
เกือบแล้ว....กับเหรียญเม็ดแตง หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์...!
บทความพระเครื่อง เขียนโดย หนึ่งขุนหาญ
เย็นวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553.....ความเย็นเริ่มเข้ามาปกคลุมอีกครั้งหลังจากร่ำลากับแสงแดดเมื่อยามเช้า......หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ....ก็เลยเตร็ดแตร่ไปในแหล่งที่ใจชอบ...และเหมือนกับดวงกำลังเข้า(ในใจคิดขณะนั้น)...ได้พบกับเม็ดแตงที่สวยสดงดงามกำลังลอยหน้าลอยตาท้าทายอยู่ในวงเหล่าจอมยุทธ..ที่กำลังฟัดเหวี่ยงกันอยู่...และคอยจ้องว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำเพื่อเราจะได้สวมรอย....ซึ่งหลังจากเหล่าจอมยุทธได้แลกพลังกันอยู่ซักพัก..ก็ลงเอยด้วยต่างคนต่างได้แผลไปคนละแผลสองแผล....ส่วนเม็ดแตงนั้นก็ยังไม่ได้ลดละจากสายตาของเรา....และด้วยใจพิศวาสอยากได้มาเชยชม....จึงขอเจ้าของใหม่ปลดเปลื้องอาภรณ์ของเม็ดแตงนั้นออกมาเพื่อยลโฉม....แรกดูด้วยตาเปล่า...สวยจริงๆ...สวยกว่าของเราที่มีอยู่มาก...หน้าตาก็ดูเหมือนกันยังกับฝาแฝด(ในใจคิดแท้ไปเกือบครึ่ง)...ตามหลักของการดูเหรียญ...พลิกดูที่ขอบเหรียญ...เออ..มีรอยตัดขอบด้วย.....แต่ในใจก็คิดอยู่ว่าทำไมจอมยุทธท่านนั้นจึงมาเพลี่ยงพล้ำให้ง่ายดายขนาดนี้...ทั้งๆที่เป็นจอมยุทธเดินสายที่ผ่านยุทธจักรมาอย่างโชกโชน....จากนั้นจึงได้ลงกล้องดู....ความรู้สึกทะแม่งๆเริ่มปรากฎขึ้นในความคิด...พร้อมกับคำสอนของพี่อุ้งซึ่งเปรียบเสมือนอาจารย์ในเรื่องของการดูธรรมชาติได้เคยกล่าวไว้ว่า.."หากลงกล้องแล้วขัดกับความรู้สึก..หรือใจมีความรู้สึกว่าทะแม่งๆ..ให้พึงระลึกไว้ก่อนว่าสิ่งนั้นไม่ค่อยดี"...จึงได้วางเม็ดแตงลงด้วยความเสียดายและจากมาด้วยใจร้อนรน..... ถึงสำนัก....รีบเรียกพลังโดยการหยิบเม็ดแตงที่ตนเองมีอยู่....พร้อมลงกล้อง...เออ...หน้าตาเหมือนกันเดะ...หลังเหมือนกันเดะ...แต่ขัดตรงตัวหนังสือด้านหลังจะเลือนหน่อย...แต่ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า...เออน่า...มีเหรียญชัดและไม่ชัด.....เม็ดตาของเค้าและของเราก็กลมดิ๊กเหมือนกัน...รอยเขยื้อนก็เหมือนกัน....เอ...ใจมันคึกคักนึกอยากได้ในความรู้สึกเข้าแล้ว...และด้วยความอยากนี่เอง..จึงรีบกดเบอร์โทรฯไปถามเจ้าของว่าเปิดไว้เท่าไหร่...พร้อมได้รับคำตอบที่น่าทึ่ง....สี่พันห้าร้อยชั่งขาดตัวด้วยเพราะความสนิมสนม......ใจหนึ่งลิงโลด...อีกใจกลับฉุกคิดอีกครั้ง...อ้าว...ยุทธจักรพากันถวิลหาด้วยราคาอันสูงลิ่ว....หากจะว่าสนิมสนมกันหรือเพราะเค้ากำลังนั่งควายแทนนั่งรถเพื่อรอการตก...ก็เป็นไปได้ยาก...เนื่องจากเทคโนโลยีที่เค้าดูอยู่เป็นประจำ....จึงย้อนกลับไปพร้อมขอนำมาดูอีกครั้ง.....โดยขอเวลา 15 นาที....และก็ถึงบางอ้อ..!!! 1.ด้านหน้าของเหรียญเม็ดแตง...แท้จะคม ชัด ลึก......ส่วนของเลียนแบบจะเบลอๆหน่อยในความรู้สึก....แต่รอยเขยื้อนแทบจะเหมือนกันเดะ 2.ด้านหลัง...แท้ตัวหนังสือจะคม กลมดิ๊ก...คล้ายเส้นขนมจีน....ส่วนของเลียนแบบจะลีบกว่าและเลือนๆ......แต่รอยแตกของตัวหนังสือและรอยเขยื้อนไปทางขวาตรงขอบเหรียญเหมือนกันเดะ 3.ความเก่าโดยพื้นสีของเหรียญ.....แท้จะออกแดงคล้ำๆ...สีจะออกไปทางสีมะขามเปียก....กระแสจะแดงแบบทะมึนๆ...ส่วนของเลียนแบบจะคล่ำคล่าด้วยการหมัก...หากแต่เนื้อในกระแสจะออกแดงคล้ายลวดสายไฟ 4.ดูขอบเหรียญ...แท้จะบาง ส่วนของเลียนแบบจะหนากว่าเล็กน้อย...ย้ำนะขอรับ...เล็กกว่าเล็กน้อยเท่านั้น!.....หากไม่เคยเห็นของจริง....น่าจะไปทางเค้า...ชัวร์ 5.ท้ายสุด....ปรมาจารย์ด้านเหรียญได้ให้คัมภีร์อยู่บทหนึ่งว่า..."แท้-เก๊ของเหรียญจบที่ขอบเหรียญ".....เป็นจริงดั่งท่านว่า...รอยตัดขอบของของแท้และของเลียนแบบจะไม่เหมือนกัน ดังนั้น....หากเหรียญนี้อาภรณ์ไม่สามารถปลดเปลื้องได้ และผ่านการหมักมาจนได้ที่...ซึ่งไม่อาจสัมผัสได้เพราะอยู่ในกรอบพลาสติก....วันนั้นกระผมคงไปทางเค้า...เหมือนกัน!!! ท้ายสุด....จึงได้นำเม็ดแตงอันสวยสดงดงามนั้น...กลับคืนให้แก่เจ้าของเดิม พร้อมอำลาแบบไม่อาลัย....กับคำพูดที่อยู่ในใจว่า...."เกือบไปแล้วตู...เฮ้อ!" |

