เสกโลกุตระ
บทความพระเครื่อง เขียนโดย wison
(ขอฝากบทความนี้ ให้หลวงพี่......เข้ามาอ่านครับ) ช่วงพรรษาที่ ๑๐-๑๗ อาตมาย้ายไปอยู่ที่ วัดสุคนธาวาส ต.พรุพี อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ได้ทราบข่าวว่าที่ จ.สุราษฎร์ธานีมีความทุกข์ยากมาก มีการยิงฆ่ากันตายระหว่างคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลและชาวบ้าน ทีแรกก็ยังไม่อยากไป พอไปอยู่ที่วัดชายนาวันหนึ่งหัวหน้าผู้ก่อการร้ายได้ส่งคนไปลอบฆ่าอาตมาที่ วัดชายนา แต่ถูกจับได้เสียก่อนและสารภาพหมดว่าเขาส่งมาฆ่า เพราะฉะนั้นก็บุกเขาดีกว่า บุกให้หมดเลย ไหน ๆ เขาก็จะทำลายพระพุทธศาสนาเราแล้ว ก็เลยออกจากวัดชายนา อาตมาออกจากวัดชายนาไปอยู่วัดสุคนธาวาส ต.บ้านนาสาร เพื่อช่วยหลือชาวบ้าน จำเป็นต้องมาอยู่เพื่อช่วยเหลือคนให้รอดตาย สละชีวิตไปแล้วว่าต้องโดนหนักแน่ อาตมาก็ไปหา หลวงพ่อคล้าย ให้ช่วยปลุกเสกให้ยิงไม่ออกจะปราบปืนให้หมดเลย มันกำลังยิงกันอยู่ มีแต่ที่เขาเขาจะฆ่าอาตมา แล้วพวกเราที่เป็นชาวพุทธก็ตายไปเรื่อย จำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้แบบใดแบบหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่ต้องจับอาวุธ เอาธรรมาวุธ ไปขอให้หลวงพ่อคล้ายท่านช่วยปลุกเสกของช่วยป้องกันให้ยิงไม่ออก หลวงพ่อคล้ายท่านบอก " แล้วทำอย่างไร หลวงพ่อ คนตายกันมาก อุบาสกในวัดนี้คนสำคัญตายแล้ว ถูกยิงตายไปแล้ว" ท่านก็บอกว่า " เออ มันเกิดมาฆ่ากันจริงๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า เอายิงไม่ถูกดีกว่า ถูกไม่เข้าและเข้าก็ไม่ตาย " อาตมาก็ว่า " หลวงพ่อ ผมอยากได้ยิงไม่ออก " ท่านบอกว่า " ยิงไม่ออกปืนก็เสีย มันมีค่า เอายิงไม่ถูก ถูกไม่เข้า เข้าไม่ตาย เถอะ " อาตมาก็ตอบตกลงว่า " เอ้า ตกลง ผมเอาแล้วครับหลวงพ่อครับ ผมทำเองมันเสื่อม ทำอย่างไรล่ะ ถ้าผมรับประกันแล้ว เขายังตาย มันเสื่อม ผมเสกทำมาแล้วไม่ได้ผล " ท่านบอกว่า " โลกุตระซิ " อาตมาก็ถามว่า " เอ๊ โลกุตระมีหรือหลวงพ่อ การปลุกเสกมันเดรัจฉานวิชา " ท่านบอกว่า " คุณอย่าพูดเดรัจฉานวิชามันหนักไป คำพูดนั้นเสกโลกุตระ มันไม่เสื่อม เอาไปฝังในดินก็ได้ไม่เสื่อม ใส่กางเกงก็ไม่เสื่อมหรอก โลกุตระ " อาตมาก็ถามท่านอีกว่า " เอ หลวงพ่อเป็นอย่างไรโลกุตระ " ท่านตอบว่า " คุณทำกรรมฐานเป็นอาจารย์วิปัสสนา ทำไมไม่เข้าใจโลกุตระ " อาตมาตอบท่านว่า " ผมเข้าใจวิปัสสนา แต่ผมไม่เข้าใจปลุกเสก " แล้วท่านบอกอย่างนี้ว่า " เอาผ้าเช็ดหน้ามาผืนหนึ่ง ผ้าเช็ดปากของท่านก็ได้ เสกนี่ไหม เอาเสกนี่ ให้นึกว่า ว่างหมดในผ้านี้ ว่างๆ ๆ ๆ ไม่มีอะไรทั้งหมด ว่าหมด ไม่มีใครปลุกเสก ไม่มีใครถูกฆ่า ไม่มีใครเบียดเบียนกัน พอจิตว่าบริสุทธิ์ ไม่มีใคร ไม่มีผู้หญิงไม่มีผู้ชาย ไม่มีตัวเราแล้วเสกอะไรก็ได้ "อาตมาถามว่า " แล้วหลวงพ่อเสกอะไร เมื่อจิตหลวงพ่อเป็นโลกุตระว่างแล้ว จนเป็นโลกุตระ หลวงพ่อเสกอะไร ท่านบอกว่า " พุทธัง อะระหังพุทโธ ธัมมัง อะระหังพุทโธ สังฆัง อะระหังพุทโธ เท่านั้นเอง ก็ให้เข้าโลกุตระ ถ้าคุณเสกประจำ คุณเป็นพระอรหันต์ด้วยในชาตินี้ "โอ้จริง อาตมาเข้าใจแล้ว เชื่อทันทีเพราะว่าเสกด้วยความว่างหมด ไม่มีกิเลส ท่านบอกว่า " ผมก็แก่แล้ว ผมจะอยู่ไม่นาน ผมจะบอกคาบให้คุณ " คำว่า " คาบ " คือการเสกให้ว่าง ในผ้านี้ พอจิตแวบนึกไปหาใครจะจบคาบเลย จะเสกต่อไปไม่ได้ พอเรานั่งทำว่างอยู่ พอจิตถึงเรื่องหมู ว่าหมู หมูอรหันต์ๆ ๆ ใช้ไม่ได้ ถ้านึกถึงผู้หญิง ว่าผู้หญิงอรหันต์ๆ ๆ มันเข้ามาทั้งผู้หญิงอรหันต์อยู่ ใช้ไม่ได้ พอจิตว่างบริสุทธิ์ดีก็ว่า ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น เสร็จแล้วก็ยกให้เขาไป นั่นแหละโลกุตระไม่เสื่อม ถ้าหากว่าไม่ใช่กรรมเก่าเขาก็ไม่เป็นอะไร พอหลวงพ่อคล้ายบอกให้อาตมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาตมาก็บอก " หลวงพ่อไม่ต้องอธิบายมาก ผมเข้าใจ " อาตมาดีใจมากทีเดียว คืออาตมาทำถูกแล้ว แล้วก็ถามอีกเพื่อให้แน่ใจ เอากระดาษมาแล้วพูดกับท่านว่า " หลวงพ่อครับกระดาษนี่มันบางนะครับผมนึกว่าจิตอยู่ในกระดาษนี้ ละเอียดที่สุด แกร่งที่สุด แข็งที่สุดแล้วแคล้วคลาดที่สุด อย่างนี้ถูกไหมครับหลวงพ่อครับ "ท่านตอบว่า " ถูกๆ ๆ ใช้ได้แล้ว กระดาษมันไม่มีความหมายหรอก แต่ว่าอำนาจจิตมันมีความหมาย "อ๋อ อย่างนั้นดีใจ อาตมาลุกขึ้นรีบกลับจะมาช่วยคน สักประเดี๋ยวหลวงพ่อท่านก็ให้ โกล้วน ตามมา บอกให้กลับไปหาท่านอีกโกล้วนบอกว่า " ท่านอาจารย์ หลวงพ่อบอกให้ไปเร็วๆ "เอ๊ะ สงสัยหลวงพ่อท่านจะให้อะไรเป็นของดี คิดว่าฟันหรืออะไรของท่านสักอย่าง ดีใจ พอไปถึง ท่านก็ถามว่า" คุณดีใจมากไหม " อาตมาตอบว่า " ครับผมดีใจ " ท่านว่า " ไม่ได้ ดีใจไม่ได้ คุณต้องฝึกโลกุตระ ดีใจมันเป็นโลกีย์ ไม่ได้คุณต้องฝึกใหม่ " อาตมาถามว่า " ทำอย่างไรหลวงพ่อ " ท่านสอนให้ว่า " ก็คุณอย่าดีใจสิแล้วคุณอย่าเสียใจนะ ทำใจให้ดีให้ว่าง " อาตมารับปากว่า " ครับผมไม่เสียใจ " ท่านบอกว่า " มาๆ ๆ " พอเข้าไปถึง ท่านให้คุกเข่าลงที่ตัก แล้วเอามือตบลงที่หัวอาตมาแล้วบอกว่า " คุณระวังใจให้ดีนะ " อาตมาตอบ " ครับผมระวังแล้วผมไม่เสียใจหรอก แต่ยังดีใจอยู่ " ท่านบอกว่า " นี่ยังดีใจอยู่ล่ะ ถ้าดีใจกับเสียใจมันคู่กันนะ " อาตมาตอบอีกว่า " จริงครับผมดีใจ " ท่านบอกอีกว่า " เอ้อ คุณอย่าดีใจ อย่าเสียใจ ทำใจให้เป็นกลาง คุณทำจิตให้ว่างสิ " อาตมาก็นึกว่าดีใจก็ไม่เอา ว่างๆ ๆ แล้วบอกกับหลวงพ่อว่า " หลวงพ่อครับจิตว่างแล้ว ไม่ดีใจแล้ว ว่างแล้ว " ท่านบอกว่า " ที่คุณเอาไปเสกช่วยเหลือไม่ให้ถูกยิงตายนั้นดีครับ คุณช่วยไว้คุณมีบุญด้วย คุณช่วยได้ด้วย แต่ที่จะช่วยไม่ได้น่ะคือ อนันตริยกรรม ฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำลายพระสงฆ์ ทำลายผู้มีศีล ฆ่าผู้มีศีล ทำลายพระโพธิสัตว์ ไม่มีเครื่องรางของขลังใดในโลกช่วยได้ โลกุตระก็ช่วยไม่ได้ พระโมคคัลลานะตีมารดากระดูกหัก ต้องใช้กรรม ได้ถูกโจรตีทั้งที่เป็นเอตทัคคะบุคคล ก็ไม่พ้นนะคุณ " |