
ประวัติหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท (เทพเจ้าแดนดอกลำดวน)วัดสระกำแพงใหญ่
บทความพระเครื่อง เขียนโดย namkemtemtalay
หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ เป็นบุตรของ นายสอน นางยม ประถมบุตร มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๑๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๔ ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านค้อ ตำบลกำแพง อำเภออุทุมพร-พิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวัยเด็กท่านมีอุปสรรคทางการศึกษามาก จึงได้เรียนหนังสือไทย ประถม ก.กา เพียงชั้นประถม ๒ และช่วยครอบครัวทำนามาจนถึงอายุได้ ๒๑ ปี จึงอุปสมบทที่วัดสำโรงน้อย ตำบลหนองห้าง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพระครูเทวราชกวิวรญาณ เป็นพระอุปัชฌาย ์ พระอาจารย์ใบฎีกาชม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์พรหมมาเป็นพระอนุสาสนาจารย์ ได้รับฉายา สุภฺทโท มีความหมายว่า ผู้ประพฤติงาม พอเสร็จงานฉลองจึงบอกลาญาติโยมออกเดินธุดงค์ไปจังหวัดลพบุรีได้พักที่สำนักหลวงปู่คำมี พุทฺธสาโร เพื่อศึกษาธรรมปฏิบัติได้สมาทาน ธุดงควัตร ถือกัมมัฏฐาน ทำสมาธิ ได้รับรสธรรมจากหลวงปู่คำมี ปลื้มอกปลื้มใจ ปีติเยือกเย็น และสงบใจลงไปมาก หลังจากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ ไปยังจังหวัดต่างๆ เมื่อไปถึงวัดป่าสระพง อำเภอ สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา สมาทานธุดงควัตรแล้วเดินทางไปยังถ้ำสบม่วง (ซับมืด) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นถ้ำมีอากาศ หนาวเย็นอยู่ในเขาและป่าทึบ พร้อมกับเพื่อนพรหมจรรย์อีก ๕ รูป ได้อยู่บำเพ็ญกัมมัฏฐานภายในถ้ำนั้นหลายเดือน จึงเกิดเป็นไข้ป่าทุกรูป รักษาไม่หายถึงกับมรณภาพลงในถ้ำนั้นไป ๓ รูป หลวงปู่เครื่องกับเพื่อน อีกรูปแยกทางกันไปท่านเองปีนเขาขึ้นมาตามเถาวัลย์ ไปพบฝรั่งที่ควบคุมงานก่อสร้างถนนมิตรภาพ อยู่ขณะนั้น ได้ยามา ๖ เม็ดกินก็หายป่วยจากนี้ได้เดินธุดงค์ ไปจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ไปแห่งใดก็มีญาติโยมพุทธบริษัทให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง นำข้าวปลาอาหาร มาทำบุญมากมาย แต่ท่านก็ไม่ติดที่อยู่ เดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เดินทางเข้ากรุงเทพไปขอเรียนวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อเจ้าคุณพระเทพมงคลมุนี วัดปากน้ำ อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ตั้งใจทำสมาธิประพฤติแนววิชาธรรมกายอยู่ ๓ วัน ก็อำลาจากไป เจ้าคุณพระเทพมงคลมุนีถึงกับประกาศในหมู่ศิษย์ของท่านว่า หลวงปู่เครื่องได้บรรลุวิชาธรรมกายแล้วอำลาจากไป จากนั้นท่านก็ตั้งใจปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานตามป่า ถ้ำ ภูเขา อีกหลายแห่งด้วยความมุ่งมั่นมานะพยายามอย่างเต็มที่ ได้พบภาพนิมิตต่างๆ มากมาย เป็นงูบ้าง เป็นเสือ เป็นช้าง จะเข้ามาทำร้ายภาพนิมิตประหลาด ๆ พิกลพิการไม่เคยเห็น มาก่อน แต่ท่านไม่กลัวไม่หวาดหวั่น ควบคุมสติพิจารณา พยายามตีความด้วยปัญญา สามารถรู้ไปถึงอริยสัจธรรมแก่นแท้ได้ตราบถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านจึงเดินทางกลับมาตุภูมิอีกครั้ง และได้รับอาราธนาให้อยู่ที่วัดสระกำแพงใหญ่ ต่อมา ท่านก็รับเป็นเจ้าอาวาสตลอดมาจนถึงปัจจุบัน สาธารณประโยชน์ที่หลวงปู่ได้สร้างไว้ พ.ศ.๒๔๗๙ ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนทางปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีไวยากรณ์ขึ้นที่วัดพงพรตและได้ก่อสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ โบสถ์ หอระฆังจนเสร็จเรียบร้อย และได้สร้างบ่อน้ำขนาดใหญ่ ก่อด้วยอิฐหน้าวัวไม่ต้องใช้ปูนซีเมนต์ให้ชาวบ้านได้ดื่มและใช้อยู่ เท่าทุกวันนี้ พ.ศ.๒๕๒๘ สร้างตึกผู้ป่วยโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ช่วง บั้นปลายชีวิตของหลวงปู่เครื่อง มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง เป็นโรคไต โรคปอดติดเชื้อ โรคความดันโลหิตสูง และอีกหลายโรคด้วยกัน ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำกระทั่งเมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 28 ก.ค. หลวงปู่เครื่องก็ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกสงฆ์พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท) โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี สิริอายุ 98 พรรษา 78 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและคณะศิษยานุศิษย์เป็น อย่างยิ่ง แม้ว่าหลวงปู่เครื่องจะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนากิจมาตลอดชีวิตจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ชาว เมืองศรีสะเกษและชาวอีสานใต้จดจำตลอดไป 2011-06-11
|

