โอวาทหลวงปู่ใหญ่ - webpra

โอวาทหลวงปู่ใหญ่

บทความพระเครื่อง เขียนโดย sirapopch

sirapopch
ผู้เขียน
บทความ : โอวาทหลวงปู่ใหญ่
จำนวนชม : 1215
เขียนเมื่อวันที่ : จ. - 19 พ.ย. 2555 - 18:46.54
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)
โอวาทหลวงปู่ใหญ่

  การปฎิบัติธรรมทางด้านจิต จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบท เว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต จงดูจิตเคลื่อไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละครด้วย เราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆ ด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตน แต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้ ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวตจิต อย่ากลัวอารมณ์ เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

  ความนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆ เป็นอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิตธรรมชาติคือผู้รู้อารมณ์ คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน แต่แล้วมันต้องดับไปเข้าหลักเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คือไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนทนได้ยากเป็นทุกข์ และสลายไปไม่ใช่ตัวตน มันจะเกิดดับ ๆ อยู่ตามธรรมชาติ เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้ เราก็จะสงบไม่วุ่นวาย เราในที่นี้หมายถึงสติปัญญา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรม (สิ่งทั้งปวง ) เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

  นิมิตที่เกิดขึ้นขณะนั่งสมาธิมีอยู่ ๒ ประการ คือ ๑ . เกิดขึ้นเพราะเทพบันดาล คือเทวดาหรือพรหมแสดงภาพนิมิตและเสียงให้รู้เห็น ๒. นิมิตเกิดขึ้นเพราะอำนาจสมาธิเอง

  นิมิตจะเป็นประเภทใดก็ตาม ขอให้ผู้เจริญกรรมฐานจงเป็นผู้ใช้สติปัญญาให้รู้เท่าทันนิมิตที่เกิดขึ้นนั้นด้วยปัญญา อย่าเพิ่งหลงเเชื่อทันทีจะเป็นความงมงาย ให้ปล่อยวางนิมิตนั้นไปเสียอย่าไปสนใจให้เอาจิตทำความจดจ่ออยู่เฉพาะจิต

  เมื่อจิตสงบรวมตัว จิตถอนตัวออกมารับรู้นิมิตนั้นอีก หากปรากฎนิมิตอย่างนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ หลายครั้งแสดงว่านิมิตนั้นเป็นของจริงเชื่อถือได้ แต่อย่างไรก็ตามนิมิตที่มาปรากฏนี้อยู่ในขั้นโลกียสมาธิ นิมิตต่าง ๆ จึงเป็นความจริงน้อย แต่ไม่จริงเสียมาก จงมุ่งหน้าทำจิตให้สงบเป็นอัปนาสมาธิ อย่าสนใจนิมิต หากทำได้อย่างนี้ จิตจะสงบตั้งมั่น เข้าถึงระดับฌานจะเกิดผลคือสมาบัติสูงขึ้นตามลำดับ จิตจะมีพลังอำนาจอันมหาศาล ฤทธิ์เดชจะตามมาเองด้วยอำนาจของฌาน
***มีศรัทธา ปฏิหาริย์ย่อมบังเกิด***
 
    

Rank: 8Rank: 8

9#
 
 kit007โพสเมื่อ 2011-8-18 03:32 | แสดงเฉพาะโพสนี้
ธรรมะบางข้อ ของหลวงปู่ใหญ่

  จึงได้ธรรมะของท่าน สรุปย่อ ๆ บางส่วนได้ดังนี้

       ๑. ธรรมะของท่านต้องเกิดจากการปฎิบัติเท่านั้น
       ๒. ต้องมีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
       ๓ อยากรู้ธรรมะหรือคำสอนของท่านให้ดูจิตตนเอง
       ๔. ให้รักผู้อื่นเหมือนที่รักตน
       ๕. ให้ทำตัวเหมือนน้ำ

   - น้ำไปได้ทุกสถานที่  อยู่ในน้ำ  ในอากาศ   ในดิน
   - น้ำอยู่ได้ทุกสภาวะ  เป็นไอน้ำ  เป็นน้ำ  เป็นน้ำแข็ง
   - น้ำให้ความชุ่มชื่น  สดชื่น  แก้กระหาย  น้ำให้ชีวิต  และทำลายชีวิต
   - น้ำให้ความความเย็น  ให้ความร้อน
   - น้ำมีรูปร่างต่าง ๆ กันตามรูปร่างของภาชนะ
   - น้ำใช้ล้างความสกปรกให้สะอาด ฯลฯ 

นิพพานนัง ปรมัง สุขัง 

“ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง นิพพานไม่มีทุกข์
  ไปถึงพระนิพพานแล้วไม่มีคำว่าตาย
  ไม่มีคำว่าเคลื่อน ไม่มีคำว่าไปไหน
  อยู่ที่พระนิพพาน เป็นสุข
  ไม่แก่ ไม่ป่วย ไม่ตาย”
***มีศรัทธา ปฏิหาริย์ย่อมบังเกิด***
 
    

Rank: 8Rank: 8

10#
 
 kit007โพสเมื่อ 2011-8-18 03:36 | แสดงเฉพาะโพสนี้
วิเคราะห์คำว่า “อรหันต์”

“อรหัน” หมายถึง ผู้สำเร็จอภิญญาโลกีย์ หรืออภิญญาห้า ไม่สามารถทำอาสวะให้สิ้น ทุกอย่างมีอิทธิวิธีแบบพระอรหันต์ขีณาสพทั้งสิ้น พิจารณาอย่างเราๆ ปุถุชนมองไม่ออก ประเภทนี้การกระทำตนแบบโพธิสัตว์ เช่น โป๊ยเซียนโจ๊วซือทั้ง 8 พระแม่กวนอิม ฯลฯ และประเทศลาวก็มี สำเร็จลุน (ไม่ใช่สมเด็จลุน ท่านมิได้เป็นพระราชาคณะ) สามเณรคำ ดังนั้น “อรหัน” จึงแปลว่าผู้วิเศษตามคำนิยามในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน อรหันทองคำ จั๊บโป้ยล่อฮั่น ตั๊กม้อ โจ๊วซือ ก็ประเภท “อรหัน” นี่แหละ

ผมก็ไม่กล้าที่จะวิเคราะห์ครูบาอาจารย์ให้เกินเหตุ เพียงแต่ว่าจะชี้แนะตามหลักวิชาให้หูตาสว่างตามประวัติกล่าวว่า พระโสณะและพระอุตตระเป็นพระอรหันต์ ส่วน “พระเทพโลกอุดร” มาจากคำ อุตร แปลว่า ผู้เหนือโลกย์ พระโสณะบรรลุธรรมก่อนพระอุตตระ ซึ่งเป็นพี่ชายร่วมสายโลหิต จึงเรียกว่า “พระโสณอุตตร” ไม่เรียก “พระอุตตรโสณ”

คำว่า “หลวงปู่ใหญ่” หมายถึง “พระอุตตรเถระเจ้า” เป็นพระอรหันต์ยังไม่จบกิจ แบบพระแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ยังค้ำจุนพระศาสนา ไปกว่าจะสิ้นพุทธธันดร (พ.ศ. 5000) ถ้าจบกิจแล้วท่านก็หมดหน้าที่ เพียงแต่ท่านไม่ต้องสร้างบารมีต่อแบบอีกสององค์ คือ หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หลวงปู่หน้าปาน ซึ่งยังต้องบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีต่อ ท่านมิได้ประกาศตนแจ้งชัด เพียงแสดงปริศนาธรรม เช่นหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ซึ่งมีอายุมากกว่าหลวงปู่ใหญ่ด้วยซ้ำไป มาในรูปหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี แสดงปริศนาธรรม หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าเผาแหลก มีอะไรเผาจนหมดจนกลายเป็นขี้เถ้า ให้รู้ว่าแม้แต่ตัวเราต่อไปก็ไม่พ้นการเป็นขี้เถ้า

หลวงปู่หน้าปาน ท่านก็บอกอยู่โต้งๆ แล้วว่า ท่านเป็นพระสำเร็จ (อรหันต์) มาอาศัยร่างท่านมหาชวน (หลวงพ่อโอภาสี) เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ ท่านอภิชิโต ภิกขุ กล่าวกับผมว่า นับตั้งแต่เป็นศิษย์หลวงปู่ใหญ่ครั้งยังบรรพชาเป็นสามเณร จนอายุได้ 70 ปี ยังศึกษาไม่จบ ท่านเป็นอาจารย์ที่ผมรักและเคารพมาก ผมไม่อยากให้คนมีจิตฟุ้งติดฤทธิ์มากนัก เพียงอยากให้เป็นความรู้ในด้านสารคดี อรรถคดีพอสมควร มิฉะนั้นเรื่องจะยาวเกินควร
Top