เฮฮาประสาเซียน - webpra

เฮฮาประสาเซียน

บทความพระเครื่อง เขียนโดย petor3000

petor3000
ผู้เขียน
บทความ : เฮฮาประสาเซียน
จำนวนชม : 725
เขียนเมื่อวันที่ : ศ. - 18 มิ.ย. 2553 - 18:50.05
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : จ. - 20 ก.ย. 2553 - 10:23.04
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

เรื่อง...ของแรง
"ใครมันเอาตะกรุดของกูไปใหนวะ!"  ขณะที่ผมกำลังบิดลูกกุญแจสตาร์ทเครื่อง เจ้ารถยนต์คู่ชีพของผม ทันใดนั้น
ผมก็เกิดอาการหงุดหงิด เนื่องจากตะกรุดเก่าแก่ที่ผมพึ่งจะได้มาไม่ถึง 3 วันมันอันตธานหายไปจากย่ามพกของผม
ผมตัดสินใจดับเครื่องยนต์ ก้มลงควานหา พับเบาะ โยกหน้า โยกหลัง ทั้งก้ม ทั้งหมุดอยู่นานหลายนาที
"เจอไม๊?" เสียงไอ่หนึ่งมันตะโกนถาม "ไม่เจอหว่ะ ไม่รู้แม่งใครมันเอาไปเก็บไว้ใหน ....เอ....หรือว่ามันไปตกหายแถวป่าช้า "
ผมกับเจ้าหนึ่ง น้องชาย ลูกพี่ลูกน้องกัน ออกไปเที่ยววัดเก่าแถวๆ บ้านนอกต่างอำเภอเมื่อตอนเช้า พอใกล้เที่ยง
เราก็แวะพักเหนื่อยกันข้างๆ วัด เพราะเห็นบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายดีเลยแวะนั่งเอนหลังอัดบุหรี่กันเพื่อเป็นการพักเหนื่อย
มารู้เอาตอนจะกลับแล้วว่าที่แวะนั่งนั่นหน่ะเป็นป่าช้า เลยต่างคนต่างๆไม่พูดไม่จา ค่อยๆ เดินเรียบไปเปิดประตูรถ
แล้วก็ขึ้นนั่งบนเบาะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน... เงียบกริบ...    กว่าจะง้างปากสนทนากันได้เล่นเอานานนับหลายนาทีทีเดียว
"ก็กูยังควักออกมาชื่นชมอยู่เลยตอนที่นั่งในป่าช้า" "เอ่..แล้วจำได้ไหมหล่ะว่าเก็บไว้ตรงใหน"           .. "นึกไม่ออก
หรือว่ามันอยู่กับของแรงของเหนียวไม่ได้ เห็นเขาว่ากันยังงั้น" ผมเริ่มส่งอารมณ์ออกไปทางอภินิหารเพื่อกลบความรู้สึกเซ็ง
และรับไม่ได้ ในสิ่งของอันเป็นที่รักของผม ต้องมีอันพัดพรากจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับในวัยอันไม่สมควร  อันว่าเรื่อง
ขึ้หลงขึ้ลืมนี้มันมีติดตัวผมมาตั้งแต่เกิด สมัยเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนพาลจะเต๊ะลูกเต๊ะเมียเข้า! เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ก็มันโมโหนี่ครับ อากาศก็ร้อนแทบบ้า ถือขันน้ำใส่สบู่ยาสีฟันอย่างดีกะจะไปอาบน้ำให้ฉ่ำใจซะหน่อยที่ใหนได้
ผมเดินวนเวียนเสียอารมณ์อยู่กับการหาผ้าขาวม้าของผมอยู่ตั้งนาน "อะไรหนอ! มันชั่งมาขัดขวางความสุข เป็นเวรเป็นกรรม
กับกูถึงเพียงนี้"  .. "ก็กูพึ่งถือมาหยกๆ เนี๊ยะ ไม่ถึง5นาที มันหายไปใหนวะ" สุดท้ายมาเจอเป็นอันว่าผ้าขาวม้าเจ้ากรรมนั้น
ผมเอาพาดคอตัวเองอยู่ แต่เสือกเดินหาทั่วบ้าน พอหาเจอแทบปาทิ้งทั้งโมโหตัวเองทั้งโมโหไปหมด เห้อ...ไม่เข้าเรื่อง
...
... (ติดตามอ่านตอนต่อไป)

<15/06/2553>
      อืมห์น่าเสียดายจังว่ะผมจุ๊ปากด้วยความหงุดหงิดปากก็บ่นไป เสียดายของหลวงพ่อเต๋ คงทองซะด้วย พ่อเพื่อนให้มาเมื่อ
วันก่อนนี้เอง 2-3 วันมานี่คุณลุงพ่อของเพื่อนผมไม่ใช่เซียนพระแต่ท่านเป็นคนธรรมมะ ธรรมโมท่านดีใจที่ผมไปร่วมฉลองงาน
วันเกิดเจอเอาจังหวะดีลุงแกชวนเข้าไปในห้องพระมีพระเต็มไปหมดทั้งเก่า ทั้งใหม่คุณลุงบอกให้ผมเลือกหยิบเอาเลย 1ชิ้น
ผมไม่กล้าเลือกมากเลยหยิบเอาตะกรุดที่วางอยู่ในพาน มีหลายดอกเลือกเอาดอกที่ดูแห้งที่สุดในนั้น คุณลุงก็ยิ้มใจดีบอกว่า
นี่โชคดีแล้วครับอาจารย์นี่ผมไปรับกับมือท่านเลยของหลวงพ่อเต๋วัดสามง่ามน่ะ ผมดีใจมากที่ได้มาง่ายๆ เวลาจะไปซื้อต่อ
จากเซียนทีต้องเหงื่อตกกันเลยเชียว (กลัวจะแพง) ตั้งใจว่ากะจะเอาไปใส่หลอดเงินให้เรียบร้อยซะกำลังชื่นชมดันมาหายไปเสียฉิบ.....
ชวนไอ้หนึ่งไปเดินหาในวัดหล่ายหินซึ่งอยู่ติดกับป่าช้าเดินทะลุประตูผีข้างวัดมาพอดีเจอหลวงพ่อท่าน ก็ยกมือไหว้กล่าว
นมัสการหลวงพ่อท่านก็เจริญพร แล้วมองหน้าแบบสงสัยก็ถามผมว่าโยมมาจากนครปฐมเหรอ? อ้อเปล่าครับหลวงพ่อผม
บ้านอยู่ในตัวจังหวัดลำปางนี่แหละครับหลวงพ่อท่านก็พูดอะไรพึมพำไม่ทราบ และก็เดินเข้ากุฏิไปแบบยังสงสัยอยู่
ผมก็เดินหาตะกรุดจนรอบวัด ก็หาไม่เจอเสียดายจริงๆ หลังจากนั้นก็กลับไปที่รถและกลับบ้านก่อนจะถึงบ้านก็แวะไปคุยกับ
หลวงพี่ที่วัด(จอมขมังเวทย์) ก็เล่าให้ฟังท่านว่าของเมตตามหานิยมจะเอาไว้ปนกับของมหาอำนาจไม่ได้เป็นเหตุที่ทำให้
ของกลับจึงหายไป ผมนึกได้ในถุงย่ามผมมีของมหาอำนาจเต็มไปหมด.....ท่านผู้อ่านที่รักก็ต้องระวังของรักจะหายแบบผมนะครับ
ก็ฝากไว้พิจารณาดูอีกทีครับ....
....

เรื่อง...ผีหลอก... <10/09/2553>
                    ขึ้นชื่อว่าผี! ของไม่เห็นตัวเห็นตน ผมคนหนึ่งหล่ะครับที่ยอมรับว่ากลัวฉิบหาย ต่อให้นักเลงโตขนาดใหนก็เหอะ บ่ยั่น!
แต่ถ้าเอ่ยปากว่าผีแล้ว ปากผมก็ว่าไม่กลัวไปงั้นแหละ บรรยากาศมันได้ที่เมื่อไหร่อาการมันออกทุกทีครับท่านผู้อ่าน

                   จะกล่าวถึงเมื่อตอนสมัยผมยังเป็นเด็กเรื่องพิเรนนี่ ในหมู่บ้านไม่มีใครเกินผมหล่ะ คนเฒ่าคนแก่ถ้าเอ่ยชื่อผม
เป็นต้องร้องอ๋อทุกรายไป              ในสมัยนั้นไฟฟ้ามีใช้บ้างแล้วแต่มันขลุกขลักมาก ไฟฟ้าตามท้องถนนติดๆ ดับๆ
เสาไฟฟ้าบางเสาก็มีกิ่งด้วย   เนื่องจากมันเป็นเสาตามแต่จะหามาได้ ตัดต้นไม้ข้างทางเอามาทำบ้าง รับบริจาคจากชาวบ้านบ้าง
สุดแท้แต่ที่มาครับ
                  หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้น พอย่ำเย็นลงหน่อยมันก็มืดทันที ต้นไม้ร่มครึ้มบรรยากาศน่าสยดสยองดีแท้  เดินออกมานอกบ้าน
พอเลยประตูรั้วมานิดนึงทุกอย่างจะเงียบกริบ เงียบจนหูมันดังวิ้ง..วิ้ง... เลยหล่ะครับ  มันสงบสัปปายะขนาดใหน
ท่านผู้อ่านคิดเอาเองเถอะว่า ขนาดพระอรหันต์อย่างหลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านไปนั่งเจริญกรรมฐานของท่านห่างจากบ้านผม
ไปนิดเดียวเอง คนละฝั่งแม่น้ำกัน        วันดีคืนดีพวกผมยังเคยได้รับแจกขนมจากมือท่าน ยังความปลื้มใจให้ผมมาจนทุกวันนี้

                     สายวันหนึ่งผมได้ยินเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ดังขึ้นบริเวณสามแยกปากทางลงท่าน้ำ  แถวๆใต้ต้นส้มโอมุมรั้วบ้านผม
ผมเดินออกไปดู  เห็นยายหวิงกำลังก้มตัวลงไป ยักแย่ยักยันดึงเอารถถีบหรือรถจักยานขึ้นมา แกจับตั้งขึ้นเพื่อจะจูงกลับบ้าน
"ก็ไอ้บุ๊คนะซิ  มันโดนผีหลอกเมื่อคืนนี้ !!" ผมกำลังงุนงงกับเหตุการณ์ผสมกับความง่วงเพราะพึ่งตื่นนอน แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้    

                    จะกล่าวถึงไอ้บุ๊ค   ไอ้บุ๊คนี่มันเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม มันเป็นกะเทยประจำหมู่บ้าน   วันดีคืนดีมันก็เอา
ผ้าขาวม้ามาตัดเป็นเสื้อ ใส่ปั่นจักยานโฉบไปโฉบมาทั่วหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านต้องยกให้มันเป็นผู้นำแฟร์ชั่นประจำหมู่บ้านไปโดย
ปริยาย     บางทีหน้าหนาวมันก็เอาผ้าห่มที่เขาแจกมาตัดทำเป็นเสื้อโค้ดซ๊ะ ใส่เข้าไปในตลาดเฉยเลย ก็ถือว่าสวยไปอีกแบบ...         

                      ผมยืนนึกเรื่องไอ้บุ๊คโดนผีหลอกไปก็หัวเราะไป   ก็มันอดไม่ได้นี่ครับท่านผู้อ่าน ตอนนั้นไอ้บุ๊คน่าจะอยู่แค่ซักชั้นป.4
ขามันยังไม่ถึง มันถีบรถยังนั่งเบาะไม่ได้ มันก็ใช้วิธีเอียงตะแคงเอาขาลอดคานรถจักรยานเพราะเป็นรถผู้ชายมีคานพาดอยู่
แล้วมันก็ถีบแบบเอียงๆ ไปตลอดทาง แถมมันยังบั่นเร็วจี๋โฉบไปโฉบมาตามลีลากะเทยของมัน เห็นแล้วเป็นที่น่าหมั่นไส้ดีแท้

                    "ก็ไอ้บุ๊คนะซิ มันโดนผีหลอกเมื่อคืนนี้!! กูเลยต้องมาเอารถกลับไปให้มัน" เสียงยายหวิงแม่ของมันกำลังเล่าเรื่อง
ไอ้บุ๊คโดนผีหลอกให้คนที่มามุงดูฟัง พร้อมกับใบหน้าที่เรียกคะแนนความสงสารจากแฟนคลับที่มายืนมุงดู       
            เมื่อคืนนี้ไอ้บุ๊คมันปั่นจักรยานมาด้วยความเร็วสูง มีไอ้ศักดิ์กระเทยเพื่อนคู่ใจซ้อนท้ายมา แล้วมันก็จังงังกับผีตรงสามแยก
มุมรั้วบ้านผม รถถีบล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า วงล้อบิดเบี้ยว สายเบรคขาดกระเด็น ร่องรอยการเบรคกระทันหันเป็นทางยาว  
เช้านี้มันจับไข้หัวโกร๋นมีร่องรอยบาดเจ็บเล็กน้อย จนสว่างมันยังกลัวผีไม่หาย ไม่กล้ากลับมาเอารถ   เดือดร้อนแม่มัน
ต้องมาพยุงรถกลับบ้าน         พอผมเริ่มจับใจความได้ผมก็อดหัวเราะไม่ได้ เพราะผีที่ไอ้บุ๊คมันเจอนั่น ไม่ใช่ใครที่ใหน
ฝีมือผมเองครับ ตอนนั้นผมยังเด็ก เรื่องพิเรนซุกซนไม่ต้องถาม ผมนึกเรียบเรียงเรื่องราวเมื่อคืนนี้จำได้ว่า
ตอนผมกับเพื่อนจับกลุ่มคุยกันอยู่ราวๆทุ่มกว่า เกิดคึกคะนองเก็บเอาลูกส้มโอที่มันหล่นอยู่ใต้ต้นมาห่อผ้าขาวทำเป็นตุ๊กตาผี
วาดหน้าตาไว้อย่างน่ากลัวแล้วผูกเชือกไว้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้รอเหยื่อ ผมเห็นแว๊บๆ ว่ามีคนปั่นจักรยานผิวปากเป็นเพลง
ผ่านมา  ด้วยความหมั่นไส้ผมก็เลยหย่อนเชือกลงไปตรงหน้ามันพอดี แต่ด้วยความมืดผมก็ไม่รู้ว่าเป็นไอ้บุ๊คกับไอ้ศักดิ์
จากนั้นผมก็เห็นมันสละรถ กระโดดหนีล้มลุกคลุกคลาน กรีดร้องตามประสากระเทย พร้อมกับตะโกนว่า....ผี....หลอก....

Top