
ประมูล หมวด:เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
เหรียญรุ่นแรกท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ วัดบางโทรัด พ.ศ.๒๔๙๓ จ.สมุทรสาคร
ชื่อพระเครื่อง | เหรียญรุ่นแรกท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ วัดบางโทรัด พ.ศ.๒๔๙๓ จ.สมุทรสาคร |
---|---|
รายละเอียด | ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ เดิมชื่อพ่อเจิม คุณาบุตร เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2434 ตรงกับวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่หมู่ที่ 8 ตำบลบางโทรัด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หมู่บ้านเกิดของท่านเดิมเรียกว่า "บ้านบน" เพราะอยู่เหนือวัดขึ้นไปท่านพ่อเป็นบุตรคนที่ ๒ ของปู่แพ คุณย่านุ่ม คุณาบุตร มีพี่และน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 6 คน คือนางสาวเจือ คุณาบุตร พ่อเจิม คุณาบุตร แม่จียม คุณาบุตร (หรือบุญเลี่ยม) พ่อแถบ คุณาบุตร พ่อพ้อง คุณาบุตร และ พ่อยอด คุณาบุตร ชีวิตเมื่อเยาว์วัยของท่านพ่อตามคำบอกเล่าของพ่อแถบ คุณาบุตร ว่าท่านสงบเสงี่ยม และสามารถอดกลั้นต่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีเป็นเยี่ยม เมื่ออายุได้ ๑๑ ปี ได้ไปเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อเพชร เจ้าอาวาสวัดตรีจินดาราม (วัดสามจีน) สมุทรสาคร พออายุได้ ๑๔ ปี จึงได้ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อสมุห์เทศ วัดใหญ่บ้านบ่อ สมุทรสาคร เพื่อเรียนหนังสือต่อในชั้นสูงขึ้นไปอีก เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรเมื่อท่านเรียนหนังสือได้สูงขึ้นหลวงพ่อเห็นว่าเป็นเด็กดีมีแวว ทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาดกว่าเพื่อน หมดความรู้ที่อาจารย์จะสอน จึงได้แนะนำให้มาศึกษาต่อกับอาจารย์ทองดี (เปรียญ) ที่วัดบางพลีใหญ่ เหนือบ้านเกิดขึ้นไปอีกตำบลหนึ่ง ท่านพ่อได้ศึกษาภาษามคธ-บาลี ทั้งเรียนหนังสือขอมไปด้วย ท่านพ่อบวชเป็นสามเณรอยู่จนอายุ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงจัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ ณ วัดบางพลีใหญ่นั่นเอง พระอุปัชฌาย์ของท่านพ่อ คือหลวงพ่อนิล วัดตึก สมุทรสาคร หลวงพ่อเทศ หลวงพ่อนิตย์ วัดใหญ่บ้านบ่อเป็นกรรมวาจาจารย์ เมื่อท่านพ่ออุปสมบทแล้ว ญาติโยมได้นิมนต์ให้มาอยู่ที่สำนักสงฆ์บางโทรัด เพราะใกล้บ้าน โปรดญาติโยมได้สะดวก สำนักสงฆ์บางโทรัดปู่แพ ย่านุ่ม คุณาบุตร ซึ่งเป็นโยมบิดามารดา เป็นผู้สร้าง จึงต้องการให้ท่านพ่อมาดูแลและบูรณะให้ดีขึ้นไปอีก เมื่อท่านพ่อย้ายมาอยู่ตามความตั้งใจของ โยมบิดามารดา สำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระอยู่ 2 หรือ 3 รูปเท่านั้น กุฏิก็โย้เย้แทบจะพังมิพังอยู่แล้ว โบสถ์ที่จะใช้ทำสังฆกิจก็ไม่มี เมื่อท่านพ่อมาอยู่สำนักนี้ ท่านก็ได้สร้างหรือซ่อมสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม ให้ดีขึ้นและใช้การได้ต่อไป เมื่ออยู่ได้ 3 พรรษา ก็ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า และได้ดำเนินการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นแบบเรือนไทยเตี้ย ๆ สำเร็จพร้อมทั้งปรับปรุงกุฏิที่โย้เย้ให้ดีเหมือนเดิมจนใช้การได้ นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีโบสถ์สำหรับสงฆ์ทำสังฆกิจได้ในวัด โดยไม่ต้องไปอาศัยวัดอื่น ทั้งศาลาการเปรียญและเสนาสนะอื่น ๆ ก็ซ่อมให้ดีขึ้นท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือก อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามและขอเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุณ ได้เข้าอยู่ ปริวาสกรรมก่อนเดินธุดงค์ ได้บรรลุธรรมในขณะอยู่ปริวาส ตามคำบอกเล่าของท่านว่าได้เห็นในร่างกายโปร่งชัดเจนเหมือนกระจกแก้วในไปทั้งร่าง ครั้งแรก แปลกใจ แต่เก็บความรู้สึกไว้สอบสวนอยู่ทุกคืน และโอกาสที่ได้นั่งกรรมฐาน จนแน่ชัดแล้วจึงคิดว่าเมื่อเราเห็นในตัวชัดแจ้งอย่างนี้แล้ว ในดินตรงหน้านี้มีอะไรบ้าง ก็เห็นในพื้นดินแจ้งไปหมด สงสัยที่ตรงไหนตรงนั้นก็เห็น ไม่มีสิ่งใดบังกั้นเลยเป็นเวลานาน เมื่อเข้าหมู่สงฆ์หลวงพ่อรุณทราบด้วยฌาน ก็ยกย่อง ในหมู่คณะสงฆ์นั้นว่า "คุณเจิม" รู้ธรรมแล้ว ต่อมาท่านพ่อได้พิจารณาถึงว่า ท่านได้เกิดมากี่ชาติสร้างบารมีอะไรมา ท่านก็ระลึกชาติแต่หนหลังได้ว่า เกิดมาแล้ว 72 กัลป์ เคยอธิษฐานสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์มาตลอด ได้รับพยากรณ์จากพระสมณโคดมพุทธเจ้าพระองค์นี้ในชาติที่เกิด เป็นช้างนาราคิริงและจะเกิดมาในตระกูลสามัญชนอีกเพียงชาตินี้เท่านั้น ต่อไปก็จะไปเกิดเมื่อพระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้า ท่านจะเป็นพระพุทธอุปัฏฐากบำรุงอยู่ตลอด ถึงพระศรีอริยเมตตรัยดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านพ่อก็จะยับยั้งอยู่ดุสิตเทวโลก จนกว่าถึงสมัยที่ท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ 10 ในพุทธกาลหน้า ท่านบวชได้ 5 พรรษา พิจารณาว่าต่อไปจะเร่งสร้างบารมี ถ้าจะอยู่ในสมณเพศก็จะคับแคบ เพราะจะต้องสงเคราะห์ญาติด้วยอาการต่าง ๆ จะทำให้พระธรรมวินัยของพระสมณโคดมแปดเปื้อนเป็นมลทิน ทั้งจะทำให้ผู้ที่เพ้อเจ้อโง่เขลาเบาปัญญาต้องมีโทษต่าง ๆ อีกด้วย ท่านก็เลยปลงจิตลาสิกขาบทจากสมณเพศมาปฏิบัติธรรมในฐานะฆราวาสโดยตั้งอยู่ในศีล 5 เป็นปกติ วันพระก็รับศีลอุโบสถเป็นประจำ ส่วนอาชีพอื่น ๆ ตามบรรพบุรุษก็ถือแบบทำมาโดยตลอดเยี่ยงบุคลสามัญทั้งหลาย บิดามารดาเห็นสมควรให้ครองเรือนโดยสู่ขอแม่เรียบ รสทองให้แต่งงานอยู่กินแบบบุคคลทั่วไป ท่านก็อนุโลมตาม ลาสิกขาบทมาได้ 9 ปี ก็แต่งงานอายุ 30 ปี แต่ยังมิได้บอกใครว่าได้บรรลุธรรมอันใด ท่านทำนาเกลือเมื่อหน้าแล้ง พอหน้าฝนท่านก็ข้ามมาฝั่งตรงข้ามคือ วัดเกตุมดีฯ ในปัจจุบัน แต่สมัยก่อนเหมือนยังอยู่ในป่าห่างจากบ้านเดิมประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านได้มาแผ้วถางที่บริเวณพระธาตุองค์เก่าที่เหลือแต่ซาก หักพังบริเวณใกล้ ๆ ท่าน ปลูกข้าวปีหนึ่ง ๆ ก็ได้ข้าวพอสมควร แต่มักจะมีฝูงนกใหญ่ ๆ มากิน ท่านไม่ไล่และไม่ให้ใครไล่ ท่านบอกว่าให้ทานนกกินก็แล้วกัน เมื่อท่านอายุได้ 35 ปี ท่านก็ได้เปิดเผยการปฏิบัติธรรมจะขอเริ่มสร้างบารมี โดยครั้งแรกท่านได้ไปกราบบิดามารดาของท่านที่เท้า แล้วบอกว่าได้รู้เห็นธรรมอย่างนั้น ๆ มาตั้งแต่บวช ต่อไปนี้สมควรที่จะสร้างบารมีต่อไปแล้ว ขอให้พ่อแม่ตั้งทุนขึ้นเพื่อสร้างเสริมองค์พระธาตุเก่าแก่นี้ก่อนเป็นคนแรก เมื่อบูรณขึ้นแล้วก็ให้พ่อแม่ปลูกต้นโพธิ์อธิษฐานไว้ข้างองค์พระธาตุคนละต้น ท่านเริ่มสอนกรรมฐานตามแบบที่เรียนมาจากหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือกสืบมา แต่ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะต้องให้สมาทานศีลห้า ข้อใดข้อหนึ่งตามที่ตนจะรักษาได้ตลอดชีวิตก่อน แล้วท่านจะบอกให้เรียนกรรมฐาน ต่อจากนั้นท่านก็บูรณะวัดบางโทรัด แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบัณฑูรย์สิงห์ในปัจจุบัน โดยสืบต่อจากพ่อแม่ของท่านได้สร้างมา และเปลี่ยนจากเดิมทุกอย่างจากไม้มาเป็นคอนกรีตทั้งหมด ท่านได้สอนธรรมมาโดยตลอด และสถานที่เกตุมดีฯนี้ ท่านให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์ที่มุ่งสู่ความสงบโดยแท้จริง และสามารถมาพักเพื่อปฏิบัติธรรมติดต่อ ท่านได้สร้างบารมีโดยตลอดมาถึงอายุ 72 ปี เมื่อ พ.ศ.2506 ท่านได้ถึงแก่กรรมทิ้งขันธ์ละโลกนี้ไป |
ราคาเปิดประมูล | 500 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 700 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | ส. - 14 ม.ค. 2555 - 19:06.46 |
วันปิดประมูล |
ส. - 21 ม.ค. 2555 - 19:06.46 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 700 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...