
ความเมตตาของหลวงปู่เก่ง ธนวโรที่มีต่อผม(5)
บทความพระเครื่อง เขียนโดย จุ๊กอุบลamulets
ครับเว้นช่วงไปนานพอสมควรสำหรับบทความบอกเล่าเรื่องราวความประทับใจที่ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ ครั้งนี้เป็นครั้งล่าสุดที่ผมได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่โดยอีกนัยหนึ่งก็คือการไปกราบลาหลวงปู่เพื่อที่จะต้องย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่เชียงใหม่นั่นเอง วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2555 วันนั้นก่อนการเดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่นั้น ผมได้เข้าไปหาพี่ชายซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยซึ่งเป็นลูกเขยของป้า(พี่สาวของบิดาผม)ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ๆกัน พี่ท่านนี้ผมให้ความเคารพมากและมักจะไปพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับพระเครื่องกับพี่เขาเสมอ ผมต้องขออนุญาตเอ่ยนามของพี่ท่านนี้มา ณ ที่นี้เลยนะครับ พี่ท่านนี้คือพี่ปุ๋ง คุณสุรเชษฐ์ เจริญศรี เป็นผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนั้นผมตั้งใจที่จะนำเอาเหรียญเจริญพรยันต์ครูที่ได้รับมาจากหลวงปู่ไปให้พี่ปุ๋ง เหรียญนั้นหลวงปู่จารด้วยครับ เมื่อผมเอาให้พี่ปุ๋งดูพี่เขาก็ส่องดูด้วยกล้องแล้วก็พูดขึ้นว่า"ยันนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน แปลกมาก เป็นขนายยันต์หรือเปล่านี่" ผมฟังตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าขนายยันต์ แต่พี่ก็อธิบายให้ฟังซึ่งเท่าที่ผมจำได้นี่พี่เขาว่าเป็นยันต์เก่ายันต์โบราณมากๆเปรียบเสมือนยันต์ชั้นครูอะไรประมาณนี้แหละครับต้องขออภัยในเรื่องข้อมูลส่วนนี้ด้วย ครูบาอาจารย์ที่จะใช้ยันต์นี้มีน้อยมาก พี่เขาก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละครับแต่ก็ไม่แน่ใจเพราะว่าได้ยินได้ฟังมาจากคนเฒ่าคนแก่รุ่นก่อนอีกทีหนึ่ง พี่เขาก็เลยเกิดความสงสัย ผมก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่ให้พี่เขาฟัง แล้วพี่เขาก็มาสะดุดใจกับชื่อวัดว่าเหมือนกับนามสกุลของพี่เขา ซึ่งคงต้องขอเรียนให้ทราบเลยว่าตระกูลของพี่ปุ๋งนี้เป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของจังหวัดอุบลฯ พี่ปุ๋งก็เลยอยากไปกราบหลวงปู่จึงชวนผมว่าจะไปไหมผมตอบรับแบบไม่ต้องคิดเลยครับ จากนั้นพอช่วงเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆก็ได้ออกเดินทางกันไปสองคนกับพี่ปุ๋ง เมื่อไปถึงวัดก็เข้าไปขออนุญาตจากหลวงพ่อรูปเดิมที่เคยได้พบท่านซึ่งอยู่ประจำที่วัด เมื่อทราบจากหลวงพ่อว่าหลวงปู่ท่านอยู่ก็ได้พากันเข้าไปหาหลวงปู่ที่กุฏิ พอเข้าไปกราบนมัสการแจ้งชื่อเสียงเรียงนามพอให้ท่านรับทราบตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี หลวงปู่ท่านก็จำได้อยู่แล้วก็อนุญาตให้เข้าพบท่าน ผมก็แจ้งกับหลวงปู่ไปว่า"ผมพาพี่มากราบหลวงปู่แล้วผมก็จะมากราบลาหลวงปู่ด้วย" ท่านก็ถามว่า"จะลาไปไหนล่ะ" ผมก็เรียนท่านไปว่า"ผมจะลาหลวงปู่ไปทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ครับ" ท่านก็ถามอีกว่า"ทำไมถึงได้ไปอยู่ไกลแท้ล่ะ" ผมก็เรียบท่านว่าย้ายไปอยู่กับครอบครัว ท่านก็ไม่ว่ากระไรอีก สักพักหลวงปู่ก็เรียกหาหลวงพ่อรูปที่อยู่ประจำที่วัดนั้นแล้วบอกว่า"ไปเอาเหรียญรุ่นแรกมาให้หน่อย" หลวงพ่อรูปนั้นก็ไปตามที่ท่านบอก ในระหว่างนั้นหลวงปู่ก็ไปหยิบเอาของในยามท่านมาเป็นธนบัตร100บาทหนึ่งใบมีรอยจารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง(ซึ่งก็คือธนบัตรขวัญถุงใบที่ 2 ที่แสดงอยู่ที่หน้าร้านนั่นเอง เชิญเข้าไปชมกันนะครับ) ท่านเรียกให้ผมเข้าไปหาแล้วก็บอกว่า"อย่าเอาไปให้ใครที่ไหนนะ" ผมก็ก้มลงกราบรับเอาจากท่านแล้วท่านก็ส่งเหรียญเจริญพรยันต์ครูหลังเรียบและมีรอยจารให้กับผมและพี่ปุ๋งอีก จากนั้นไม่นานหลวงพ่อที่หลวงปู่บอกให้ไปเอาเหรียญรุ่นแรกก็นำเหรียญมาให้ หลวงปู่ก็ยื่นมาให้ผมอีก พร้อมกับมีพระนางกวักเนื้อผงองค์เล็กๆซึ่งพี่ปุ๋งก็ได้เช่นกัน แล้วหลวงปู่ก็เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ผมปราบปลื้มในหัวใจของตนเองมาจนกระทั่งทุกวันนี้ท่านพุดว่า"นี่ คนนี้ให้เยอะกว่าใครเลยไม่เคยให้ใครมากเท่าคนนี้ เพราะสงสารเห็นว่าเป็นคนซื่อ" แล้วท่านก็กำชับเช่นเดิมเหมือนทุกครั้งคือ"อย่าไปล่วงผู้หญิงนะจำเอาไว้" ตามที่ผมเข้าใจและยึดถือปฏิบัติมาตลอดตามที่หลวงปู่สั่งคือไม่ทำผิดศีลข้อสาม และไม่ไปในที่อโคจร เช่นตามสถานบันเทิงต่างๆ นอกจากต้องไปตามมารยาทในสังคมเช่นไปนั่งในผับหรือในสถานบันเทิงใดๆก็ตาม ผมจะไม่พระของหลวงปู่ติดตัวเข้าไปในสถานที่เช่นนั้นเป็นอันขาด หลังจากได้รับวัตถุมงคลแล้วพี่ปุ๋งก็ได้เรียนถามหลวงปู่ถึงเรื่องยันต์ของหลวงปู่และที่มาของชื่อวัด ซึ่งข้อมูลตรงนี้ผมจะไม่ขอกล่าวถึงเนื่องจากผมจำข้อมูลได้ไม่ทั้งหมดไม่อยากจะโมเมหรือให้ข้อมูลผิดๆถูกไปจะไม่เป็นการดี จึงฝากเรื่องนี้ให้ท่านที่สนใจศึกษาเรียนถามจากองค์หลวงปูท่านเพื่อความกระจ่างหรือหากผมมีโอกาสได้กลับไปกราบหลวงปู่ก็จะนำข้อมูลที่ถูกต้องมานำเสนอให้ทราบกันในคราวต่อไป ครับในระหว่างที่ผมกับพี่ปุ๋งนั่งรับฟังคำสั่งสอนและอธิบายข้อสงสัยต่างๆที่เรียนถามท่าน ในช่วงหนึ่งหลวงปู่ได้ขอดูพระและวัตถุมงคลที่พี่ปุ๋งห้อยคออยู่ ท่านก็ถามว่าอันนี้พระอะไรของใคร ท่านก็จับคลึงดู พอไปจับวัตถุมงคลชิ้นหนึ่งท่านก็บอกกับพี่ปุ๋งว่า "อันนี้พระอะไร"พี่ปุ๋งก็ตอบไป............ท่านก็บอกว่า"ไม่ดีหรอกอันนี้ไม่ดี ไม่ต้องแขวน ไม่ดี"ท่านพูดเพียงเท่านี้แล้วพี่ปุ๋งก็ถามย้ำว่า"ไม่ดีใช่ไหมครับปู่ เอาทิ้งเลยใช่ไหมครับ"ท่านก็เพียงแต่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเวลาได้ล่วงเลยมานานจนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วผมและพี่ปุ๋งจึงได้กราบลาหลวงปู่ท่าน พี่ปุ๋งนั้นออกมาก่อนผมกราบลาหลวงปู่อีกครั้งดดยน้อมใจลงกราบแทบเท้าท่านด้วยความรักและศรัทธาในท่านเป็นอย่างสูง ผมเดินถอยหลังออกจากกุฏิหลวงปู่มองดูท่านนั่งนิ่ง จนลับจากหน้ากุฏิท่านผมจึงหันหลังกลับเดินไปขึ้นรถกับพี่ปุ๋ง ความซาบซึ้งใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กราบนมัสการหลวงปู่จวบจนถึงวันที่กราบลาท่านมาอยู่ต่างถิ่น ยังคงติดตรึงอยู่ในดวงใจของผมเสมอมา เมื่อใดที่ได้โทรพูดคุยถามไถ่จากพี่ๆที่ได้ไปกราบหลวงปู่ก็รู้สึกดีเสมอที่ได้ทราบว่าหลวงปู่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดี เป็นที่พึ่งให้กับลูกหลานทั้งจากต่างที่ต่างถิ่นฐานใกล้ไกลได้เข้าไปกราบขอพรบารมีขอความเมตตาจากหลวงปู่ท่านอยู่เช่นเดิม ตัวผมนั้นทุกวันนี้ก็ยังคงยึดถือปฏิบัติตามคำหลวงปู่ท่านสั่งสอนเสมอมา นั่นคือ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้กตัญญูพ่อแม่ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณ ไม่ประมาทในการดำรงชีวิต ยึดมั่นในศีลธรรมอันดี และพยายามปฏิบัติตามคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่คนดีทั่วไปพึงปฏิบัติ ทุกวันนี้ผมก็ยังคงมีความสุขและทุกข์ตามอัตภาพ และพยายามน้อมนำสิ่งที่ดีๆมาใช้ในการดำเนินชีวิต ไม่คดโกงไม่เอารัดเอาเปรียบผู้ใด สิ่งที่ผมได้รับจากหลวงปู่และพระท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลายที่ผมได้มีโอกาสวาสนาได้กราบนมัสการท่านเหล่านั้น มิใช่แค่เพียงสิ่งของหรือวัตถุมงคลต่างๆที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้ระลึกถึงแต่การทำดีเท่านั้น หากแต่สิ่งที่ผมได้รับจากท่านทั้งหลายนั่นก็คือความเมตตา และหลักธรรมคำสั่งสอนที่เป็นเครื่องนำมาขัดเกลากิเลสที่สะสมครอบงำจิตมานานให้ได้เบาบางลงจากกมลสันดานของผู้ที่มืดบอดเคยทำแต่สิ่งไม่ดี ให้ได้มองเห็นสิ่งดีงามที่เรียกว่าธรรมบ้างตามเหตุที่พึงให้ได้รับ วิศนุวัตร เสมอศรี |