
หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน เทพเจ้าแห่งภูตะแบง
บทความพระเครื่อง เขียนโดย poont99
หลวงปู่สรวง เทพเจ้าแห่งภูตะแบง อริยะสงฆ์เจ้าผู้เหนือกาลเวลา ไม่มีใครทราบได้เลยว่าหลวงปู่ท่านมาจากแห่งหนใด มีอายุกี่พรรษา สิ่งที่มีก็เพียงข้อมูลจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นคำบอกเล่าที่ว่า ครั้งที่ลุงยังเด็กนั้น ก็เห็นหลวงปู่สรวง มีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นนี้ มาปัจจุบันนี้ลุงคนนี้อายุ 80ปีแล้วหลวงปู่สรวงก็ยังเป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นปริศนาที่เหล่าลูกศิษย์ต่างพูดกันอย่างหนาหูมากเลยว่า หลวงปู่สรวงนี้ท่านอยู่มาแล้วหลายยุคหลายสมัย หลวงปู่สรวงท่านนี้คงจะเป็นพระอริยะสงฆ์เป็นแน่ สิ่งเหลานี้จึงนำมาด้วยคำกล่าวที่ว่า “หลวงปู่สรวง 500พรรษา ประจำวัดทั่วจักรวาล” คงมิอาจบิดเบือนคำพูดทั้งหลายได้เลยว่า “เป็นไปได้หรือ....กล่าวเกินไปไหม” เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างทั้งคนในพื้นที่ทั้งศิษยานุศิษย์ทั้งหลายต่างรู้กันทั่วว่า สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จริงที่ไม่อาจบิดเบือนได้ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน เป็นคำพูดของลูกศิษย์ทั้งหลายที่เรียกขานกันว่า ”เทวดาเล่นดิน” เนื่องจากความเป็นหลวงปู่สรวง ที่เป็นถึงพระอริยะที่ดำเนินชีวิตด้วยความสมาถะใช้ชีวิตที่เรียบง่ายพูดง่ายๆว่า “อยู่กับดินกินกับทราย” ประมาณนั้น ท่านจะชอบอาศัยตามกระท่อมปลายนา แล้วด้วยความที่ไม่ยึดติดสิ่งใดๆไม่ว่าใครจะนำสิ่งต่างๆมาถวาย เครื่องนุ่งห่ม เงิน หรือของใช้ต่างๆหลวงปู่สรวงมักจะโยนลงไปในกองไฟหรือไม่กองโยนแจกชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งแน่นอนสิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกศิษย์ทั้งหลายก็ตกใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าคิดดีๆและสิ่งเหล่านี้ก็คือ “ปริศนาธรรม” ในการที่หลวงปู่สรวงนั้นโยนสิ่งของทั้งหลายเข้ากองไฟ ก็อาจเป็นไปด้วยว่า “คนเรานั้นเกิดมามีแต่ตัวและดวงจิต เมื่อครั้งยังมีสังขารอยู่ปัจจัย4จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่เมื่อสังขารล่วงโรยตามวัฏสงสาร สิ่งต่างๆก็ไม่อาจติดตามตัวไปได้ เหลือแต่ดวงจิต เมื่ออยู่ต่อหน้ากองไฟที่สามารถเผ่าผลาญได้ทุกสัพสิ่ง แต่ก็ไม่อาจเผาผลาญดวงจิตของเราได้ เสมือนที่ว่าแม้ว่าเราจะทุกข์ยากแสนเข็นสักเพียงใด ขอให้จงทำความดีไว้ เมื่อถึงวันที่ต้องลาสังขารไป ดวงจิตเรานั้นจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ และนั้นคือสิ่งที่ดวงจิตของเราทุกคนต้องการ” หลวงปู่สรวงนั้นท่านมักบอกธรรมบ่อยๆไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เป็นภาษาเขมร หรือเป็นรูปภาพ ส่วนใหญ่แล้วนั้นหลวงปู่สรวงมักจะจารเป็นอักขระแต่ก็มักจะรูปภาพที่หลวงปู่สรวงเองชอบวาดลงในผืนผ้าหรือแผ่นกระดาษและตามฝาผนังบ้าน ดั่งที่เคยเห็นในภาพตามหนังสือของหลวงปู่สรวงว่า บางบ้านที่หลวงปู่สรวงไปนั้น ไม่ไปจารให้ หรือวาดภาพปริศนาธรรมต่างๆไว้ที่บ้านหลังนั้น ปรากฏว่าคนในบ้านหลังนั้นไม่ถูกหวย ก็มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สิ่งเหล่านี้ปรากฏความเป็นจริงกับคนเหล่านั้นจนเป็นหลักประกันถึงเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ต่างๆของหลวงปู่สรวงจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาด้วยความศรัทธา ก็มีศิษยานุศิษย์หลายต่อหลายกลุ่มจัดสร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อความเชื่อที่ว่า “ทำบุญกับพระอริยะสงฆ์เสมือนได้ขึ้นสวรรค์ และยิ่งได้วัตถุมงคลของพระอริยะนั้นมาบูชาชีวิตจะพบพานแต่ความเจริญและความสุข” จึงมีหลายๆต่อหลายคนจัดสร้างแล้วนำมาให้หลวงปู่สรวงปลุกเสก แต่ด้วยจิตที่เป็นกุศลก็จะบางกลุ่มนำรายได้จากการสร้างวัตถุมงคลเหล่านั้นไปถวายวัด ไปเป็นปัจจัยในการสร้างสถานธรรมต่างๆซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งบุญไปถึงหลวงปู่สรวงด้วย แต่ด้วยจิตกุศลสิ่งนี้นี่เองที่จะบัลดาลให้ชีวิตของเราพบพานแต่ความสุขความเจริญ ไม่ใช่ที่ว่าบูชาวัตถุมงคลดีๆแล้วจะได้ดี แต่หากเป็นเพียงการทำดีมีจิตใจที่ดี จิตที่กุศลก็จะส่งผลให้เราพบพานพานแต่สิ่งที่ดีได้ แต่ก็ยังส่งไปถึงวัตถุมงคลที่เราบูชานั้นมีพลังอำนาจที่จะทำให้เราพบกับความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตได้เช่นกัน กล่าวได้ง่ายๆว่า “หากท่านอยากเจอกับความน่าอัศจรรย์ ก็จงทำแต่ความดี หากท่านอยากให้มีปฎิหารย์เกิดขึ้นในชีวิต ก็จงทำแต่ความดี” ถ้าสิ่งเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าได้เขียนบอกท่านทั้งหลาย และทำให้ท่านทั้งหลายคิดเห็นเป็นเช่นเดียวกันว่าถูกต้องแล้ว ก็ขอให้อนุโมทนาบุญนี้ ให้แก่ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน เทพเจ้าแห่งภูตะแบง ด้วยเถิด สาธุ สาธุ
|

