ประมูล หมวด:พระหล่อ-เหรียญหล่อ-พระปั๊มรูปเหมือน ปี 2521 ถึง 2540
เหรียญหล่อหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแจ่ม วัดราชช้างขวัญ จ.พิจิตร ปี2535
| ชื่อพระเครื่อง | เหรียญหล่อหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อแจ่ม วัดราชช้างขวัญ จ.พิจิตร ปี2535 |
|---|---|
| รายละเอียด | “วัดราชช้างขวัญ” ต.ปากทาง อ.เมือง อยู่ห่างจากตัวเมืองพิจิตรไปสัก 3 กม. วัดนี้มีเรื่องราวมากมาย จากความเก่าแก่โบราณของวัดนี้สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2310 (ปีที่เสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 ) เดิมมีชื่อว่า “วัดลาดจอมขวัญ” วัดแห่งนี้ต่อมาได้เป็นสถานที่ขบวนกองทหาร และขบวนช้างศึกของกองทัพสยาม ที่จะยกขึ้นไปทางเหนือหรือลงมาหลังการศึกมาพักทัพที่นี่ ด้วยมีทำเลเหมาะสมดีติดแม่น้ำน่าน สามารถนำช้าง และทหารขึ้นลงอาบน้ำได้สะดวก และเป็นที่ทำขวัญช้างศึกของทัพเมืองสยาม เมื่อหมดศึกสงครามแล้ว ชาวบ้านจึงเรียกชื่อวัดเปลี่ยนไปเป็น “วัดราชช้างขวัญ” วัดราชช้างขวัญ มีอุโบสถหลังเก่าแก่ของวัด เป็นอุโบสถที่สร้างต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2310 สมัยที่หลวงพ่อแจ่ม ที่เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด สร้างด้วยไม้หลังคามุงแฝก ฝาไม้ ใช้อิฐเรียงเป็นพื้น เมื่อพังลงก็ก่อสร้างทับใหม่คร่อมที่เดิมมาตลอด กระทั่งมาเป็นอุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นมาเมื่อเดือนอ้าย ขึ้น 1 ค่ำ ปี พ.ศ.2459 เสร็จเมื่อปี พ.ศ.2461 โดยมีหลวงปู่ศุข (พระครูวิมลคุณากร )วัดคลองมะขามเฒ่า จ. ชัยนาท มาช่วยหาปัจจัยสร้างอุโบสถด้วย จากบันทึกที่พอค้นได้ในปี พ.ศ.2459 ที่สร้างพระอุโบสถหลังนี้คงเป็นเจ้าอาวาสที่ครองวัด(ไม่มีบันทึกชื่อไว้) สร้างร่วมกับหลวงปู่ศุขและชาวบ้านเท่านั้น แต่ที่เป็นที่น่าสังเกต หลวงปู่ศุข ท่านได้มีส่วนร่วมบูรณะหลายวัด รวมถึง “ วัดท่าฬ่อ”ที่อยู่ห่างจากวัดราชช้างขวัญไปประมาณ 8 กม.ด้วย ในช่วงเวลาดังกล่าวเชื่อได้ว่าการสร้างพระอุโบสถของวัดราชช้างขวัญและวัดท่าฬ่อ จะต้องมีความสัมพันธุ์ในการสร้างสอดคล้องด้วยกัน เจ้าอาวาสวัดท่าฬ่อในสมัยนั้น ซึ่งก็น่าจะเป็น หลวงปู่ภู (ครองอยู่วัดท่าฬ่อตั้งแต่ปี พ.ศ.2437 ) ชอบทำการก่อสร้างเพื่อเป็นประโยชน์ในพระพุทธศาสนา มีวิชาความรู้ทางด้านวิปัสสนา ธรรมวินัย การช่างไม้ ช่างทอง การแสดง ความรู้ทางเวชศาสตร์ และไสยศาสตร์ อีกด้วย ปี พ.ศ.2455 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จตรวจราชการ คณะสงฆ์ในมณฑลภาคเหนือ ได้ทรงมาประทับแรมที่ วัดท่าฬ่อ 1 ราตรี เห็นว่าวัดท่าฬ่อมีสิ่งก่อสร้างเช่น โบสถ์ กุฎิ หอสวดมนต์ พระเจดีย์ ศาลาการเปรียญ และธรรมาศน์ มีความเจริญรุ่งเรืองจากการสร้างของหลวงปู่ภู จึงได้ขอพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นที่ พระครูธุรศักดิ์ เกียรติคุณ ปี พ.ศ.2459 ที่มีการสร้างพระอุโบสถวัดราชช้างขวัญ น่าจะมาจากการก่อสร้างร่วมจากหลวงปู่ภูด้วย เพราะจะตรงกับการการบูรณะวัดท่าฬ่อ หากสร้างโดยวัดราชช้างขวัญเอง หรือวัดติดต่อขอให้หลวงปู่ศุข(วัดมะขามเฒ่า)มาร่วมสร้างก็คงไม่สมเหตุสมผล แต่ถ้าเป็นหลวงปู่ภูน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า ด้วยเหตุผลที่เป็นคนที่รู้จักของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และหลวงปู่ภูเป็นพระที่มีสมณศักดิ์และมีชื่อเสียงในตอนนั้น :หลวงปู่ศุข มีอาวุโสสูงกว่าหลวงปู่ภู 7 ปี (เกิดพ.ศ.2390 มรณภาพ พ.ศ.2466 สิริอายุ 76 ปี) มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองพิจิตร คือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน(ชื่อใหม่วัดหิรัญญาราม)ก็ยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อเงินจะเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับหลวงปู่ภู (ศิษย์หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า มรณภาพปีพ.ศ.2440) แต่หลวงพ่อเงินก็ไม่น่าจะมาร่วมสร้างวัดนี้ เพราะขณะนั้นหลวงพ่อเงิน อายุมากถึง100กว่าปีแล้ว(หลวงพ่อเงินมรณภาพ ปีพ.ศ.2462 อายุ111ปี) อุโบสถหลังเก่านี้ มีลักษณะเป็นอุโบสถรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่ออิฐถือปูนฐานพระอุโบสถเป็นฐานบัวคว่ำ หน้ากระดาน และบัวหงาย ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีบันไดขึ้นสู่พระอุโบสถ 2 ข้างรับกับบานประตู ด้านหน้าพระอุโบสถทำเป็นมุขยื่นออกมาโดยมีหลังคาเดียวกันกับตัวพระอุโบสถคลุม และทำฝ้าเพดานไม้ปิดโครงหลังคาไว้ ซึ่งรองรับโครงหลังคาไว้ด้วยเสา ผนังด้านข้างทั้ง 2 ด้านเป็นผนังเรียบ มีหน้าต่างบานไม้ด้านละ 4 บาน ส่วนหลังคามีลักษณะเป็นจั่วโครงเป็นไม้ฉาบปูน มุงกระเบื้องเกล็ดเต่ามีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์ เป็นรูปพระยานาคปูนปั้นไม่มีฝ้าเพดานที่หน้าจั่วด้านหน้า (ด้านนอก) มีตัวหนังสือปูนปั้น ความว่า“สร้างแต่เดือนอ้ายขึ้นค่ำ ๑ พ.ศ. ๒๔๕๙” บรรทัดล่างตัวหนังสือชำรุดมีตัวเลขที่เหลืออยู่เป็นตัวเลข ๖๑ ส่วนที่จั่วด้านหลังมีข้อความที่ชำรุดเป็นตัวหนังสือที่อ่านได้ไม่ต่อเนื่องว่า “สร้าง” และตัวเลข “ ๒๔๖๐” น่าจะเป็นปีพุทธศักราช ภายในอุโบสถ ด้านหลังหรือด้านทิศตะวันตก มีแท่นฐานชุกชีสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน แต่ปัจจุบันไม่ปรากฏ ดูจากฐานชุกชีแล้วพระประธานน่าจะมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เพราะเทียบแล้วน่าจะมีหน้าตักพระประธานประมาณสัก 1 เมตรเท่านั้น ด้านนอกรอบพระอุโบสถ มีแท่นฐานประดิษฐานใบเสมาศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ 8 ทิศ และตรงกลางด้านหน้าพระอุโบสถยังมีแท่นฐานอีก 1 แท่น ลักษณะเป็นซุ้ม น่าจะเป็นที่ประดิษฐานใบเสมาประธาน รอบอุโบสถมีเจดีย์ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ 2 องค์ องค์ด้านซ้ายมีการบูรณะปฏิสังขรณ์แล้ว ส่วนองค์ด้านขวายังคงสภาพเดิมไว้ค่อนข้างมาก มีลักษณะเป็นองค์เจดีย์ทรงระฆังย่อมุมขนาดเล็ก บนบัวกลุ่มซึ่งตั้งอยู่บนฐานสิงห์ที่ซ้อนลดหลั่นกันหลายชั้น นอกจากนี้ทางด้านหลังของอุโบสถยังปรากฏเจดีย์ ลักษณะคล้ายกันนี้แต่ขนาดเล็กกว่าอีก 2 องค์ มีสภาพชำรุดหักพัง มีหอระฆัง ก่ออิฐถือปูน รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางตั้ง ตรงกลางทำเป็นยอดโค้งแหลมสำหรับแขวนระฆัง ส่วนยอดแหลมแต่เตี้ย ระเจดีย์องค์เล็กด้านหลังที่มีมิจฉาชีพขุดเจาะเพื่อค้นหาสมบัติและพระเครื่อง มีเรื่องเล่าในวงการพระเครื่องว่าผู้ขุดได้พระเครื่องจากกรุนี้ เป็นพระเครื่องที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเนื้อโลหะต่างๆ ซึ่งส่วนนี้มิได้มีการบันทึกไว้ว่ามีมากน้อยเท่าไรหรือมีพิมพ์ใดบ้าง เชื่อกันว่าเป็นพระที่สร้างและบรรจุกรุ โดยพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าเนื่องจากมีพิมพ์ทรงพระเครื่องเหมือนกัน สำหรับอุโบสถหลังปัจจุบัน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2517 มีวิหารหลวงพ่อแจ่ม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป (ปางสดุ้งมาร) ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพ่อแจ่ม อดีตเจ้าอาวาส พ.ศ.2310 บันทึกที่ค้นได้บอกว่าสร้างตั้งแต่สมัยหลวงพ่อแจ่ม...2310 แต่ไม่ได้มีบันทึกบอกไว้ว่าพระองค์นี้คือพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าใช่หรือไม่ ดูจากฐานชุกชีในพระอุโบสถหลังเก่าพระประธานน่าจะมีหน้าตักประมาณ 1 เมตรขึ้นไป หลวงพ่อแจ่มมีขนาดหน้าตักประมาณ 50-70 ซ.ม.ซึ่งเล็กไป ไม่น่าจะเป็นพระประธานที่อยู่ในพระอุโบสถหลังเก่า ภายในวิหารหลวงพ่อแจ่ม ด้านหลังหลวงพ่อ จะมีรอยพระพุทธบาทจำลองแกะสลักจากไม้ลวดลายงดงามมาก เดิมน่าจะลงรักปิดทองบางส่วนแต่สภาพยังอยู่ในสภาพที่ดีพอสมควร รอยพระพุทธบาทจำลองนี้อาจจะสร้างมานานถึงสมัยเดียวกับการสร้างพระอุโบสถที่มีหลวงปู่ศุข เป็นประธานในการสร้าง ซึ่งการสร้างสิ่งที่เป็นสิ่งตัวแทนของพระพุทธองค์เช่นที่ วัดท่าฬ่อ ก็มีพระปาง..พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน รอยพระพุทธบาทไม้แกะจำลองนี้จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว จะสอดคล้องกับการสร้างโบสถ์วัดราชช้างขวัญสมัยเดียวกันเมื่อปี พ.ศ.2459 และการสร้างโบสถ์มักจะมีการสร้างสิ่งสมมติตนแทนพระพุทธองค์ไว้ด้วย... มีบาตรน้ำมนต์ในวิหารหลวงพ่อแจ่มอยู่ใบหนึ่งที่ด้านข้างบุษบก บาตรน้ำมนต์ใบนี้น่าสนใจตรงที่เป็นบาตรเนื้อโลหะผสม(สัมริด) ลวดลายที่มีอยู่ที่บาตรน้ำมนต์สวยงามมาก จากสภาพน่าจะเก่าแก่มากนับร้อยปีซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบาตรที่มีมาตั้งแต่การสร้างพระอุโบสถหลังเก่า(พ.ศ.2459)ก็ได้ |
| ราคาเปิดประมูล | 300 บาท |
| ราคาปัจจุบัน | 300 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
| วันเปิดประมูล | พฤ. - 24 ก.ย. 2563 - 12:00.06 |
| วันปิดประมูล |
พ. - 14 ต.ค. 2563 - 12:00.06
|
| ผู้ตั้งประมูล | |
| แชร์หน้านี้ |
| ราคาปัจจุบัน | 300 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
|---|---|
| เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
| กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
| ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
|---|---|---|
| ยังไม่มีผู้ประมูล | ||
กำลังโหลด...






