ความเชื่อ - webpra

ความเชื่อ

บทความพระเครื่อง เขียนโดย ponglomsak

ponglomsak
ผู้เขียน
บทความ : ความเชื่อ
จำนวนชม : 1040
เขียนเมื่อวันที่ : ส. - 24 ก.ย. 2554 - 12:12.19
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมหาที่พึ่งทางจิตใจ ในสมัยพุทธกาลมีผู้คนมากมายที่มีความเชื่อในสิ่งต่างๆเช่นเชื่อเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ สัตว์ต่าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวบุตรเทวดา พระเจ้า หรือเทวรูปต่างๆ สาเหตุที่เชื่อเพราะมนุษย์มีความกลัวอยู่ในจิตสันดาน เช่นกลัวตาย กลัวอด กลัวผีสางนางไม้ กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษฯ เมื่อมนุษย์เกิดความกลัวในสิ่งต่างๆเหล่านี้สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องหาที่พึ่งทางจิต เพื่อให้บรรเทาอาการกลัว เป็นอย่างนี้มาหลายพันปี ในความเชื่อของมนุษย์เหล่านี้มนุษย์ก็เซ่นไหว้สิ่งต่างๆดังที่เอ่ยมาข้างต้นวิธีการเซ่นไหว้บูชานั้นมีหลายรูปแบบ เช่นฆ่าเด็กน้อยโยนลงไฟเพราะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ฆ่าหญิงสาวพรหมจรรย์โดยการเชือดคอแล้วเอาเลือดไปบูชาพระเจ้าตามเทือกเขา หรือตามแม่น้ำ ฆ่าวัวฆ่าควาย ฆ่าเป็ดฆ่าไก่ หรือนำเหล้ายาปลาปิ้ง หมากพลู ข้าวสุกข้าวสารไปเซ่นไหว้ตามภูเขาท้องไร่ท้องนา เพื่อหวังว่าจะได้อยู่ดีกินดี ไม่มีเพทภัยมาเบียดเบียน ผีสางนางไม้ปีศาจไม่มารบกวน นี่แหละคือมนุษย์ย่อมหาที่พึ่งทางจิตใจ ต่อมาวิทยาศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้า เทคโนโลยีต่างๆเกิดขึ้นมากมาย มนุษย์ได้พึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านี้ ความเชื่อเรื่องพระเจ้า เรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเทวบุตรเทวดา ผีสางนางไม้ทั้งหลายเหล่านี้ค่อยๆลดลงไป แต่ใช้ระยะเวลาเป็นพันๆปี ในปัจจุบันถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้าเหมือนมนุษย์กลายเป็นพระเจ้า เป็นเทวดาเสียเองเพราะสื่อและเทคโนโลยีต่างอำนวยความสะดวกความสบายให้แก่มนุษย์จนลืมเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น ที่เป็นนามธรรม และหาว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องที่งมงาย หาแก่นสารอะไรไม่ได้ เชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่มีตัวไม่มีตน แต่ก็ยังมีผู้คนไม่น้อยที่มีความเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านั้นอยู่ เช่นเชื่อเรื่องบุญ-บาป ว่ามีจริง กรรม มีจริง ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว หรือเชื่อในสิ่งต่างๆที่มองไม่เห็นอย่างอื่นก็ตาม สังเกตเห็นได้ว่ามนุษย์ย่อมหาที่พึ่งทางจิตใจ พระเครื่องก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้คนไม่น้อยมีความเชื่อในพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ เชื่อว่ามีอิทธิปาฏิหารในด้านต่างๆมากมาย ไม่ว่าด้านแคล้วคลาด ด้านเมตตา ด้านอยู่ยงคงกระพัน ฯลฯ เพราะพระเครื่องผ่านกรรมวิธีปลุกเสกอธิษฐานจิตจากเกจิอาจารย์ที่เป็นพระสุปฏิปันโน ที่มีศีลบริสุทธิ์ เป็นผู้มีคุณธรรม มีฤทธิ์มีญาณมีฌาน ผ่านการปลุกเสกจากฤาษี หรือผ่านการทำพิธีทางพรามณ์ ในความเชื่อเหล่านี้ค้นพบในแถบเอเชียมากที่สุด เพราะในเอเชียนับถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ โดยมีศาสดาคือเจ้าชายสิทธัตถะ(พระพุทธเจ้า)ในการสร้างพระเครื่องนั้นได้อาศัยรูปแบบจำลองรูปองค์พระต่างๆตามพุทธประวัติออกมาเป็นปางต่างๆตามแต่ขนาด รูปร่างลักษณะและสีสรรค์ที่แตกต่างกันไป ตามยุคตามสมัย ตามความเชื่อของคนในยุคนั้นๆ บางแบบบางปางมีลักษณะที่วิจิตรพิสดารมาก เพราะศิลปะงดงามอ่อนช้อยผสมผสานกับ ภูมิปัญญาความคิดที่ช่างแปลกแหวกแนว ที่คนรุ่นหลังเห็นแล้วต้อง ทึ่ง กับศิลปะเหล่านั้น ต่อมาคนที่มีความรักในพระเครื่องเพราะอาจมีความเชื่อในพุทธคุณหรือชื่นชอบในศิลปะต่างๆก็เก็บสะสมกันหรือแจกจ่ายกันไป คนที่มีความเชื่อในพุทธคุณต่างๆว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ก็ต้องการ เมื่อเกิดความต้องการก็ต้องหาเช่าในราคาที่คุยกับเจ้าของได้ ไม่แพงและไม่ถูกเกินไปตามที่สองฝ่่ายได้ตกลงกัน คนที่ไม่มีก็อยากมีเมื่อมีแล้วก็อยากได้เพิ่มขึ้น เพราะบางคนไม่รู้จักคำว่าพอ บางคนอยากมีไว้อวดชาวบ้าน อวดศักดาบารมี หรือบางคนมีไว้เพื่อศึกษาศิลปะ การสร้างพระเครืองสมัยก่อนสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์หรือเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้คนเช่น นักรบ ในยามมีศึกสงครามจะได้ห้อยคอไว้เป็นพุทธานุสติ และเชื่อในพุทธคุณว่ามีไว้ติดตัวแล้วปลอดภัยแคล้วคลาด แต่ของที่สร้างมีจำนวนจำกัด ผู้คนที่มีก็ย้ายถิ่นฐานบ้าง ล้มหายตายจากบ้าง เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ้าง เกิดศึกสงครามหลายครั้งหลายหนบ้าง จึงทำให้พระเครื่องมีน้อยลงทุกขณะ แต่ผู้คนมากขึ้นมีความเชื่อในพระเครื่องมากขึ้น จึงเป็นอุปสงค์-อุปทาน โดยปริยาย ของน้อยก็ราคาพุ่ง คนที่สะสมไว้มากก็ปล่อยในราคาแพงๆ ในระยะหลังๆเจ้าขุนบุญนายทั้งหลายที่นับถือพุทธศาสนาและมีความเชื่อในคุณของพระเครื่องก็จัดสร้างและได้ราธนาพระสงฆ์ที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาทำการปลุกเสก อาจสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วงศ์ตระกูลหรือสร้างเพื่อหาทุนในการใดการหนึ่ง ชาวบ้านธรรมดาๆไม่มีสิทธิ์จัดสร้างหรอก กาลเวลาผ่านไปหน่วยงานราชการได้ขอจัดสร้างบ้างโดยกราบบังคมทูลเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เป็นประธาน ต่อมาเศรษฐีผู้มีอันจะกินก็ได้จัดสร้างบ้างทำเป็นรูปของพระพุทธรูปบ้าง-รูปของพระสงฆ์บ้าง อาจเป็นเหรียญ เป็นเนื้อดิน เนื้อผงว่าน หรือเนื้อโลหะต่างๆ เพื่อเป็นอนุสรณ์หรือพุทธบูชา แจกในโอกาสต่างๆ จึงได้ทำการอย่างนี้เรื่อยมา จวบจนปัจจุบันนี้การจัดสร้างพระทำการง่ายมากไม่ได้ยากเหมือนสมัยก่อนและได้ทำการเป็นธุระกิจซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพลังความเข้มความขลังนั้นแล้วแต่ใครจะเชื่อเพราะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้เพราะมนุษย์มีความเชื่อความศรัทธาในสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น เพราะมนุษย์มีความต้องการที่พึ่งทางจิตใจนั่นเอง เทศนา สาวเน กล่าวเรื่องความเชื่อของมนุษย์ก็มีด้วยประการะฉะนี้...

Top