แร่บางไผ่ วัดนครอินทร์ - webpra

แร่บางไผ่ วัดนครอินทร์

บทความพระเครื่อง เขียนโดย Mongkhol

Mongkhol
ผู้เขียน
บทความ : แร่บางไผ่ วัดนครอินทร์
จำนวนชม : 2854
เขียนเมื่อวันที่ : พ. - 02 มี.ค. 2554 - 13:59.50
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

เป็นความเชื่อมายาวนานแล้วครับว่า แร่บางไผ่ เป็นแร่ที่มีลักษณะเหมือนกับมีชีวิต กล่าวคือแร่บางไผ่สามารถกินอาหาร น้ำคาวปลา เศษเนื้อ ฯลฯ สามารถเลี้ยงไว้ได้และก็สามารถตายได้เช่นเดียวกัน  

ว่ากันว่าถ้าเรานำแร่บางไผ่มาแช่น้ำไว้ จะทำให้แร่บางไผ่อยู่ในสภาพที่มีเนื้อแร่เหล็กอยู่ แต่ถ้านำแร่บางไผ่ขึ้นมาไว้บนบกและตากแดดไว้นานๆ แร่บางไผ่ก็จะตาย..

ลักษณะการตายของแร่บางไผ่คือเนื้อแร่เหล็กจะหายไปและกลายสภาพเป็นเหมือนก้อนอิฐก้อนหินธรรมดา 

ดังนั้นการที่จะเลี้ยงก้อนแร่บางไผ่ให้มีแร่เหล็กอยู่ได้นั้นจึงจำเป็นที่จะต้องแช่น้ำไว้และเลี้ยงไว้ด้วยน้ำคาวปลา เศษเนื้อ เศษหมู แร่บางไผ่นั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ได้....... 

ที่สำคัญยิ่งคือแร่บางไผ่นี้มีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย คือในคลองบางคูลัด จังหวัดนนทบุรี

มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า หลวงปู่จัน ท่านเป็นชาวเขมรโดยกำเนิด เมื่อท่านได้ออกบวชและธุดงค์จาริกแสวงบุญจากเขมรมายังเมืองไทย

สมัยที่หลวงปู่จันมาใหม่ๆนั้นได้มีเสียงร่ำลือจากชาวบ้านละแวกนั้นว่า มีพระเขมรสององค์ องค์หนึ่งเก่งทางด้านรักษาโรค อีกองค์หนึ่งเก่งทางด้าน เวทมนต์คาถา ชื่อเสียงของพระทั้งสององค์นี้โด่งดังไปทั่วอำเภอบางบัวทอง 

ในยุคสมัยนั้นการคมนาคมทางรถยนต์ยังไม่สะดวก ต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรไปมา การรักษาโรคภัยไข้เจ็บและการบรรเทาทุกข์ทางใจในเรื่องต่างๆของชาวบ้านจึงต้องอาศัยพระในการช่วยเหลือ  

ต่อมาเมื่อวัดโมลีได้ขาดเจ้าอาวาส ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันนิมนต์พระเขมรองค์ที่มีความเก่งทางด้านวิชาอาคมคือ พระภิกษุจัน ขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่สาม ของวัดโมลี ตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี

หลวงปู่จัน เป็นพระที่มีวิชาอาคมกล้าแข็งสามารถล่องหนย่นระยะทางได้ ว่ากันว่าวิชาการสัก วิชาการลงกระหม่อมและอาบว่านยาที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทให้แก่ลูกศิษย์สามารถสร้างความอยู่ยงคงกระพันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ชาวบ้านทั้งใกล้และไกลในท้องที่นนทบุรีต่างให้ความเคารพนับถือในตัวท่านมาก  

โดยในแต่ละวันจะมีผู้คนเข้าไปขอความเมตตาจากท่านช่วยลงกระหม่อมให้ หรือบางคนก็ขอให้ท่านช่วยสักยันต์และที่น่าแปลกใจที่สุดสำหรับชาวบ้านคือการย่นระยะทางหรือการแบ่งภาคไปปรากฏกายตามสถานที่ต่างๆโดยที่ตัวท่านเองยังนั่งอยู่ที่วัด 

โดยปกติท่านมักจะขึ้นล่องระหว่างวัดโมลีกับสถานที่แห่งหนึ่งเป็นประจำ การไปของท่านแต่ละครั้งท่านมักจะนำเอาก้อนแร่ชนิดหนึ่งติดเรือกลับมาด้วย สำหรับก้อนแร่นั้นได้มีผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยเห็นได้เล่าไว้ว่า

มีลักษณะเหมือนก้อนกรวด ตะปุ่มตะป่ำ สีแดงอมน้ำตาลคล้ายกับเหล็กเป็นสนิม... 

เมื่อท่านได้ก้อนแร่มาแล้ว ท่านก็จะรวบรวมเอาไว้เพื่อเลี้ยงให้เกิดการงอกตัวขึ้นในตุ่มพิเศษของท่าน และเมื่อมีเวลาว่างหลวงปู่จันท่านจะนำเทียนขี้ผึ้งมาปั้นเป็นหุ่นเทียนรูปทรงพระปิดตา โดยมีพระหัตถ์คู่หนึ่งยกปิดพระพักตร์ อีกคู่หนึ่งล้วงลงปิดทวารด้านล่าง 

จากนั้นท่านจึงได้ปั้นเทียนออกเป็นเส้นเล็กๆ เหมือนเส้นขนมจีนแต่เล็กกว่า และบรรจงดัดโค้งให้เป็นอักขระต่างๆ แล้วประดับติดเข้าไปกับเนื้อพระจนกระทั่งเต็มครบสูตรตามความต้องการของท่าน

หุ่นเทียนรูปพระปิดตาดังกล่าวจะถูกนำมาไล้พอกด้วยดินนวลตามกรรมวิธีของช่างหล่อโบราณและต่อชนวนสำหรับเทโลหะเป็นอันเสร็จการ ในกระบวนขั้นตอนการสร้างทั้งหมด

ส่วนที่ลำบากที่สุดก็คือการขึ้นรูปพระและการประดับอักขระลงไป เพราะจะต้องปั้นและประดับติดที่ละองค์จนกระทั่งสำเร็จครับ 

ขั้นตอนต่อไปคือการเทหล่อรูปพระตามแบบ หลวงปู่จันท่านจะทำการเทแร่ที่ท่านได้เลี้ยงเอาไว้ลงในเบ้าหลอมพร้อมกับวัตถุอาถรรพ์ตามตำราของท่าน เตาหลอมที่ร้อนแรงได้ทำให้แร่หรือวัตถุทั้งหมดละลายกลายเป็นน้ำ ท่านจึงได้นำน้ำแร่ที่ละลายนั้นเทลงในช่องชนวนที่ได้ต่อไว้ตั้งแต่แรก 

น้ำแร่ที่มีความร้อนสูงได้ลงไปในหุ่นเทียนไล่เทียนขี้ผึ้งทั้งหมดให้ละลายและอยู่แทนที่ในช่องว่างตรงนั้น เมื่อน้ำแร่เย็นตัวลงก็จะจับตัวขึ้นรูปเป็นพระปิดตาตามที่ได้ปั้นไว้แต่แรก ซึ่งในการหลอมแร่บางไผ่นั้นช่วงจังหวะที่ยากที่สุดก็คือการสะกดโลหะต่างๆให้ละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน 

จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วครับ ที่แร่บางไผ่ถูกลืมหายไปจากความทรงจำ ทั้งนี้เนื่องจากหลังสิ้นบุญของหลวงปู่จัน ก็ไม่มีผู้ใดสามารถค้นพบแหล่งที่มาของแร่บางไผ่อีกเลย..... 

ว่ากันว่า ความทรงจำของเรานั้น จริงๆไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูกเก็บไว้รอวันเปิดออกมา..........

วันหนึ่ง...พระอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกโข แห่ง วัดนครอินทร์อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ท่านได้มีความคิดที่จะสร้างพระขึ้นจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ซึ่งจะเท่ากับจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เพื่อบรรจุเจดีย์ของวัดนครอินทร์ไว้สืบอายุพระพุทธศาสนา โดยท่านได้กำหนดแบบพิมพ์ไว้จำนวน ๔ พิมพ์ หนึ่งในสี่ของพิมพ์นั้นคือ...  

พิมพ์พระปิดตาแร่บางไผ่ ของหลวงปู่จัน วัดโมลี  

พระอาจารย์สมศักดิ์เล่าให้พวกเราฟังว่า ท่านได้เดินทางไปหาพระปรีชานนทโมลี เจ้าอาวาสวัดโมลี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่จันเป็นเจ้าอาวาสและได้เคยสร้างพระแร่บางไผ่ เพื่อสอบถามเรื่องแร่บางไผ่จนได้ความว่า...

ครั้งหนึ่งในสมัยที่พระปรีชานนทโมลี ยังเป็นสามเณรอายุราว ๑๓ ปี ท่านได้เคยช่วย หลวงตาเชื้อ สูบเตาไฟถลุงแร่บางไผ่และท่านเองก็เคยได้ยินว่าแร่บางไผ่มีอยู่ที่ คลองบางคูลัด กับที่นา มหาอัน ซึ่งท่านเองก็ไม่รู้ว่าแร่นี้อยู่ที่ไหนเพราะตัวท่านไม่เคยไปขุด คงช่วยแต่สูบไฟถลุงแร่อยู่ที่วัดเท่านั้น 

ด้วยข้อมูลอันน้อยนิด แต่เปรียบเสมือนประกายของเปลวไฟได้ประทุขึ้นจนกลายเป็นดวงไฟอันลุกโชน...

พระอาจารย์สมศักดิ์จึงได้เดินทางไปกับลูกศิษย์อีก ๕ คนเพื่อค้นหาแร่บางไผ่ตามที่ได้ยินมาจากพระปรีชานนทโมลี เรื่องค่อนข้างยาวครับ เอาเป็นขอสรุปรวบรัดการค้นหาในเบื้องต้นได้ว่า.....

พระอาจารย์สมศักดิ์ได้เดินทางไปจนพบที่นา มหาอัน และได้เก็บเศษแร่เล็กๆ ซึ่งท่านคาดว่าน่าจะเป็นแร่บางไผ่กลับมาศึกษาดูที่วัด 

บนเส้นทางแห่งการแสวงหาขุมทรัพย์แร่บางไผ่ หลายครั้งที่ทุกคนท้อแท้เกือบจะหมดหวังและหลายเวลาที่ท้อแท้กลับมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น เรื่องราวที่เสมือนจะเป็นตำนานก็กลายมาเป็นเรื่องจริง...

พระอาจารย์สมศักดิ์ได้สอบถาม คุณยายจรูญ เดชขจร เจ้าของบ้านที่มีอายุ ๘๐ ปี ว่า... 

ประวัติที่มาของกองดินคล้ายเจดีย์กลางทุ่งนาและโคกร้างนั้นมีมาอย่างไร.... 

คุณยายเล่าให้ฟังว่า..... 

ฉันเกิดมาจำความได้ก็เห็นอย่างนี้ พ่อแม่เล่าว่า โคกร้างและกองดินกลางนานั้นเป็นของ หลวงปู่จัน เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหรือไถทิ้งหรอก... 

ที่กองดินกลางทุ่งนานั้น วันดีคืนดีก็มีแสงไฟพุ่งขึ้นมา และที่โคกร้างนั้นก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครกล้าขึ้นไปเล่น เจ้าที่แรง เด็กขึ้นไปเล่นก็ชักอยู่บนนั้น บางทีเห็นแมวตัวโตวิ่งขึ้นไปและไม่รู้หายไปไหน หาเท่าไรก็ไม่เจอ ชาวบ้านบางคนไปหากบหาปลา เจอกบตัวใหญ่ผิดปกติ เกิดความกลัว ไม่กล้าเข้าไปบริเวณนั้นอีก...

จากคำเล่าของคุณยายจรูญ เดชขจร ทำให้คุณดิเรก นึกไปถึงตำนานของหลวงปู่จัน แห่งวัดโมลีขึ้นมาได้... 

หลวงปู่จัน ท่านพายเรือมาร่อนแร่ และเก็บแร่ที่คลองบางคูลัด และได้เข้ามาจอดเรือในที่แห่งหนึ่ง เพื่อมาหาแร่ทั้งในคลองและในทุ่งนา แร่ที่หามาได้ก็นำมาถลุงที่ริมคลองและนั่นก็คือบริเวณที่ดินแห่งนี้นั่นเอง..... 

นอกจากความดีใจที่ได้ค้นพบสถานที่ตามตำนานแล้ว  คุณดิเรก ถึงฝั่ง ยังได้เขียนถึงเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นระหว่างการงมหาแร่อีกว่า.... 

ท่านอาจารย์สมศักดิ์ ฐิตสกโข ได้สั่งให้คณะที่ติดตามมารออยู่ที่ริมคลอง ส่วนท่านและผมได้เดินมาที่โคกร้างแห่งนี้.... 

ท่านอาจารย์สมศักดิ์ ได้จุดธูปเทียนบูชาเจ้าที่เจ้าทางและลงนั่งสมาธิ ขออำนาจบารมีแห่งหลวงปู่จันและเจ้าที่เจ้าทางให้คณะของเราได้ค้นพบแร่บางไผ่ เพื่อนำไปสร้างเป็นพระเครื่องในโอกาสต่อไป.... 

ด้วยสมาธิที่แน่วแน่ของพระอาจารย์สมศักดิ์ สักครู่ฝนก็ตกลงมาเป็นละอองเล็กๆ นับเป็นมิ่งมงคลอย่างยิ่ง...

หนึ่งชัวโมงให้หลัง พระอาจารย์สมศักดิ์ได้บอกพวกเราว่า ให้เริ่มงมหาแร่ได้แล้ว โดยแบ่งคนกระจายกันงมทั้งในคลองบางคูลัดในทุ่งนาที่อยู่ติดกับคลองรอบๆ บริเวณพื้นดินที่เป็นรูปเจดีย์  พวกเราช่วยกันงมแร่ทั้งในคลองและในนาอยู่หลายชั่วโมง ได้แร่บางไผ่มาเป็นจำนวนมาก ที่น่าแปลกก็คือ..... 

เหตุใดแร่บางไผ่จึงมีอยู่เฉพาะบริเวณนี้และตัวแร่ก็กระจายอยู่ทั่วไปในลำคลองและบริเวณทุ่งนา บางก้อนก็หมกโคลนอยู่...

 พวกเราช่วยกันงมช่วยกันเก็บอย่างสนุกสนาน ยิ่งเก็บแร่ก็ยิ่งวิ่งมาชนมือมากขึ้น เป็นที่ประหลาดนัก วันนี้งมแร่ได้ถึง ๑๐ ถัง เป็นที่ปราบปลื้มยิ่งนัก....

โดยทุกครั้งก่อนที่จะออกเดินทางพวกเขาเหล่านั้นจะทำพิธีสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนาแผ่เมตตาเพื่อทำให้ใจบริสุทธิ์...และสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจกันมากก็คือว่า...

เมื่อวานก็งมแร่แถวนี้จนหมดแล้ว แต่พอมางมในวันใหม่ตรงที่เดิมก็สามารถงมพบอีกเรื่อยๆ

จนวันหนึ่ง(๒๘ กันยายน ๒๕๓๖) ไม่ว่าจะงมอย่างไรก็ไม่สามารถค้นหาได้ เรียกว่างมจนอ่อนอกอ่อนใจไปตามๆกันแหละครับ ร้อนถึงพระอาจารย์สมศักดิ์ท่านต้องตัดสินใจนั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนาขอบารมีของหลวงปู่จันและเจ้าที่เจ้าทาง 

ทันใดนั้นก็เกิดพายุใหญ่ พัดกระโชก ฝนตกลงมาขนาดใหญ่อย่างกะทันหัน ทุกคนวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่น แต่พระอาจารย์สมศักดิ์ท่านยังคงนั่งภาวนาตากฝนอยู่ตรงที่เดิม

หนึ่งชัวโมงผ่านไปฝนเริ่มหยุด พระอาจารย์สมศักดิ์ท่านจึงสั่งให้ทุกคนเริ่มลงมือค้นหาใหม่ คราวนี้แหละครับ งมตรงไหน จิ้มลงตรงจุดใด เป็นอันได้เจอ

แร่ทั้งหมดที่ค้นพบและอนุมานว่าใช่แร่บางไผ่นี้ ได้มีการตรวจสอบและทดสอบ ทั้งจากตำราโบราณ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ และจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของแร่บางไผ่

ไม่ว่าจะใช้กรอบความคิดอันไหน ทฤษฏีอะไร ตรรกะแนวไหน ผลลัพธ์ที่ได้คือคำว่า ใช่ โดยก้อนแร่รูปร่างประหลาดๆทั้งหมดนี้เขาเรียกกันว่า แร่บางไผ่และเป็นแร่ที่หลวงปู่จัน ท่านใช้สร้างพระแร่บางไผ่ อันเกรียงไกรในอดีต...

แร่บางไผ่ วัดนครอินทร์
แร่บางไผ่ วัดนครอินทร์
Top