ความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโรที่มีต่อผม(4) - webpra

ความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโรที่มีต่อผม(4)

บทความพระเครื่อง เขียนโดย จุ๊กอุบลamulets

จุ๊กอุบลamulets
ผู้เขียน
บทความ : ความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโรที่มีต่อผม(4)
จำนวนชม : 653
เขียนเมื่อวันที่ : อา. - 07 ต.ค. 2555 - 15:57.04
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : อา. - 07 ต.ค. 2555 - 16:51.28
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

                          ในการเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่ในครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ผมได้พาบิดาของผมไปด้วยแล้วก่อนหน้าที่จะไปก็ได้โทรชวนพี่โด่ง(ร้านคุณภูมิอุบล)ไปด้วย ครั้งนี้ผมจำไม่ได้ว่าไปวันที่เท่าไหร่ แต่น่าจะเป็นช่วงวันที่สิบกว่าๆในเดือนพฤษภาคม 2555 เมื่อเดินทางไปถึงวัดก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว ตอนไปถึงพี่โด่งและครอบครัวได้ไปถึงก่อนหน้าผมนานแล้ว พอไปถึงก็กราบนมัสการหลวงปู่ท่านก็บอกว่า"นี่กำลังพูดถึงอยู่พอดี" พี่นุ้ยแฟนพี่โด่งก็ว่ากำลังคุยกันถึงผมกันอยู่ วันนั้นพี่โด่งได้พาน้องภูมิ(ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นได้ในรูปโลโก้ร้านคุณภูมิอุบล)พร้อมกันนั้นพี่นุ้ยก็ได้พาแม่พี่นุ้ยไปด้วย ตอนผมไปถึงพวกพี่โด่งก็กำลังจะกลับกันแล้วแต่ก็พอได้พูดคุยสนทนากันอยู่บ้าง วันนั้นรู้สึกว่าหลวงปู่จะเป่ากระหม่อมให้น้องภูมิด้วย แล้วก็จารเบี้ยแก้ให้พี่โด่งด้วยซึ่งเบี้ยแก้ตัวนั้นหลวงปู่ท่านได้ให้พี่โด่งไปเอากับพี่เอ้บหลานของหลวงปู่ให้เอาให้น้องภูมิ(บอกเล่าตามที่พี่โด่งบอกกับผมนะครับ)เพราะว่าน้องภูมิช่วงนั้นงอแงมากหลวงปู่จึงได้ให้เบี้ยแก้ไปแก้ซะ พี่โด่งได้วัตถุมงคลกับหลวงปู่ไปไม่น้อยเช่นกันนะครับตัวอย่างเช่นสร้อยที่เหมือนกันกับที่หลวงปู่ให้ผมพี่แกก็มีถึงสองเส้นเลย ทั้งได้เขี้ยวเสือแกะก็ด้วย มีหลายอย่างอยู่เช่นกันแต่ผมจำได้เท่านี้ ในวันนั้นหลวงปู่ได้ให้เหรียญเจริญพรหลังเรียบกับทุกคนครับ ท่านจารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นผมเห็นว่ายังมีอีกมากแต่ตอนนี้คาดว่าน่าจะหมดแล้ว แม่ของพี่นุ้ยได้เล่าว่าลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นน้องพี่นุ้ยก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะหุนหันพลันแล่นอยากได้ของจากหลวงปู่ไปให้บ้างหลวงปู่ก็ได้เอาเหรียญไปให้อีกเหรียญ พอหลังจากพี่โด่งและครอบครัวกำลังจะกลับผมก็แอบกระซิบพี่นุ้ยว่า"พี่ผมไม่มีกล้องพี่ถ่ายรูปตอนผมกราบหลวงปู่ให้ผมหน่อยสิ" พอพี่โด่งกราบลาหลวงปู่ ด้วยความที่ไม่รู้พี่นุ้ยแกก็บอกว่า"เดี๋ยวให้คุณโด่งออกไปก่อนเค้าจะรอถ่ายรูปหลวงปู่กับจุ๊กก่อน"พอหลวงปู่ได้ยินเท่านั้นแหละครับความแตกเลย หลวงปู่ท่านปฏิเสธทันทีก็อย่างที่ผมเคยเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบนะครับว่าถ้าจะถ่ายรูปหลวงปู่นั้นให้ถ่ายไปเลยตามแต่อิริยาบทของท่านแต่จะให้ท่านมานั่งถ่ายเป็นงานเป็นการด้วยท่านไม่เอา ซึ่งในความหมายตอนที่ผมบอกพี่นุ้ยก็คือว่าให้ถ่ายตอนที่ผมกราบหลวงปู่หรือตอนไหนก็ได้ แต่พี่นุ้ยแกเข้าใจผิดแล้วพอหลวงปู่รู้ผมก็เลยอดได้รูปถ่ายเลย  

                             ครับหลังจากที่พี่โด่งและครอบครัวได้กลับไปแล้วหลวงปู่ก็ได้ไถ่ถามทุกข์สุขของผมและบิดาอยู่พอสมควร โดยมากท่านจะไถ่ถามแต่กับบิดาของผม ในช่วงหนึ่งท่านก็บอกกับบิดาผมว่าให้ระมัดระวังเรื่องเกี่ยวกับท้องไส้ อาหารการกิน ผมก็เรียนหลวงปู่ว่าผมเป็นโรคนอนไม่หลับท่านก็บอกว่าเป็นกรรมเก่าของผมซึ่งผมเป็นมาร่วมสิบปีแล้วครับ หลวงปู่ได้เมตตาให้กระเป๋าซึ่งเป็นกระเป๋าแบบสะพายแบบของเด็กนักเรียนท่านก็เอาให้บิดาผมแล้วก็บอกว่าเอาไปให้ลูกให้หลานใช้ก็ได้(ปัจจุบันมารดาของผมใช้ใส่ของไปตลาด)และด้วยท่านทราบว่ามารดาของผมเป็นแม่ค้าท่านก็ได้ให้ ไม้ที่มีรูปเป็นคนเป็นผู้ชายกับผู้หญิง คิดว่าหลายท่านคงเคยเห็นนะครับตามแถบพิบูล โขงเจียมหรือแถบมุกดาหารจะมีแม่ค้านำมาวางขายกันเยอะแยะ ท่านว่าคนเค้าข้ามไปฝั่งลาวเค้าเอามาให้ ท่านบอกว่า"ให้เอาไปให้แม่ออกนะจะได้ค้าขายดี" ผมเพิ่งมาสังเกตในภายหลังพบว่าท่านได้จารกำกับเอาไว้ด้วย(ถ้าได้กลับอุบลฯจะถ่ายรูปมาลงให้ท่านได้ชมกัน) พอผมและบิดากราบลาท่านจะกลับแล้ว ท่านก็เรียกผมว่าเดี๋ยวให้รอก่อน แล้วท่านก็ได้เข้าไปหยิบเอาพระลักษณะน่าจะเรียกว่าพระอุปคุตเนื้อโลหะขนาดเท่ากำมือแต่ท่านเรียกว่า"นี่หอยสังข์ เอาไปแช่น้ำอาบนะ"แล้วผมก็รับจากท่าน แล้วก็ได้กราบลาท่านกลับ มีคาถากำกับด้วยนะครับซึ่งเป็นคาถาเฉพาะของหลวงปู่ผมได้จดเอาไว้แต่ครั้งแรกที่ไปกราบนมัสการท่านแล้ว แต่กลับทำหายแต่ยังมีพี่อีกคนหนึ่งจดต่อจากผมไป(ซึ่งพี่คนนี้มีศักดิ์เป็นพี่เขยของผมแต่เป็นเขยฝ่ายป้า ลูกเขยพี่สาวของบิดาผมซึ่งพี่คนนี้แหละครับที่จะไปกราบลาผมกับหลวงตาในบทความต่อไป)เดี๋ยวมีโอกาสจะนำคาถามาลงให้ท่านได้นำไปท่องสวดกันครับ

Top