ
กระทั่ง เมื่อพระอาจารย์หนูอินทร์ได้เริ่มเข้ามาพัฒนาวัดอย่างจริงจัง และรับตำแหน่งเจ้าอาวาส หลังจากที่ท่านได้ศึกษาสำเร็จนักธรรมชั้นเอก เมื่อปี พ.ศ.2503
ภายใต้การพัฒนาของท่านวัดป่าพุทธมงคลได้รับ รางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่นในปี 2540 และยังเป็นศูนย์อบรมกรรมฐานอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมกันนี้ท่านยังได้จัดทำพิพิธภัณฑ์ของดีอีสาน อนุรักษ์ศิลปะของเก่าแก่ตามประเพณี

หลวงปู่หนูอินทร์ พระเกจิเมืองน้ำดำ
Top