
ประวัติอำเภอศิลาลาด
บทความพระเครื่อง เขียนโดย หมอบ้านทุ่ง
ณ ปีมะโรง พ.ศ. 2424 พระยาวิเศษภักดี ( โท ) ได้มีใบบอกกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตยกฐานะบ้านโนนหินกองเป็นเมืองราษีไศลขึ้นตรงกับเมืองศรีสะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งพระพลราชวงศา ( จันศรี ) เป็นพระประจญปัจนึก เจ้าเมืองราษีไศลคนแรก ถือศักดินา 800 ไร่ โปรดเกล้า ฯ ตั้งหลวงแสง ( จัน ) เป็นหลวงหาญศึกพินาศปลัดเมือง ให้ท้าวคำเม็กเป็นหลวงพิฆาตไพรียกกระบัตรเมือง การตั้งชื่อเมืองว่า “ ราษีไศล ” ก็เพราะเมื่อก่อนที่ตั้งมีหินกองอยู่จำนวนมาก ซึ่งคำว่า “ ราษี ” แปลว่า งาม , งดงามและ “ ไศล ” แปลว่า “ หิน ” เมื่อนำมาแปลรวมกันจึงมีความหมายว่า “ เมืองที่มีก้อนหินสวยงาม ” ปี พ.ศ. 2438 ได้ย้ายเมืองไปตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองคงริมฝั่งแม่น้ำมูล ณ ตั้งที่ว่าการอำเภอราษีไศลในปัจจุบัน การย้ายเมืองในครั้งนั้นไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดเล่าต่อกันมาว่ามีสาเหตุเนื่องจากเกิดโรคระบาด จึงมีการย้ายเมือง ซึ่งรวมถึงราษฎรที่อาศัยอยู่บ้านท่าลาดด้วย เมื่อโรคระบาดยุติลงได้มีราษฎรบางส่วนอพยพกลับมาอยู่ ณ ที่ตั้งบ้านเดิม คือ ที่บ้านเมืองเก่า หมู่ที่ 4 ส่วนบ้านท่าลาดได้เปลี่ยนชื่อใหม่เรียกว่า “ บ้านสงยาง ” ในปัจจุบันได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 5 และ 11 ตำบลกุง ในปี พ.ศ. 2539 ทางราชการได้ตระหนักถึงความเดือดร้อน และความยากลำบากของราษฎร ในการติดต่อขอรับบริการจากทางราชการ จึงได้มีมติจัดตั้งกิ่งอำเภอขึ้นโดยขอแยกออกจากอำเภอราษีไศล ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้อนุมัติให้จัดตั้งกิ่งอำเภอขึ้น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 โดยตั้งชื่อว่า “ กิ่งอำเภอศิลาลาด ” ซึ่งคำว่า “ ศิลา ” แปลว่า “ หิน ” และ “ ลาด ” แปลว่า “ เอียงลงหรือขึ้นทีละน้อย ” เมื่อนำมาแปลรวมกันจึงมีความหมายว่า “ เมืองที่มีก้อนหินลาดเอียง ” และเมื่อปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปีเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา จึงได้มีพระราชกฤษฎีกาให้ ยกฐานะจาก “ กิ่งอำเภอศิลาลาด ” เป็น “ อำเภอศิลาลาด ” ในปัจจุบัน คำขวัญประจำอำเภอ แหล่งข้าวหอมมะลิชั้นเลิศ ถิ่นกำเนิดเมืองเก่า ทางเข้าทุ่งกุลา มีปลาหลากหลาย มากมายประเพณี สามัคคีเลิศล้ำ ลุ่มลำน้ำเสียว ประวัติบ้านแต้ บ้านแต้ ตำบลกุง อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ เดิมเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ได้ย้ายถิ่นฐานโดยการอาศัยวัวเทียมเกวียนและเดินเท้ามาจากตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2410 จำนวน 8 ครอบครัว โดยการนำของนายหลวงโคต |