ประวัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง - webpra

ประวัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง

บทความพระเครื่อง เขียนโดย poohfah

poohfah
ผู้เขียน
บทความ : ประวัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
จำนวนชม : 1012
เขียนเมื่อวันที่ : พ. - 04 พ.ย. 2552 - 10:04.22
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : พ. - 04 พ.ย. 2552 - 10:20.51
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

ประวัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง

หลวงปู่ชา สุภัทโท พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) หรือ หลวงพ่อชา
หลวงปู่ชา สุภัทโท พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) หรือ หลวงพ่อชา

" การไม่กระทำบาปนั้นมันเลิศที่สุด บางคนบางคราว โจรมันก็ให้ได้ มันก็แจกได้ แต่ว่าจะพยายามสอนให้มันหยุดเป็นโจรนั้นน่ะ มันยากที่สุด การจะละความชั่วไม่กระทำผิดมันยาก การทำบุญ โจรมันก็ทำได้ มันเป็นปลายเหตุ การไม่กระทำบาปทั้งหลายทั้งปวงนั้นน่ะ เป็นต้นเหตุ"

ธรรมโอวาทจาก พระโพธิญาณเถร หรือ "หลวงปู่ชา สุภัทโท" แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนเป็นอย่างมาก

ประวัติหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
อัตโนประวัติ หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง พระโพธิญาณเถร(ชา สุภทฺโท) หรือ หลวงพ่อชา พระวิปัสสนาจารย์สายอีสาน นามเดิมว่า ชา ช่วงโชติ เกิดในสกุล ช่วงโชติ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2461 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายมาและนางพิมพ์ ช่วงโชติ

ในช่วงวัยเยาว์ได้รับการศึกษาชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนบ้านก่อ ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จนจบชั้นประถมปีที่ 1 แล้วได้ลาออกจากโรงเรียน มาช่วยงานครอบครัว 

ตามประวัติท่านมีจิตฝักใฝ่ธรรมมาแต่เด็ก เมื่ออายุ 13 ปี โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม เพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี ก่อนได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อเดือนมีนาคม 2474 โดยมีพระครูวิจิตรธรรมภาณี (พวง) อดีตเจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม จ.อุบลราชธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ การที่ท่านบวชแต่เยาว์วัยยังผลให้ท่านมีโอกาสศึกษาเล่าเรียนทางโลกเพียงแค่ชั้นประถมปีที่ 1

อยู่จำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรม ตลอดจนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้เอาใจใส่ต่อการท่องสวดมนต์ ทำวัตร ศึกษาหลักสูตรนักธรรมปฏิบัติพระเถระ แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา ด้วยความจำเป็นของครอบครัวชาวไร่ชาวนาอีสาน แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในการ บวชเรียน จึงสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องกลับมาอุปสมทบเป็นพระให้ได้ กระทั่งเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2482 ณ พัทธสีมาวัดก่อใน ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีพระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชาฌาย์, พระครูวิรุฬสุตการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการสอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลังอุปสมบท ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาท่านต้องการเรียนให้สูงขึ้นเพราะมีจิตใจรักชอบทางธรรมอยู่แล้ว แต่ขาดครูอาจารย์ในการสอนระดับสูงต่อไป ท่านจึงทุ่มเทให้การศึกษาทั้งนักธรรมและบาลี และผ่านสำนักต่างๆ มากมายจนในที่สุด สามารถสอบนักธรรมได้ครบตามหลักสูตร คือ สอบนักธรรมชั้นโทได้ ในสำนักของพระครูอรรคธรรมวิจารณ์ สอบนักธรรมชั้นเอก ได้ในสำนักวัดบ้านก่อนอก ครั้นเสร็จภารกิจการศึกษา ท่านได้หันมาสู่การปฏิบัติธรรม โดยออกธุดงค์และศึกษาหาแนวทางปฏิบัติในสำนักต่างๆ ผ่านพระอาจารย์มากมาย อาทิ หลวงปู่กินรี หลวงปู่เถระชาวเขมร พระอาจารย์คำดี พระอาจารย์มั่น รวมทั้งออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามรอบพระตถาคต

ในที่สุด ท่านได้รับอาราธนาจากโยมมารดาและพี่ชาย ให้กลับไปโปรดที่บ้านเกิด เมื่อปี พ.ศ.2497 หลวงปู่ชาได้ดำเนินการสร้างวัดหนองป่าพง และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด

หลวงปู่ชาได้อุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมและเผยแพร่พุทธศาสนา ทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งบังเกิดผลทำให้ผลงานที่เป็นประโยชน์อเนกอนันต์แก่พระศาสนา ทั้งที่เป็นพระธรรมเทศนา และสำนักปฏิบัติธรรมในนามวัดสาขาวัดหนองป่าพงมากมาย ทั้งในทวีปยุโรปและอเมริกา

ในระยะแรกของการมาอยู่ป่าพงค่อนข้างลำบาก ชาวบ้าน ญาติโยมผู้ศรัทธาเข้ามาสร้างวัดเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ให้ได้อาศัย ไข้ป่าชุกชุม เพราะเป็นป่าทึบ เมื่อเจ็บป่วยยารักษาก็หายาก โยมอุปัฏฐากยังน้อย อาหารกา

Top