
พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นสากหัก
บทความพระเครื่อง เขียนโดย jcainfo
เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า พระเครื่องและวัตถุมงคลทุกรุ่นที่ปลุกเสกโดย “หลวงปู่ทิม อิสริโก” อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ อ. บ้านค่าย จ.ระยอง ล้วนมีพุทธคุณ “ครอบจักรวาล” ทั้งเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ โชคลาภ ค้าขาย แคล้วคลาด คงกระพันและมหาอุด ซึ่งผู้ที่นำไปบูชาได้มีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเครื่องที่สร้างจาก “ผงพรายกุมาร” อันแสนวิเศษสุดพิสดาร สูงล้ำด้วยพุทธคุณและเทวคุณ ตามที่หลวงปู่ท่านเคยพูดไว้ว่า “พระอย่างเดียวช้า ต้องให้ผีช่วย”
ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อหลวงปู่ทิมนั้น ก็คือเมื่อปี พ.ศ. 2528 ตอนนั้นผมอยู่ชั้น ม.2 ผมอ่านหนังสือพระเครื่องเล่มหนึ่ง แล้วเห็นโฆษณาศูนย์พระเครื่องลงให้เช่า “พระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ. ระยอง ราคา 3,000 บาท” ตอนนั้นผมเริ่มสะดุดและติดใจว่า “ผงพรายกุมาร” คืออะไร ก็ได้หาข้อมูลจนได้ทราบว่าคือผงวิเศษที่ได้จากกะโหลกศีรษะเด็กที่ตายในท้องแม่ แล้วทำพิธีพลีกะโหลกนั้นมาเผาแล้วตำเป็นผง โดยพระผู้ทรงอภิญญาชั้นสูงต้องบวชวิญญาณของเด็กที่พลีกะโหลกนั้นให้กลายเป็น “พรายกุมารมหาภูติ” ซึ่งมีสถานะเป็นกึ่งเทพกึ่งภูติ ตามที่หลายๆ ท่านได้ทราบกันดีอยู่แล้ว โดยพระอริยสงฆ์ในประเทศไทยที่สามารถทำเช่นนี้ได้โดยพรายให้แต่คุณไม่มีโทษนั้น มีเพียง 2 รูปคือหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่และหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
ในขณะนั้นผมเองมีความรู้สึกกึ่งเลื่อมใสศรัทธา กึ่งกลัว และมีคำถามในใจตามประสาเด็กผู้ยังอ่อนด้อยทั้งในความรู้และความคิดว่า “ทำไมพระ ต้องมีภูติ” อยู่ด้วย และราคาก็แพงเกินกว่านักเรียนชั้นมัธยมต้นจะเช่าบูชาได้ ก็เลยไม่ได้เช่าและเมื่อเวลาผ่านไป ผมก็ยังเห็นชื่อ “หลวงปู่ทิม” แต่ก็ไม่ได้สนใจ โดยยังเดินหน้าศึกษาพระเครื่องสายต่างๆ โดยเฉพาะหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี ที่ผมนับถือเนื่องจากพ่อแม่เป็นคนเพชรบุรี และหลวงพ่อแดงได้คุ้มครองผมมาโดยตลอด เกิดประสบการณ์มากมาย ทางแคล้วคลาด คุ้มครองป้องกันภัย
ในขณะที่ศึกษาพระเครื่องจนเวลาผ่านไป 20 กว่าปีนั้น พระของหลวงปู่ทิม ได้ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ด้วยความนิยมที่สะท้อนออกมาเป็น “มูลค่า” ราคาเช่าบูชาที่แพงขึ้น โดยเฉพาะพระกริ่งชินบัญชร เหรียญเจริญพร และ พระขุนแผนผงพรายกุมาร ที่ผมสนใจ ในขณะที่พระเครื่องของหลวงปู่พิมพ์อื่นๆ ยังมีราคาไม่แพงนัก เช่น เมื่อขณะที่มีกระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพอย่างมากนั้น เหรียญนาคปรกไตรมาสสวยๆ ยังหาได้ในราคาเพียง 3,000 – 5,000 บาท แต่ผมก็ยังไม่สนใจ
เมื่อผมเก็บพระสายที่ผมชื่นชอบได้มากมายตามที่ต้องการแล้ว ผมก็เกิดความรู้สึกต้องการเสาะแสวงหาพระสายที่มีพุทธคุณสอดคล้องกับยุคสมัยในปัจจุบันนี้ คือเน้นเมตตามหานิยม เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า โชคลาภและค้าขาย ซึ่งพระสายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันหลายๆ สาย เช่น สายภาคกลางตอนบน ไม่สามารถตอบโจทย์ของผมได้ และจากการศึกษาหาข้อมูล คำตอบเดียวของผมคือ “หลวงปู่ทิม” วัดละหารไร่
แต่ผมมาคิดได้ช้าไป พระของหลวงปู่ทิมมีราคาแพงมากจนมนุษย์เงินเดือนอย่างผมไม่สามารถเอื้อมถึง ผมจึงทำการศึกษาและวิเคราะห์จนได้ข้อสรุปในการเก็บเช่าหาบูชาพระสายหลวงปู่ทิม 2 ประการคือ พระที่หลวงปู่ทิมปลุกเสก แต่ออกต่างวัด และ พระที่สร้างโดยมูลนิธิหลวงปู่ทิม ที่มีอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์เอกคนสุดท้ายของหลวงปู่ทิม เป็นประธานมูลนิธิ ซึ่งผมก็ได้เริ่มเก็บโดยการประมูลจากเว็บเพื่อนบ้าน ขอแบ่งจากพี่ๆ ที่ทำงานซึ่งเป็นศิษย์สายหลวงปู่ทิม จนเก็บได้เกือบทุกรุ่นที่มีปัญญาเอื้อมถึง แต่ก็ยังมีความใฝ่ฝันอยากได้พระขุนแผนผงพรายกุมาร ที่ราคานั้นไม่อาจแม้แต่จะฝัน ถามว่าทำไมผมถึงยังต้องการบูขาพระพิมพ์ขุนแผน คำตอบคือในบรรดาพระผงพิมพ์ต่างๆ ของหลวงปู่ทิม มีเพียงพระพิมพ์ขุนแผนเท่านั้นที่ “พ่อพราย” มีตัวมีตน สามารถเรียกพ่อพรายให้ช่วยเหลือเราได้ โดยพระพิมพ์อื่น แม้ว่าจะมีผงพรายกุมารผสมอยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีพ่อพรายเป็นตัวเป็นตน ผงพรายกุมารที่ผสมอยู่นั้นเพียงช่วยเร่งให้เห็นผลต่างๆ เร็วขึ้น ที่สำคัญคือผมขจัดความกลัวและคำถามว่า “ทำไมพระถึงต้องมีพราย” ที่อยู่ในใจสมัยเด็กๆ ออกไปหมดแล้ว
จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2551 พี่ที่ทำงานซึ่งเรียกได้ว่า “สายตรง” และสนิทสนมกับอาจารย์ชินพรแนะนำให้ผมเก็บพระขุนแผนรุ่น “สากหัก” ที่ “พี่ชิน” (ตามที่พี่ท่านนั้นเรียก) ได้สร้างเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2546 เพื่องานทอดกฐินที่วัดพงเสลี่ยง จ.สุโขทัย ในวันที่ 25 ตุลาคม 2546 เมื่อผมถาม |

