
ประมูล หมวด:หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
พระบูชาหลวงปู่ทิม อิสริโก ครบรอบ 200 ปี วัดละหารไร่




ชื่อพระเครื่อง | พระบูชาหลวงปู่ทิม อิสริโก ครบรอบ 200 ปี วัดละหารไร่ |
---|---|
รายละเอียด | ***** ค่าบูชา 8,500 บาท ***** ### พระบูชาที่ทรงคุณค่า ครบรอบ 200 ปี วัดละหารไร่" ขนาด 5 นิ้ว (ใหญ่กว่ามาตรฐานปกติ) สภาพผิวหิ้ง พร้อมจัดส่งด้วยแพ็คเกทอย่างดี แบบ EMS ### ---------------------------------------------- ติดตามข้อมูลพระเครื่องชุด 200 ปี วัดละหารไร่ ได้ที่ลิ๊งก์เหล่านี้ครับ : ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ พิธีเททอง พระกริ่งชินบัญชร ๙ มหาฤกษ์ ๙ มหาชัย ๙ มหามงคล ๙ มหาเศรษฐี http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=103&Itemid=1 ฟ้าดินเป็นใจ ในสุดยอดพระกริ่งชินบัญชร ๙ ฤกษ์ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=108&Itemid=1 วันศุกร์ที่ ๗ ตุลาคม พิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลรุ่นพระกริ่งชินบัญชร ๙ มหาฤกษ์ ๒๐๐ ปี http://www.ittiyano.com/index.php?option=com_content&task=view&id=109&Itemid=1 ลงเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณ (ปัญญาวุฒิ กเรเตเต ทินโนวาเท นะมามิหัง) พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ทิม อิสริโก แห่ง วัดละหารไร่ จ.ระยอง เรื่อง "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" นะโม ตัสสะ ภะคำวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ(3จบ) "มาบัดนี้อาตมาใคร่แสดงธรรมสั่งสอนของพระพุทธองค์ เพื่อที่ทุกท่านจะได้นำไปใช้ดำเนินในชีวิตให้ถูกต้อง พระพุทธเจ้าท่านเป็นศาสดาเอกของโลก ท่านรู้เอง เป็นอนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ คือเป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่านี้อีกแล้ว และเราทำไมไม่ตั้งใจรำลึกถึงพระองค์บ้าง วิธีรำลึกถึงพระองค์ ก็ให้หลับตาภาวนา พุทโธ ๆ ๆ ๆ เพราะพุทโธ เป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลับตาให้เห็นรูปพระพุทธเจ้าให้อยู่ในใจเราตลอด อย่าพะวักพะวงไปที่อื่น ถ้าหากจิตนึกไปอยู่ในกาม รูป เสียง กลิ่น รส แสดงว่าจิตนั้นยังติดอยู่ในกิเลส สมาธิก็หาเกิดไม่ ความนิ่งเฉยก็ไม่มี เมื่อจิตนั่งเป็นสมาธิแล้วก็ให้คิดซิว่า วันนี้เราทำอะไรไว้บ้าง ดีหรือชั่วอย่างไร ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความดีความชั่วในใจนั่นเอง เมล็ดมะม่วงกว่าจะโตขึ้นเป็นต้นมะม่วง เมล็ดมะปรางกว่าจะโตเป็นต้นมะปราง เมล็อของต้นอะไรโตขึ้นก็เป็นต้นไม้อย่างนั้น บุญและบาปเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยควบคุมให้ทุกอย่างเป็นไปได้เช่นกัน เป็นสิ่งที่เป็นวิญญาณคอยควบคุมโชคชะตาของมนุษย์ ฉะนั้นทำความดีไว้เถิด ไม่เสียหายอะไร ทำไปเถิดเดี่ยวได้ผลตอบแทน ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าแล้ว ชาตินี้ก็เห็น แต่ถ้าเราคิดว่า ทำความดีแล้ว ต้องได้อย่างโน้นอย่างนี้ หรือทำบุญ 10 บาท ก็ขอให้ถูกหวย ล้านบาท ก็เป็นไปไม่ได้ เราทำความดี อย่าไปคำนึงถึงผลตอบแทน ทำไปเถิดถ้าคิดว่าสิ่งนั้นทำไปแล้วเราสบายใจ ถึงแม้ว่าเรายังไม่ได้ผลตอบแทนในตอนนี้ แต่เราก็ได้ความสบายใจไม่ใช่หรือ ? เมื่อใจสงบ นิ่งเฉย สมาธิก็เกิด ความอิ่มเอมในจิตใจก็ดีขึ้น ปัญญารอบรู้ก็เกิด ทำให้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ต้นไม้พันธุ์ดี แต่ถ้าปลูกในที่ซึ่งไม่เหมาะกับพันธุ์อย่างนั้น ต้นไม้นั้นก็ไม่เกิดหรือเกิดแต่ไม่สวยไม่งาม ไม่มีผลมาก เช่นเดียวกับคนดี ถ้าอยู่ผิดที่ก็อาภัพได้ ความดีไม่ให้ผลเท่าที่ควรจะให้ หรือคนดีร่างกายไม่สมประกอบ ก็อาจจะน้อยใจไม่ประกอบความดีก็ได้ หรือคนดีบางคน ถ้ายังไม่ถึงที่ความดีจะให้ผลดีก็เหมือนต้นไม้ที่ยังไม่ถึงเวลาจะมีผล คนดีนั้นก็อาภัพ หรือนัยหนึ่ง คนดีบางคน หากความดีไม่สมบูรณ์เช่นมีแต่ความซื่อ แต่ความฉลาดไม่มี มีแตความขยัน แต่ไม่รู้จักกาละเทศะ อะไรต่าง ๆ ทำนองนี้คนดีนั้นก็อาจอาภัพได้เช่นกัน เพราะแต่ละคนที่สร้างความดีขี้นมานั้น ไม่ใช่ว่าเขาจะทำดีทุกครั้ง ส่วนมากคนเราเวลาทำความดีมักจะแทรกความชั่วลงไปด้วย ทำให้เชื่อไม่ได้ว่า คนที่มีบุญจำเป็นต้องมีร่างกายดีเสมอไป ร่างกายเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ตายแล้วเกิดเอาใหม่ได้ แต่ความดีที่มีอยู่ในวิญญาณนั้น ถ้าหมั่นประกอบความดีอยู่เสมอความดีนั้นจะไม่ตาย จะต้องยั่งยืนแน่นอน ถึงไม่ให้ผลตอนนี้ วันหนึ่งก็ต้องให้ผลอย่างแน่นอน ทำไปเถิดความดี คนเราไม่มีใครรู้ความตายได้ ถ้ารู้ความตาย ทุกคนก็ต้องเกรงกลัวต่อบาป หรือถ้ามีใครสามารถฝึกตนเองจนรู้ถึงนรก ไปเห็นความไม่สวยงามในนรก อาจจะเกิดความกลัว ไม่ทำในสิ่งที่ผิดได้ จงทำมันซะเดี๋ยวนี้ซิ ทำมันไปได้ประโยชน์แน่นอน และพยายามฝึกจิตใจให้สงบ แผ่เมตตาไว้ ทำใจให้เป็นสมาธิ สมาธินั้นเราสังเกตุได้ 3 ทาง คือ นิ่ง เฉย เงียบ แต่จะเงียบแบบคนตายแล้วนั้น มักจะเงียบไปเฉพาะชาตนี้ ชาติต่อไปก็ไม่เงียบ มันก็เกิดอีก เพราะจิตมันมาเกิดอีก มันอยากได้ อยากดี อยากอยู่ตลอดเวลา เราทุกคนที่ใจกำลังคิดทำความดีนั้น ทำไปเถิด ความดีนั้นแหละ ดีแน่ ๆ แต้ถ้าใจตอนนี้กำลังคิดจะทำความชั่ว ก็ให้รีบงดเสียเถิด จะปล่อยให้เวลาที่คิดนั้น ล่วงเลยไป อย่าลืมว่า เวลาเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ความดีหมั่นทำไว้เสมอนั้นแน่นอน ตายแล้วก็พาเอาความดีติดตามไปถึงชาติหน้าได้อีก คนที่ซึ้งในคุณค่าของความดีจริง ๆ เขาจะรอคอยจนกว่า จะถึงเวลาที่ความดีจะให้ผลได้เสมอ ตรงกันข้ามคนชั่วที่ฉลาดในการปกปิดความชั่วของตนจนคนอื่นไม่รู้ หรือรู้แต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ชีวิตของเขาจะรุ่งเรืองอยู่เสมอ คนอย่างนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยในกลุ่มของคนที่มีการเรียนดี แต่เราอย่าท้อถอย จงเชื่อว่าความชั่วที่สะสมไว้ทุก ๆ วันนั้น มันก็จะมากขึ้นเป็นอันดับ ซึ่งในวันหนึ่ง ความชั่วนั้นจะต้องปรากฏออกมาให้ผู้อื่นรู้ แต่คนที่มีนิสัยเลวร้ายไม่นึกถึงความดี มัวแต่นึกถึงความชั่วที่คนอื่นกระทำได้ผลดีแล้ว โดยไม่นึ่กผลร้ายที่จะเดินมาสู่ทีหลัง เวลาเขาจับได้ก็หาว่าเขาโง่ หรือตัวเองฉลาดกว่าเขา หารู้ไม่ว่า ตัวเองหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา อาตมาขอยืนยันว่า คนที่ไม่ถูกหลอกเลย มีประเภทเดียว คือ คนที่ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น คนโดยมาก ถ้าเก่งในทางไหน มักจะพูดตัวเองในทางนั้น ซึ่งบางทีก็พูดมาก จนคนอื่นรำคาญหรือเหตุที่ตัวเด่นในทางนั้นจริงเลยเกิดเข้าใจผิดคิดว่า ความดีของคนอื่นซึ่งไม่เหมือนกับของตนไม่สำคัญ เขาไม่ยอมรับความดีของคนอื่น ไม่ยอมรับนับถือความดีในแง่อื่น มีคนถามว่า ทำไมคนชั่วถึงได้ดีอยู่เสมอ ตัวฉันทำความดีตั้งนานไม่เห็นใครเห็นเลย ขอให้พิจารณาให้ถ่องแท้ คนชั่วพวกนี้มักใช้ความดีเป็นฉากกำบังความชั่ว เมื่อตอนที่ทำความดี ความชั่วก็ยังไม่เกิดผล เมื่อความชั่วถูกสะสมบ่อย ๆ เข้า วันหนึ่งความดีก็อาจไม่คุ้มครองได้ ตอนนี้นแหละ ความชั่วก็จะต้องให้ผล หรือที่คนมักพูดกันว่า"เพราะบุญเก่ายังมีผลอยู่ ความชั่วในปัจจุบันจึงยังไม่สนอง แต่เมื่อบุญเก่าหมดเมื่อไหร่ บาปที่ทำไว้ก็จะให้ผลทันที อาตมาภาพเองก็ได้พูดถึงเรื่องการทำความดีดีกว่าความชั่วให้ญาติโยมฟังมาก็นานพอควรแล้ว และเห็นว่าสมควรแก่เวลา และขอให้ญาติโยมที่นั่งฟังนี้ จงนำไปคิดเพื่อที่จะได้เป็นสิ่งที่ดีงาม สามารถนำไปใช้ในครอบครัวได้ ขอความสุขทั้งหลายจงมีแต่ญาติโยมทุกท่านเทอญ...เอวังก็มีประการฉะนี้แล..." ขอขอบคุณ อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ และ ครอบครัว ผู้นำพระธรรมเทศนามาเผยแพร่ ************************************************* บทความ เรื่อง "ความศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคล" โดย ยอดชาย แสงศิริ ตามที่ผมได้ศึกษาพระพุทธศาสนาและเรียนรู้ประวัติของพระอริยคณาจารย์รูปต่าง ๆ มาตามสมควร ในมุมมองของการเสกวัตถุมงคลให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์นั้น หนังสือสังฆประวัติของหลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง ได้กล่าวถึงคำสอนของหลวงปู่ว่า พระอาจารย์ผู้เสกจะต้องมีศีลดี จิตดี และกรรมดี ซึ่งตรงกับข้อมูลในสังฆประวัติของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ว่าความศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นได้กับผู้มีศีลบริสุทธิ์ ทั้งนี้แม้ตัวผู้เสกเองจะสามารถเข้าถึงความดีความศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวได้จริงแล้ว พระคณาจารย์ทั้งหลายยังรับรองถึงความเป็นจริงอีกส่วนหนึ่งว่า ผู้ที่บูชาวัตถุมงคลจะต้องมีความดี ความศักดิ์สิทธิ์ จาก "การกระทำที่ดี" ของตนเองด้วย ในเบื้องต้นของความศักดิ์สิทธิ์ที่ครูบาอาจารย์ได้ประสิทธิ์ลงในวัตถุมงคลจะส่งผลแก่ผู้บูชาได้ต้องอาศัยดีแรก คือ "ศรัทธา" เป็นความเชื่อมั่นที่มีต่อครูผู้เสก และจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับดีสอง คือ "บุญวาสนา" ของบุคคลผู้นั้น ดังเช่นที่หลวงปู่จงวัดหน้าต่างนอกได้กล่าวไว้ว่า "ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ตั้งใจทำ และทำจริงแล้ว จะทำไม่ได้ ทำได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับบุญวาสนา" ซึ่งบุญวาสนาตามหลักพระพุทธศาสนา ล้วนเกิดขึ้นจากการกระทำที่ดีทั้งทางกาย วาจา ใจ "เหตุดีผลดี" นี่คือพระสัทธรรมคำสั่งสอนครับ เคล็ดสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของการเข้าสู่ความศักดิ์สิทธิ์คือ "ความเคารพต่อบิดามารดา" ดังประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่แขวนพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่โดนระดมยิงแล้วแคล้วคลาดคมกระสุนแบบที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อมาแล้ว คือกระสุนที่ออกจากปากกระบอกปืนที่เล็งมาทางคนผู้นั้นไม่โดนตัวเลย แต่แค่เผลอด่า..แม่ !..ออกไป ทะลุเข้าร่างกายทันทีครับ แม้ไม่ถึงชีวิตแต่ทุกคนคงหนีความเป็นจริงท้ายสุดไปไม่พ้นถึงจะมีมีวัตถุมงคลติดตัว นั่นคือ "ความตาย" ในประวัติของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เกี่ยวกับพระเครื่องว่ากันว่า วัตถุมงคลของท่านนั้นป้องกันภัยจากอาวุธชะงัดนัก จนเป็นที่เลื่องลือไปทุกสารทิศ วันหนึ่งเกิดมีคนถูกยิงตายไม่ไกลจากวัดหนองโพนัก คนตายมีเหรียญของหลวงพ่อเดิมห้อยคออยู่ ผู้คนจึงเรียนถามท่านว่า ทำไมห้อยเหรียญหลวงพ่อจึงถูกยิงตาย ว่ากันว่า หลวงพ่อเดิมท่านเดินมาดูศพด้วยตัวท่านเอง พอมาถึงท่านยืนดูและพิจารณาอยู่ชั่วครู่ขณะก่อนสั่งให้ชาวบ้านยกศพชายดังกล่าวขยับออกห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่สองวา พร้อมกับบอกให้ชาวบ้านชักปืนออกมายิงศพอีกครั้ง ผลปรากฏว่ากระสุนด้านทุกนัด “อะไรก็กั้นกรรมไม่ได้ กรรมของมันต้องตายตรงนั้น ตรงนั้นคือที่ตายของมัน” นี่คือประโยคยืนยันของหลวงพ่อเดิม พระผู้มากด้วยเมตตาแห่งเมืองปากน้ำโพ เห็นยังงี้แล้ว เราทุกคนคงต้องหันมาปฏิบัติเอาความดีเป็นที่ตั้งโดยมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะซะที หลวงปู่ดู่ วัดสะแก พระนครศรีอยุธยา ได้สอนไว้ว่า "เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้" เพราะสิ่งอื่นนั้น เมื่อถึงเวลาตายนำติดตัวไปไม่ได้เลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่นำไปได้ "บุญสามารถนำติดตัวไปได้" หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ เคยสอนไว่เช่นนั้นครับ เห็นยังงี้แล้วก็สบายใจ เพราะเชื่อแน่ว่า คงไม่มีใครอยากนำบาปติดตามตนไปแต่ใครเล่าครับจะไปยับยั้งได้ คงมีแต่บุญกุศลที่เราสร้างทำนี่ล่ะครับที่จะสามารถกลับร้ายให้กลายเป็นดี และเข้าถึงความสุขความเจริญได้อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายก็อย่าประมาทโดยความเชื่อมั่นในความดีของตนเองจนปรามาสผู้ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุมงคลน่ะครับ เพราะเห็นกันมาแล้วครับว่าผู้ที่แสดงออกอย่างนั้นโดนเข้าเต็ม ๆ ซึ่งต่างกับผู้ที่มีวัตถุมงคลเพื่อความไม่ประมาทในชีวิตครับ (ขอขอบคุณหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา และข้อมูลความรู้ที่ได้อ้างอิงถึงไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ) |
ราคาเปิดประมูล | 8,450 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 8,450 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | อา. - 31 พ.ค. 2563 - 22:05.46 |
วันปิดประมูล |
พ. - 10 มิ.ย. 2563 - 23:17.34 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 8,450 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
ยังไม่มีผู้ประมูล |
กำลังโหลด...