
หลวงพ่อขาวไชยสิทธิ์ วัดพระขาวไชยสิทธิ์ พิษณุโลก
บทความพระเครื่อง เขียนโดย joepd13
ประวัติหลวงพ่อขาวไชยสิทธิ์ จากการสันนิษฐานของ คุณปราณี แจ่มขุนเทียน (กรมศิลปากร 2528:6-7) ครั้งที่ได้มาสำรวจเมืองยมราชตามผังเมืองแผนที่ทางอากาศ พบว่า ตัวเมืองยมราช ตั้งอยู่บริเวณสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตล้านนาพิษณุโลก หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ในปัจจุบัน เดิมตัวเมืองยมราชเป็นรูปวงกลม มีคูน้ำล้อมรอบ ผู้สำรวจได้ศึกษาจากภาพถ่ายทางอากาศ มีเนินดินที่บ่งบอกว่าเป็นพระอุโบสถวิหาร พระเจดีย์ขนาดใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันออกของตัวเมืองยมราช จำนวน 6 แห่งเรียงรายตามแนวลำคลองยมราชเดิม มีเศษวัตถุโบราณ เครื่องสังคโลก ตุ๊กตา ช้าง กระปุกสังคโลก กระเบื้องกาบ แผ่นหินดาน และพระพุทธรูปขนาดต่างๆ มากมาย แต่ชำรุดหักพัง ตามเนินดินที่อยู่ริมคูคลองน้ำ บริเวณบ่อน้ำริมคลองยมราช มีคนขุดค้นพบเครื่องสังคโลกและของมีค่ามากมาย และวัดพระขาวชัยสิทธิ์ซึ่งเป็นวัดหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณริมคลองยมราช ลำคลองยมราชนี้มีต้นน้ำไหลมาจากแม่น้ำน่านบริเวณ วัดเกาะแก้ว ตำบลจอมทอง แล้วไหลผ่านวัดพระขาวชัยสิทธิ์ ผ่านหมู่บ้านตำบลบ้านกร่าง ผ่านตัวเมืองยมราชตั้งอยู่บริเวณ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพิษณุโลก ไปหมู่บ้านแหลมโพธิ์วัดยมราช บ้านหัวเท บ้านหนองปลิง ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ และไหลลงลำคลองบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ แล้วไหล ไปบรรจบกับแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ทางกรมศิลปากร ได้สันนิษฐานว่า ลำคลองยมราชนี้ เป็นเส้นทางคมนาคม ค้าขายระหว่างเมืองสองแควกับเมืองสุโขทัย นอกจากนี้แล้วเมืองยมราช ยังเป็นฝาแฝดกับเมืองสองแคว (เมืองพิษณุโลกปัจจุบัน) ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน เมืองยมราชเดิมคงจะมีชื่อว่า เมืองสระหลวงสองแคว ตามบันทึกศิลาจารึกกรุงสุโขทัยหลักที่ 2 พระมหาธรรมราชาที่ 1 พระยาลิไท ความว่า ‘สมเด็จฯหาที่นั้นก่อพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์มีสามนั้น ในนครสระหลวงสองแคว’(กรมศิลปากร 2515:27) เมืองสระหลวงสองแคว อยู่บริเวณริมลำคลองยมราช ในสมัยกรุงสุโขทัย ต้องอาศัยทางลำน้ำเป็นเส้นทางคมนาคม จากเมืองพิษณุโลกกับเมืองสุโขทัย ในการเดินทัพไปอย่างช้าๆหยุดพักกองทัพให้ทหารได้พักผ่อนและเมื่อมีเวลาว่าง แม่ทัพนายกองจัดให้ทหารได้สร้างพระพุทธรูป ไว้บริเวณสถานที่พักกองทัพ เพื่อให้ทหารได้กราบไหว้ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้กับทหาร ณ บริเวณวัดพระขาวไชยสิทธิ์ ต่อมาได้ตั้งชื่อเรียกพระพุทธรูปนั้นว่า หลวงพ่อขาวไชยสิทธิ์ จากการสันนิษฐาน และการบอกกล่าวเล่าขานสืบต่อๆกันมา ของผู้เฒ่าผู้แก่ เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อขาวไชยสิทธิ์ สร้างในสมัยกรุงสุโขทัย โดยมีเมืองยมราช (บริเวณตำบลบ้านกร่าง ในปัจจุบัน) เป็นเมืองหน้าด่าน มีเจ้าเมืองในตำแหน่งเจ้าพระยา เป็นผู้ครองเมืองยมราช และมีทหารเอกคู่พระทัย 2 คน ในตำแหน่งแท่นขุน ได้แก่ ท่านขุนแก้วและท่านขุนเพชร พำนักอยู่บริเวณประตูเมืองยมราช (บริเวณวัดพระขาวชัยสิทธิ์) ก่อนที่จะเดินทางเข้าเมืองสุโขทัย มีการยกทัพและเดินทางผ่านไปมาตลอดเวลาและสันนิษฐานว่ามีการสร้างพระพุทธรูปรุ่นเดียวกัน เช่น หลวงพ่อดำวัดยาง หลวงพ่อแดง วัดหลวงพ่อแดง ตำบลไผ่ขอดอน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิเหมือนกัน องค์หลวงพ่อขาวไชยสิทธิ์ ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เป็นเวลานานแสนนาน เมืองสุโขทัยเสื่อมอำนาจ มาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือ มีการสร้างถนนใช้แทน การคมนาคมทางน้ำ ประกอบกับ ลำคลองยมราชตื้นเขิน ไม่มีผู้คนใช้ในการเดินทางสัญจร ทิ้งให้ เป็นป่าทึบมีหมู่สัตว์ป่ามากมาย มีประชาชนอาศัยอยู่มากเป็นหมู่บ้านใหญ่ (หมู่ที่ 2, 3 และหมู่ที่ 11 ในปัจจุบัน) ประชาชนมีอาชีพทำนา ทำไร่ ปลูกอ้อย และออกป่าล่าสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งบริเวณลำคลองยมราช มีคนในหมู่บ้านไล่ยิงไก่ป่า ยิงหลายครั้ง ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ถูกไก่ป่าตัวนั้น ไก่ป่าได้บินไปจับที่พุ่มไม้ ป่าหญ้าคา ซึ่งมีเถาวัลย์ทึบ คนไล่ยิงไก่จึงย่องเข้าไปใกล้ๆจะยิงอีก แต่ดินปืนหมด จึงใช้ด้ามปืนตีไก่ป่าแต่ไม่ถูกตัวไก่ป่า แต่ไปกระทบกับปูนที่เป็นองค์พระ ถูกบริเวณไหล่ขององค์พระแตกหักลงมา เมื่อไก่บินหนีไป คนไล่ยิงไก่ป่าก็หมดแรง ที่จะตามไล่ต่อไป จึงหยุดพัก คนไล่ยิงไก่ป่าเข้าไปสังเกตบริเวณที่ใช้ด้ามปืนตีไก่ป่าว่าเป็นอะไร จึงตัดเถาวัลย์ หญ้าคาออก เห็นเป็นองค์พระขาวมีตะไคร่น้ำจับมีองค์พระเครื่องตกหล่นอยู่สอง สามองค์ ก็หยิบเอาไป แล้วเดินกลับบ้าน ในภายหลังได้ทราบชื่อ คนไล่ยิงไก่ป่าคนนั้น ชื่อว่า นายยัง ยอดเพชร ต่อมามีคนในหมู่บ้านไปพบพระพุทธรูปที่นายยัง ยอดเพชรตีแขนหักองค์นั้น สวยงาม เป็นที่น่ากราบไหว้ จึงช่วยกันทำร่มเงาให้ พระองค์หลวงพ่อขาว เดิมองค์ท่านหันหน้าไปทางทิศใต้ ประดิษฐาน ณ สถานที่ปัจจุบัน |

