ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่ - webpra

ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่

บทความพระเครื่อง เขียนโดย namkemtemtalay

namkemtemtalay
ผู้เขียน
บทความ : ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่
จำนวนชม : 1689
เขียนเมื่อวันที่ : ส. - 11 มิ.ย. 2554 - 23:16.50
(คลิ๊กที่ชื่อผู้เขียนผู้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เขียน)

หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ เป็นบุตรของ นายสอน นางยม ประถมบุตร มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๑๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่   ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านค้อ ตำบลกำแพง      อำเภออุทุมพร-พิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวัยเด็กท่านมีอุปสรรคทางการศึกษามาก จึงได้เรียนหนังสือไทย ประถม  ก.กา   เพียงชั้นประถม   และช่วยครอบครัวทำนามาจนถึงอายุได้ ๒๑ ปี  จึงอุปสมบทที่วัดสำโรงน้อย  ตำบลหนองห้าง  อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพระครูเทวราชกวิวรญาณ  เป็นพระอุปัชฌาย ์  พระอาจารย์ใบฎีกาชม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหมมาเป็นพระอนุสาสนาจารย์ ได้รับฉายา สุภฺทโท มีความหมายว่า ผู้ประพฤติงาม
                   หลังเข้าพิธีอุปสมบทเพียง ๒ สัปดาห์ โยมมารดาได้ล้มป่วยหนักและเสียชีวิตลง ทำให้ท่านต้องช่วยเป็นธุระจัดการงานศพมารดาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนไปอยู่จำพรรษาวัดบ้านค้อ ตำบลกำแพง ผ่านพ้นวันออกพรรษา บรรดาญาติพี่น้องได้มาเกลี้ยกล่อมให้ท่านลาสิกขา แต่ท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตปุถุชน ตั้งใจอุทิศชีวิตให้บวรพระพุทธศาสนา แสวงหาทางหลุดพ้นทุกข์ ต่อมา    ท่านตัดสินใจเดินทางไปวัดทุ่งไชย      เพื่อไปศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์ มูล กัจจายน์ เป็นเวลา ๒ เดือน ก่อนเดินทางต่อไปที่วัดบ้านยางใหญ่ ตำบลเมืองแคน อำเภอราษีไศล   จังหวัดศรีสะเกษ ฝากตัวเป็นศิษย์กับ พระอุปัชฌาย์สายเจ้าอาวาส เพื่อขอเรียนบาลีและคัมภีร์มูลกัจจายน์ พระ อุปัชฌาย์สาย เอ็นดูลูกศิษย์คนนี้มาก ด้วยผลการเรียนเป็นที่น่าพอใจ ท่านเรียนได้ดี ทั้งในการแปลภาษาบาลีเป็นประโยคคล่องแคล่ว         และใส่สัมพันธ์ด้วย เริ่มตั้งแต่การสนธิ เป็นต้นไป     หลังจากนั้นได้กราบนมัสการ ลาท่านอาจารย์ไปเรียนบาลีไวยากรณ์ ที่วัดหลวงเมืองอุบล    จังหวัดอุบลราชธานี    พร้อมกับเรียนนักธรรมชั้นโทด้วยครั้งอยู่มาในวันที่๒๔มิถุนายน    พ.ศ.๒๔๘๑ ท่านได้ดำรง  ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพงพรต   ตำบลหนองห้าง  อำเภออุทุมพรพิสัย  จังหวัดศรีสะเกษท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพงพรตต่อมาไม่นาน ก็ได้ดำริว่า คันถธุระไม่เป็นของพ้นทุกข์ มีแต่ธรรมปฏิบัติเท่านั้น จึงออกเดินทางไปศึกษาด้านสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทราบว่าท่านอาจารย์มั่น  ภูริทัตตเถระ  จำพรรษาอยู่จังหวัอุบลราช-ธานี  จึงออกเดินทางไปพบท่าน  ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาพื้นฐานงานวิปัสสนากัมมัฏฐาน กับท่านอยู่ระยะหนึ่ง  ต่อมาจึงได้กลับมาอุทุมพรพิสัยอีกครั้งและจำวัดที่วัดสระกำแพงใหญ่ขณะนั้นมีพระอุปัชฌาย์คำเป็นเจ้าอาวาส กำลังร่วมกันสร้างสาธารณูปโภคอยู่หลายอย่าง เป็นเหตุให้ญาติโยมได้โอกาส อาราธนานิมนต์ให้อยู่เป็นแรงงานสำคัญ  มีการสร้างรอยพระพุทธบาทจำลอง  วิหารลอย ที่ว่าการอำเภออุทุมพรพิสัย  สถานีตำรวจ และสถานีอนามัย โดยมีนายพวง สีบุญลือ นายอำเภออุทุมพรพิสัยขณะนั้น เป็น แม่แรงใหญ่ฝ่ายฆราวาส จนกระทั่งที่ว่าการอำเภออุทุมพรพิสัย และสิ่งก่อสร้างดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ทางอำเภอและประชาชนได้จัดงานฉลองขึ้นใหญ่โตโด่งดังไปทั่ว ส่วนท่านเองยังต้องการแสวงหาทางด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน ต้องการศึกษาในชั้นสูงสุดต่อไป

                   พอเสร็จงานฉลองจึงบอกลาญาติโยมออกเดินธุดงค์ไปจังหวัดลพบุรีได้พักที่สำนักหลวงปู่คำมี  พุทฺธสาโร เพื่อศึกษาธรรมปฏิบัติได้สมาทาน ธุดงควัตร  ถือกัมมัฏฐาน  ทำสมาธิ  ได้รับรสธรรมจากหลวงปู่คำมี  ปลื้มอกปลื้มใจ ปีติเยือกเย็น และสงบใจลงไปมาก หลังจากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดต่างๆ เมื่อไปถึงวัดป่าสระพง อำเภอ  สูงเนิน  จังหวัดนครราชสีมา  สมาทานธุดงควัตรแล้วเดินทางไปยังถ้ำสบม่วง (ซับมืด) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งเป็นถ้ำมีอากาศ หนาวเย็นอยู่ในเขาและป่าทึบ พร้อมกับเพื่อนพรหมจรรย์อีก  รูป ได้อยู่บำเพ็ญกัมมัฏฐานภายในถ้ำนั้นหลายเดือน จึงเกิดเป็นไข้ป่าทุกรูป รักษาไม่หายถึงกับมรณภาพลงในถ้ำนั้นไป  รูป หลวงปู่เครื่องกับเพื่อน อีกรูปแยกทางกันไปท่านเองปีนเขาขึ้นมาตามเถาวัลย์ ไปพบฝรั่งที่ควบคุมงานก่อสร้างถนนมิตรภาพ อยู่ขณะนั้น ได้ยามา  เม็ดกินก็หายป่วยจากนี้ได้เดินธุดงค์ ไปจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ไปแห่งใดก็มีญาติโยมพุทธบริษัทให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง นำข้าวปลาอาหาร มาทำบุญมากมาย แต่ท่านก็ไม่ติดที่อยู่ เดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เดินทางเข้ากรุงเทพไปขอเรียนวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมงคลมุนี วัดปากน้ำ อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี  ตั้งใจทำสมาธิประพฤติแนววิชาธรรมกายอยู่  วัน ก็อำลาจากไป เจ้าคุณพระเทพมงคลมุนีถึงกับประกาศในหมู่ศิษย์ของท่านว่า   หลวงปู่เครื่องได้บรรลุวิชาธรรมกายแล้วอำลาจากไป จากนั้นท่านก็ตั้งใจปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานตามป่า ถ้ำ ภูเขา อีกหลายแห่งด้วยความมุ่งมั่นมานะพยายามอย่างเต็มที่ ได้พบภาพนิมิตต่างๆ มากมาย เป็นงูบ้าง เป็นเสือ เป็นช้าง จะเข้ามาทำร้ายภาพนิมิตประหลาด ๆ พิกลพิการไม่เคยเห็น มาก่อน แต่ท่านไม่กลัวไม่หวาดหวั่น  ควบคุมสติพิจารณา พยายามตีความด้วยปัญญา สามารถรู้ไปถึงอริยสัจธรรมแก่นแท้ได้ตราบถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านจึงเดินทางกลับมาตุภูมิอีกครั้ง และได้รับอาราธนาให้อยู่ที่วัดสระกำแพงใหญ่ ต่อมา ท่านก็รับเป็นเจ้าอาวาสตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

สาธารณประโยชน์ที่หลวงปู่ได้สร้างไว้

พ.ศ.๒๔๗๙ ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนทางปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีไวยากรณ์ขึ้นที่วัดพงพรตและได้ก่อสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ  โบสถ์  หอระฆังจนเสร็จเรียบร้อย และได้สร้างบ่อน้ำขนาดใหญ่     ก่อด้วยอิฐหน้าวัวไม่ต้องใช้ปูนซีเมนต์ให้ชาวบ้านได้ดื่มและใช้อยู่ เท่าทุกวันนี้
     
พ.ศ.๒๕๑๒ ได้จัดตั้งโรงเรียนพุทธมามกะเยาวชน
     
พ.ศ.๒๕๑๕ ได้จัดตั้งโรงเรียนผู้ใหญ่ขึ้น สำหรับพระภิกษุสามเณรสอนระดับ ๓-๔

        พ.ศ.๒๕๒๘ สร้างตึกผู้ป่วยโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ 
     
พ.ศ.๒๕๓๘ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
     
พ.ศ.๒๕๔๑ สร้างโรงเรียนสระกำแพงวิทยาคม เป็นอาคาร ๒ ชั้น พร้อมอุปกรณ์
     
พ.ศ.๒๕๔๒ สร้างโรงเรียนพงพรต อาคาร  ชั้น ที่ตำบลหนองห้าง 
     
พ.ศ.๒๕๔๔ สร้างห้องสมุดโรงเรียนบ้านหนองหัวหมู อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
     
พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นประธานก่อสร้างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษาสำหรับพระภิกษุสงฆ์ แห่งแรกในจังหวัดศรีสะเกษ  ด้วยการซื้อที่ดินและก่อสร้างบริเวณบ้านสระกำแพงใหญ่   ต.สระกำแพง  อำเภออุทุมพรพิสัย
          ขณะเดียวกัน หลวงปู่เครื่องได้ทำนุบำรุงพัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า ด้วยถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างภายในวัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ เมรุ กำแพงวัด ซุ้มประตู ฯลฯ
            วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่เครื่อง คณะศิษยานุศิษย์ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง พ่อค้า ประชาชน ที่ให้ความเคารพและศรัทธาหลวงปู่อย่างแรงกล้านับแสนคน จะพากันเดินทางไปวัดสระกำแพงใหญ่ เพื่อร่วมกันอวยพรวันคล้ายวันเกิดและขอพรอันเป็นสิริมงคลไม่เคยขาด กระทั่งกลายเป็นงานใหญ่ แม้ว่าหลวงปู่จะไม่ต้องการให้จัดเอิกเกริกใหญ่โต แต่ปฏิเสธศรัทธาของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์มิได้
                   หลวงปู่เครื่อง ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ถือสันโดษ ไม่ยินดีในตำแหน่งและสมณศักดิ์สงฆ์ แม้ท่านจะได้รับการเสนอให้เป็น ท่านก็ไม่ยอมรับ คุณความดีของท่านเป็นที่นิยมเลื่อมใสศรัทธา เห็นจากความนิยมในวัตถุมงคลของท่าน ที่มีส่วนเสริมสร้างเป็นทุนในงานก่อสร้างศาสนวัตถุ อันจะเป็นสิ่งที่จะคงอยู่ให้ลูกหลานได้ ได้สร้างประโยชน์ ในกาลต่อไป

              ช่วง บั้นปลายชีวิตของหลวงปู่เครื่อง มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง เป็นโรคไต โรคปอดติดเชื้อ โรคความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรคด้วยกัน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำกระทั่งเมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 28 ก.ค. หลวงปู่เครื่องก็ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกสงฆ์พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี สิริอายุ 98 พรรษา 78 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและคณะศิษยานุศิษย์เป็น อย่างยิ่ง แม้ว่าหลวงปู่เครื่องจะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนากิจมาตลอดชีวิตจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ชาว เมืองศรีสะเกษและชาวอีสานใต้จดจำตลอดไป

2011-06-11


 

ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่
ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่
Top