
ความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร ที่มีต่อผม
บทความพระเครื่อง เขียนโดย จุ๊กอุบลamulets
ผมนายวิศนุวัตร เสมอศรี ใคร่ขอแบ่งปันประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวซึ่งก่อให้เกิดความซาบซึ้งในหัวใจของผม ที่มีต่อความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโร แห่งวัดกิตติราชเจริญศรีหรือวัดบ้านนาแก ผมเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับหลวงปู่จากหลายต่อหลายคนซึ่งอยู่ในวงการพระเครื่องทั้งจากพี่โด่งแห่งร้านคุณภูมิอุบล พี่สังข์อุบล และพี่โอ๋แห่งร้านแก้ววิเศษในศูนย์ไปรษณีย์อุบลฯ ซึ่งเมื่อผมได้รับฟังแล้วก็อยากจะไปกราบนมัสการท่าน(แรกทีเดียวผมนั้นได้เช่าบูชาวัตถุมงคลของท่านมาก่อน) แล้วเมื่อโอกาสประจวบเหมาะมีช่วงเวลาว่างจากการทำงานผมจึงได้ชวนบิดาของผมไปด้วย แรกทีเดียวนั้นก่อนที่ผมจะไปได้โทรไปสอบถามพี่เอ้บ(ถ้าสะกดชื่อพี่ผิดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ)ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่แล้วบังเอิญว่าแกรู้จักกับพี่โด่ง พี่โด่งจึงให้เบอร์พี่เอ้บมา(ปัจจุบันนี้ผมกับพี่เอ้บก็ยังไม่เคยได้เจอหน้ากันเลย) ผมก็โทรไปถามก่อนล่วงหน้าว่าหลวงปู่จะอยู่หรือไม่ หลังจากทราบว่าท่านไม่ได้รับกิจนิมนต์ไปไหนผมและบิดาจึงได้เดินทางไปเพื่อกราบนมัสการหลวงปู่ วันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555 ผมไปถึงวัดประมาณเกือบสี่โมงเย็นแล้ว เมื่อเข้าไปในวัดก็ได้สอบถามหลวงพ่อรูปหนึ่งว่าหลวงปู่อยู่หรือไม่ หลวงพ่อท่านก็บอกว่าอยู่ให้ไปหาท่านที่กุฏิได้เลย ผมและบิดาจึงไปที่กุฏิหลวงปู่ ครั้งแรกที่ได้พบท่านนั้น ท่านนอนอยู่บนโซฟาผมจึงเอ่ยเป็นเชิงขออนุญาตว่า "หลวงปู่ครับผมมากราบนมัสการหลวงปู่" ท่านก็ลุกขึ้นนั่งแล้วก็พูดขึ้นว่า"โอย..ปวดหลังก็เลยนอนเอนหน่อย เอ้า มาเข้ามา" ผมและบิดาจึงเข้าไปในกุฏิของท่านแล้วนั่งลงบนพื้นตรงหน้าโซฟาที่ท่านนั่งอยู่ เมื่อผมและบิดาได้กราบท่านแล้วท่านก็เอ่ยถามว่า"มาจากที่ไหนกันล่ะ?" ผมก็ตอบท่านไปว่า"ผมทำงานอยู่ที่เรือนจำ บ้านอยู่ในเมืองครับหลวงปู่ ผมกับพ่อตั้งใจมากราบหลวงปู่ครับ" หลังจากนั้นท่านก็ไถ่ถามพูดคุยพร้อมทั้งเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตตั้งแต่ท่านยังอยู่ในวัยเยาว์ มีพี่น้องกี่คน ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุยังน้อยๆแล้วก็อุปสมบทเป็นพระ ท่านก็พูดว่าท่านไปศึกษาธรรมะอยู่กับท่านพระครูวิโรจน์ รัตโนบล อาจารย์ของท่านอีกองค์ก็คือหลวงปู่พรหมมา และอีกองค์ก็คือท่านอุปัชฌาย์รัตน์(ผมจำไม่ได้ว่าวัดไหนจำแต่เพียงว่าอยู่ใกล้ๆกันในเขตอำเภอพิบูลฯ)ในการสนทนานั้นผมจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างเนื่องจากท่านเคี้ยวหมากอยู่ด้วย ท่านเดินไปหยิบน้ำและนมกล่องมายื่นให้กับผมและบิดาจากนั้นท่านก็เดินไปหาของในย่ามอยู่พักหนึ่งแล้วก็กลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม จากนั้นก็ถามว่า"ไหนมีอะไรเอามาดูสิ"(ตอนนั้นผมได้นำวัตถุมงคลที่เนื่องเกี่ยวกับท่านไปด้วยมีทั้งเบี้ยแก้ ผ้ารอยมือรอยเท้าท่าน พระกริ่งชินบัญชรและไม้ครูมหาปราบ) ผมจึงคลานเข้าไปใกล้ๆท่านแล้วยื่นวัตถุมงคลที่เตรียมมาด้วยให้ท่านดู ท่านก็พิจารณาดูเป็นอย่างๆแล้วก็วางเอาไว้ข้างๆองค์ท่าน จากนั้นท่านก็หยิบของที่เอามาจากในย่ามขึ้นมา สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือธนบัตรใบละ100บาท ท่านได้ใช้ปากกาจารลงบนธนบัตรพร้อมทั้งสวดคาถากำกับไปด้วย แล้วก็หยิบผ้าพิมพ์รอยมือ รอยเท้าท่านซึ่งอันนี้เป็นของที่ผมเตรียมมา แล้วท่านก็พูดว่า"เออนี่แหละ เป็นเวรเป็นกรรมเกิดมาไม่คิดว่าจะได้ทำก็ต้องทำเขาเอาขมิ้นมาแล้วก็ให้เหยียบให้พิมพ์มือ ตั้งหลายร้อยผืนเวรกรรมแท้"จากนั้นท่านก็จารยันต์ลงบนผืนผ้ารอยมือรอยเท้า ท่านได้นำวัตถุมงคลทั้งที่จากผมนำไปและทั้งจากที่ท่านเอาออกมาให้มาพิจารณาแล้วก็สวดคาถากำกับลงไปด้วย วัตถุมงคลแต่ละอย่างท่านจะแยกสวดเป็นอย่างๆไป แต่ละอย่างคาถาที่กำกับจะไม่เหมือนกัน เมื่อเสร็จแล้วท่านก็ให้ผมเข้าไปรับเอา พร้อมทั้งบอกว่า"นี่นะ เงินมีเลขเก้าทั้งข้างหน้าและข้างหลังเอาไปใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน เหรียญนี่เป็นเหรียญรุ่นแรกให้เอาไปใส่กรอบซะแล้วเอาห้อยคอ ห้ามไปล่วงผู้หญิงนะ เบี้ยแก้นี้เอาไว้แก้สิ่งไม่ดีถ้าฝันร้ายก็ให้ยกเบี้ยแก้ขึ้นมาแล้วให้ว่ากูฝันร้ายเบี้ยแก้นี้แก้กูซะ โรคภัยไข้เจ็บ ของไม่ดีแก้กูซะ ให้ว่าอย่างนี้ ไม้หวายนี่ก็ให้เอาติดรถติดบ้านไว้ป้องกันสิ่งไม่ดีได้ เดินทางก็ปลอดภัย เอา เอาไป" ผมก้มลงกราบเท้าแล้วรับของจากท่าน มีเรื่องที่ผมอยากจะขอบอกไว้ก่อนนะครับสำหรับท่านที่ไปหาท่านอย่าไปขอของจากท่านเพราะท่านมีเมตตาสูงมากท่านจะให้เราเอง ท่านจะดูว่าใครควรได้อะไร เรื่องนี้ผมพอที่จะเล่าเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ท่านที่จะไปกราบหลวงปู่ได้รับทราบนะครับ คือครั้งนี้แหละที่ผมไปในใจผมตั้งใจว่าจะไปขอเชี่ยนหมากจากหลวงปู่และจะถ่ายรูปแบบประมาณว่าให้เรานั่งถ่ายคู่กับท่านอย่างเป็นทางการเลยเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ท่านจะไม่ยอมถ่ายอย่างที่เราตั้งใจอยากถ่ายร่วมกับท่านนะครับ ถ้าถ่ายแบบไม่เจาะจงคือเหมือนถ่ายอิริยาบททั่วๆไปนั้นได้ครับแต่จะมาถ่ายแบบที่ผมว่านั้นท่านจะปฏิเสธทันทีโดยท่านจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเลยว่าไม่ได้ เรื่องเชี่ยนหมากก็เช่นเดียวกันผมเอ่ยขอท่านท่านก็ปฏิเสธเช่นเดียวกัน(เรื่องเหตุผลที่ท่านไม่ให้เชี่ยนหมากนั้นผมจะขอเล่าในลำดับต่อไป ท่านมีเหตุผลที่เมื่อใครได้รับรู้แล้วจะได้ข้อคิดได้เข้าใจและได้สติขึ้นมาทันที) มีคนเอาเงินไปถวายท่านผมก็เห็นวางอยู่กับพื้นทิ้งอยู่อย่างนั้น แต่ถึงกระนั้นผมก็ถวายให้แก่ท่านแต่ท่านจะบอกให้เอาไปวางไว้ตรงนั้นตรงนี้ซะ เดี๋ยวให้เขามาเอาไป ซึ่งนั่นก็ต้องถือเป็นว่าแล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร(อาจเป็นพระลูกวัดหรือกรรมการวัด แต่ส่วนเงินที่ท่านให้เป็นขวัญถุงแก่ผมนั้นเข้าใจว่าท่านคงจะสั่งเอาไว้ต่างหากว่าให้เก็บเอาเงินที่มีเลขเก้าหน้าเก้าหลังไว้เพื่อจะทำเงินขวัญถุง) ท่านบอกว่าใครเขาจะทำพระขายเอาเงินเอาทองก็ช่างเขา ตัวของท่านไม่ทำ นี่ก็บวชมาจนบรรษาได้68พรรษาแล้วท่านถึงได้สงเคราะห์ทำให้ ท่านไม่อยากให้คนไปหาท่านมากท่านว่าคนมากท่านเหนื่อยและรำคาญ อันนี้เป็นความจริงนะครับท่านบอกกับผมอย่างนี้เลย เมื่อท่านให้วัตถุมงคลแก่ผมแล้วท่านก็ว่า"เอาหล่ะ คราวนี้จะได้ไปด้วยนะ เดี๋ยวออกไปนั่งรอข้างนอกก่อนอาบน้ำเสร็จแล้วจะตามออกไป"...........อ่านต่อในบทความหน้าครับ
|

