
ประวัติ หลวงปู่แจ้ง วัดใหม่สุนทร
บทความพระเครื่อง เขียนโดย tengklang
บทความ : ประวัติ หลวงปู่แจ้ง วัดใหม่สุนทร
จำนวนชม : 17509
เขียนเมื่อวันที่ : จ. - 16 พ.ค. 2554 - 14:29.54
แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ : จ. - 16 พ.ค. 2554 - 14:34.25
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)
พระอรุณธรรมโสภณ
(แจ้ง ฉินฺนมนฺโท) อดีตเจ้าคณะอำเภอกิตติมศักดิ์อำเภอโนนสูง และเจ้าอาวาสวัดใหม่สุนทร ชื่อ แจ้ง ดวงกลาง ชาติภูมิ บ้านขาม ตำบลขามสะแกแสง อำเภอโนนสูง (ปัจจุบันเป็นอำเภอขามสะแกแสง) จังหวัดนครราชสีมา ชาติกาล วันอังคาร ที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๐ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ฉศก จุลศักราช ๑๒๕๔ บิดา นายอ้าย ดวงกลาง มารดา นางเทศ ดวงกลาง ญาติพี่น้อง ร่มสายโลหิต ๙ คน ๑. นายเพ็ชร ๒. นายทุย ๓.นางบุญ ๔.นางดวล ๕. นายแสง ๖. นายสวน ๗. นางสุก ๘. นางใส ๙. พระอรุณธรรมโสภณ (หลวงปู่แจ้ง) อาชีพ ท่านเจริญรอยตามวงศ์ตระกูลซึ่งเป็นชาวนา เลี้ยงสัตว์ เป็นเจ้าของวัวฝูงใหญ่ มีฐานะปานกลาง เป็นศิลปินเจ้าของวงมโหรีดนตรีพื้นบ้านของชาวโคราช อุปนิสัย ท่านมีนิสัยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารี มีเมตตาสงสารคนตกทุกข์ได้ยาก ชอบตักบาตรทำบุญ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง บุหรี่ไม่สูบ สุราไม่เสพ การพนันไม่เล่น ตั้งสัจจะไม่ยอมตนเป็นลูกเขยใคร มีใจน้อมไปในการบวชตั้งแต่อายุได้ ๑๗ ปี การศึกษาในวัยเยาว์ เมื่อเป็นเด็กเรียนหนังสือวัด มีทั้งพระและฆราวาส ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้สอนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม อาศัยเป็นคนที่มีนิสัยดี สติปัญญาดี เรียนเก่ง จึงเป็นที่ชอบของครูอาจารย์ ประกอบกับเป็นคนมีความตั้งใจสูงไม่ยอมอยู่หลังใคร จึงอ่านเรียนเขียนเลขจบการศึกษาแบไม่มีประกาศนียบัตรก่อนใครๆ ชีวิตในวัยหนุ่ม เมื่อสำเร็จการศึกษาออกจากวัดมาประกอบอาชีพช่วยบิดามารดา เสร็จหน้านาก็รับงานมโหรีดนตรีปี่พาทย์ไปในงานพิธีตามสถานที่ต่างๆ บางครั้งไปถึงจังหวัดขอนแก่น หมดหน้างานก็ช่วยเลี้ยงวัวและทำนาด้วยความขยันขันแข็ง เป็นที่หมายตาของสตรีและผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน แต่ท่านยังไม่ใฝ่ใจคิดในเรื่องของการครองเรือน อยู่จนมารดาถึงแก่กรรม ท่านก็ยังอยู่ช่วยบิดาทำกิจการในครอบครัว เมื่อบิดาแบ่งทรัพย์สินไร่นาทรัพย์สมบัติให้พี่ทั้ง ๘ คนแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่ยกให้ท่าน แต่ท่านมีจิตใจน้อมไปในการบวช จึงยกทรัพย์สินไร่นาและสมบัติส่วนของท่านให้พี่ๆ และส่วนหนึ่งยกให้สาธารณสมบัติ ส่วนเครื่องมฆรีปี่พาทย์ยกให้แก่ลูกวงตามถนัดและความต้องการแล้วไปบอกกับน้าให้พาไปหาอุปัชฌาย์ บรรพชาอุปสมบท วันเสาร์ ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๘ (แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีฉลู) ณ พัทธสีมาวัดบ้านขาม พระครูมัชฌิมานุรักษ์ (ทอง) วัดบ้านขาม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ วัดบ้านขาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์จันทร์ วัดบ้านขาม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ประชุมสงฆ์ ๒๕ รูป ได้นามฉายาว่า “ฉินฺมนฺโท” เมื่ออุปสมบทแล้วปฏิบัติรับใช้อุปัชฌาย์อาจารย์ที่วัดบ้านขาม พร้อมกับตั้งใจเรียนหนังสือสวดมนต์ คัมภีร์เทศนาต่างๆ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในภาษาขอมทั้งสิ้น ท่านจึงต้องเรียนหนังสือใหญ่สูตรมูลกัจจายน์จนจบสิ้นแล้ว ต้องการเรียนรู้ปริยัติธรรมควบคู่กับการปฏิบัติให้สูงขึ้น แต่ที่วักบ้านขามมี ท่านจึงขออนุญาตให้ครูบาอาจารย์ฝากเข้าไปเรียนต่อในสำนักวัดบึง ในเมืองนครราชสีมา ซึ่ง ณ ที่นั้นมีพระผู้ใหญ่หลานรูปที่เคยเรียนร่วมกัน อาทิ เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ พระอรรถจารีสีมาจารย์ (คง) วัดบูรพ์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และพระปทุมญาณมุนี (หลวงปู่เขียว) วัดบึง นครราชสีมา เป็นต้น ภายหลังท่านย้ายไปอยู่วัดบูรพ์ เพื่อช่วยแล่งเบาภาระงานภายในวัด ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเป็นเจ้าอาวาส ต่อมาท่านได้จำพรรษาอยู่กรุงเทพฯ ระยะหนึ่ง ตามวัดที่เพื่อนสหธรรมิกคุ้นเคยกัน เช่น วัดพระเชตุพน วัดมหาธาตุ วัดชำนิหัตถการ วัดปากน้ำ ฯลฯ แล้วท่านเจ้าคุณ พระอรรถจารสีมาจารย์ ก็มีจดหมายนิมนต์กลับมาอยู่ช่วยงานอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างที่กลับมาอยู่วัดบูรพ์ครั้งหลังนี้ ท่านเป็นผู้รู้จักโดยทั่วไปของหมู่สงฆ์และญาติโยมในฐานะที่เป็นพระนักเทศน์ ทั้งเทศนาโวหาร เทศน์ปุจฉา เทศน์อานิสงส์ รวมทั้งเทศน์แหล่ทำนองเสนาะเพราะพริ้ง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังทั่วไป นอกจากนั้น ได้เป็นที่ปรึกษาในการหาฤกษ์พานาทีช่วยเจ้าคณะจังหวัด ในการทำน้ำมนต์เสกเส้นฝ้าย ทำพระผงดำรูปกลีบบัวถวายเจ้าคุณอรรถฯ และหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่ด่านขุนทด เพื่อนำไปแจกจ่ายทหารทหารที่ไปสงครามอินโดจีน ต่อมาพระอุปัชฌาย์ทอง วัดบ้านขาม มรณภาพลง ชาวบ้านขามจึงนิมนต์ท่านไปอยู่ช่วยบูรณะวัดที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์ให้กลับคืนสู่สภาพที่ดีดังเดิม แล้วได้ย้อนกลับไปเรียนทางปฏิบัติกัมมัฏฐานในสำนักอาจารย์ที่มีชื่อหลายวัด เช่น หลวงพ่อมี (ภายหลังได้เป็นพระครูญาณโสภิต) วัดป่าสูงเนิน และพระภาวนาโกศล (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) เป็นต้น ต่อมา ทางอำเภอโนนสูงขาดพระผู้ใหญ่ เจ้าคระจังหวัดจึงมีจดหมายนิมนต์ให้ท่านลับคืนมาอยู่ที่โนนสูง เมืองโคราชบ้านเกิด เพื่อให้รับตำแหน่งพระสังฆาธิการ บริหารการวัดและการคระสงฆ์ ตำแหน่งหน้าที่การงาน การปครอง พ.ศ.๒๔๘๒ - เป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่สุนทร ตำบลโนนสูง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.๒๔๘๔ - เป็นเจ้าคณะอำเภอโนนสูง พ.ศ.๒๔๘๖ - เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.๒๕๒๐ - เป็นเจ้าคณะอำเภอกิตติมศักดิ์อำเภอโนนสูง งานศึกษา พ.ศ.๒๔๘๒ - เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดใหม่สุนทร - เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม - เป็นกรรมการตรวจนักธรรมสนามหลวง พ.ศ.๒๔๘๔ - เป็นกรรมการสอบธรรมสนามหลวง งานเผยแผ่ พ.ศ.๒๔๗๐ - เป็นพระธรรมกถึก พ.ศ.๒๔๘๔ - เป็นพระอาจารย์ฝึกสอนพระธรรมกถึก พ.ศ.๒๕๐๘ - เป็นหัวหน้าพระธรรมทูต ฝ่ายอำนวยการอำเภอโนนสูง งานพัฒนาวัด ที่วัดบ้านขาม ตำบลขามสะแสง (อำเภอขามสะแกแสง ในปัจจุบัน) จังวัดนครราชสีมา พ.ศ.๒๔๗๘ - บูรณปฏิสังขรณ์กุฎีสงฆ์และศาลาการเปรียญที่ชำรุดทรุดโทรมให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี พ.ศ.๒๔๘๔ - ขุดสระน้ำขนาดใหญ่ และสร้างสวนป่า สวนผลไม้ พ.ศ.๒๔๙๐ - ก่อสร้างกุฎีสงฆ์ พ.ศ.๒๔๙๔ - ก่อสร้างศาลการเปรียญ ที่วัดใหม่สุนทร ตำบลโนนสูง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.๒๔๘๒ - ก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุตามลำดับต่อเนื่องดังนั้น ๑.กุฎีสงฆ์ ๒.หอสวดมนต์ ๓.ศาลการเปรียญ ๔.ศาลปฏิบัติธรรม ๕.ศาลาปริวาสกรรม ๖.ลานปฏิบัติธรรม ๗.เจดีย์ที่บรรจุสังขาร ๘.ศาลโรงช้างโรงเสือ ที่ปฏิสันถาร ๙.อุโบสถ ๑๐.ฌาปนสถาน ๑๑.ซุ้มประตูวัด ๑๒.กำแพงวัด ๑๓.ปลูกต้นไม้และสร้างสวนป่าภายในวัด ๑๔.สร้างถนนภายในวัด ๑๕.ขุดสระน้ำขนาดใหญ่ งานสังคมสงเคราะห์ พ.ศ.๒๔... - บริจาคที่ดินสำหรับสร้างโรงเรียนมัธยมขามสะแกแสง โรงพยาบาลขามสะแกแสง และที่ว่าการอำเภอขามสะแกแสง พ.ศ.๒๕๓๔ - จัดตั้งมูลนิธิศรัทธาพระครูพินิจยติกรรม (หลวงปู่แจ่ง ฉินฺมนฺโท) จดทะเบียนด้วยเงินทุนเริ่มต้น ๑,๐๑๖,๐๐๐ บาท หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นหกพันบาทถ้วน) โดยพลตรีเรวัต บุญทับ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๓ เป็นประธานมูลนิธิ พ.ศ.๒๕๓๕ - สร้างตึกสงฆ์อาพาธ และเครื่องมือแพทย์โรงพยาบาลโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา สิ้นเงิน ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ล้านห้าแสนบาทถ้วน) สมณศักดิ์ พ.ศ.๒๔๘๐ - เป็นพระสมุห์ ฐานานุกรมพระอรรถจารสีมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.๒๔๙๐ - เป็นพระครูที่ พระครูพินิจยติกรรม เจ้าคณะอำเภอชั้นตรี พ.ศ.๒๔๙๘ - เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ในราชทินนามเดิม พ.ศ.๒๕๐๑ - เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม พ.ศ.๒๕๑๓ - เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม พ.ศ.๒๕๓๕ - เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอรุณธรรมโสภณ เกียรติคุณ - ตามชีวประวัติบอกถึงความเป็นศิลปินสาขามโหรีปี่พาทย์ - มีอุปนิสัยใฝ่เรียน ใฝ่รู้ ใฝ่ดู ใฝ่เห็น สิ่งที่ประคุณเป็นประโยชน์ - เป็นพระนักเทศน์นักสอน ฝีปากคมคารมกล้า เจ้าบทเจ้ากลอน - เป็นพระนักสร้างสรรค์พัฒนาศาสนา วัดวาอาราม และสังคม - เป็นพระชื่นชมยินดีในสมณเพศ สมณธรรม และสมณวิสัย - เป็นพระใจถึง เข้าถึงวิปัสสนาวิชาธรรมกาย สามารถถอดกายทิพย์ได้ตามที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญพร่ำสอน - เป็นพระเกจิอาจารย์ สร้งเสกวัตถุมงคลมากรุ่นมากชนิดมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์เคารพนับถือบูชาทั้งพระสงฆ์ คหบดี พ่อค้า ประชาชน ครูอาจารย์ ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ทั่วราชอาณาจักร อาพาธ ปกติเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง มาค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยถึงล้มหมอนเสื่อ มีบ้างก็เล็กน้อยธรรมดา พ.ศ.๒๕๒๐ เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา พ.ศ.๒๕๓๐ อาพาธด้วยโรคชรา พ.ศ.๒๕๓๒ อาพาธถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดใส้ติ่งอักเสบ พ.ศ.๒๕๓๓ อาพาธด้วยโรคปวดเมื่อยตามข้อ พ.ศ.๒๕๓๕ อาพาธหนักด้วยโรคชรา มรณภาพ วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๕ เวลา ๐๑:๒๐ น. ณ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา สิริรวมอายุ ๙๕ ปี พรรษา ๖๗ ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก ประวัติเจ้าคุณอำเภอโนนสูง สำนักงานเจ้าคณะอำเภอโนนสูง วัดหนองหว้า
|

