
ประมูล หมวด:พระหล่อ-เหรียญหล่อ-พระปั๊มรูปเหมือน ก่อนปี 2520
พระร่วงรางปืน วัดพระแทนดงรัง กาญจนบุรี





ชื่อพระเครื่อง | พระร่วงรางปืน วัดพระแทนดงรัง กาญจนบุรี |
---|---|
รายละเอียด | พระร่วงรางปืน วัดพระแทนดงรัง กาญจนบุรี เนื้อ ตะกั่วสนิมแดงเก่าจากวิหารพระแท่นดงรัง องค์นี้สนิมแดงขึ้นให้เห็นชัดเจน และมีไขขาวนวลจัดมากคลุมอยู่ตามสมควร สูงประมาณ ๖ ซ.ม. เป็นพระร่วงขนาดเล็กกำลังน่าใช้ครับ (ข้อความจากใบฝอยของวัดฯ) กล่าวโดยคุณค่าของความเป็นพระเครื่อง อย่างน้อยย่อมมีคุณค่าทางใจ ต่อนักสะสมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะชมชอบในพระเครื่องจึงสะสมเก็บไว้ แม้ในอีกบางด้านจะชมชอบเพราะความเชื่อมั่นในพุทธคุณ หรืออีกบางด้านจะยึดเป็นธุรกิจของตนก็ตาม แต่หากจะกล่าวโดยแท้จริง พระเครื่องสร้างขึ้นมาด้วยมูลเหตุแห่งพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพื่อสืบทอดอายุ หรือการเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน สระทุนทรัพย์ของตนเพื่อการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การตอบแทนแก่ผู้มีจิตศรัทธาเป็นคุณค่าทางน้ำใจที่ญาติโยมจะได้"ให้"คุณค่านี้แก่กัน สืบทอดไปชั่วลูกชั่วหลาน พระร่วงหลังรางปืน วัดพระแท่นดงรังวรวิหาร อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของวัตถุมงคลพระเครื่องที่ ได้สร้างขึ้นมา ทั้งนี้ด้วยเหตุที่ มีการค้นพบชินตะกั่วที่ใช้ปูดาษพื้นวิหารพระแท่น ระหว่างการซ่อมแซมพระวิหารครอบพระแท่น โดยการขุดลอกพื้นวิหารเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๕ ทางเจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรังวรวิหาร คือ พระราชวิสุทธาภรณ์(ทองดำ อิฏฺฐาสโภ) ได้เล็งเห็นว่าชินตะกั่วที่พบดาษพื้นนั้น ไม่น่าจะทิ้งไปโดยปราศจากประโยซน์จึงได้ปรึกษากับคณะกรรมการ จัดสร้างเป็น วัตถุมงคลขึ้นมาชุดหนึ่ง เป็นพระร่วงหลังปืนและพระนางพญาขึ้นมา จำนวนทั้งสิ้นอย่างละ๓,๐๐๐ องค์ โดยใช้เนื้อชินตะกั่วเพียงอย่างเดียว กล่าวสำหรับเนื้อชินตะกั่วที่ขุดพบในวิหารพระแท่นดงรังนั้นจากหนังสือ ประวัติพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรีได้พิมพ์บัญชีรายนาม ผู้ปฏิสังขรณ์พระแท่นดงรัง ใน ร.๓ ซึ่งคัดจากหมายเหตุ ร.๓ เลขที่ ๓๑๖เรื่องบัญชีรายนามผู้ปฏิสังขรณ์พระแท่น จ.ศ. ๑๒๐๑ (พ.ศ.๒๓๘๒) อันเป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งบอกที่มาของชินตะกั่ว ว่าเป็นตะกั่วที่ใช้ดาษพื้นรอบๆพระแท่นภายในวิหาร อันเป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญๆ ต่างๆมามากมาย อีกทั้งเป็นที่ซึ่งคณาจารย์ผู้ทรงคุณทั้งหลายได้เข้ามาอธิฐานจิตเพื่อสักการและระลึกถึงพระพุทธคุณที่มีต่อสัตว์โลก รวมถึงบุคคล สำคัญต่างๆที่มากด้วยบารมีหลายๆประการ ตลอดระยะเวลาเกือบสามร้อยปี สาเหตุที่ได้บูรณปฏิสังขรณ์กันนั้นเนื่องจากเจ้าอธิการวัดสุวรรณทารามบางกระและลูกศิษย์ ได้มานมัสการพระแท่น เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๐ เห็นว่าชำรุดทรุดโทรมจึงได้บูรณะขึ้นใหม่ เจ้าคณะอำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันนี้เอง ได้สร้างพระร่วงหลังรางปืนและพระนางพญาขึ้นมาโดยเฉพาะ พระร่วงหลังรางปืนอันโดเด่นเป็นพิเศษ ทั้งยังมีขนาดเล็กกระทัดรัดกล่าวคือ มีขนาดสูงประมาณ ๕ ซม. กว้าง๑.๕ ซม. ด้านหน้า เป็นรูปองค์พระประทานพรประทับยืนอยู่ในซุ้มประภามณฑล ยกอรหัตถ์ขวาขึ้นเสมอพระอุระ แบฝ่าพระหัตถ์ออกข้างนอกพระหัตถ์ ซ้ายทอดลงพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ออกข้างนอกในท่าแสดงประธานพร เศียรพระองค์พระสวมอุณหิสแบบกระบังหน้า ขอบกระบังหน้าเป็นเส้นรัดเกล้า ๒ เส้น ขนานกัน พระเกศขมวดเป็นรูปบัวตูมพระพักตร์ ปรากฎรายละเอียดของพระเนตร พระนาสิก พระโอษฐ์ อย่างชัดเจน พระศอปรากฎสร้อยพระคอ รัดประคดตำกว่าพระนาภี เป็นเส้นแถบตรงกลางเป็นหัวกลม ระหว่างกึ่งกลางของรัดประคดเป็นจุดไข่ปลาเรียงราย ตรงกลางปรากฎเส้นผ้าห้อยแสดงการซ้อนของสบง ด้านข้างของพระวรกาย มีเส้นคู่แสดงจีวรลงมาถึงข้อพระบาท พระบาทประทับเป็นยืนอยู่บนแท่นรองรับแบบฐานเขียง ด้านหลังเป็นตรงกลาง เป็นร่องรางเว้าลงไปแบบรางปืนและได้พุทธาภิเศก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ รายนามเกจิอาจารย์ผู้เข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเศกทั้งสิ้น ๑๙ รูปตามประกอบด้วย ๑ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ๒ พระธรรมคุณาภรณ์ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม กาญจนบุรี ๓ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี ๔ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม กาญจนบุรี ๕ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม ๖ หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี ๗ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม ๘ หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม ๙ หลวงพ่อพ่วง วัดหูช้าง ราชบุรี ๑๐ หลวงพ่อบุญส่ง วัดพระนอน สุพรรณบุรี ๑๑ หลวงพ่อโน้ม วัดหัวกลับ สุพรรณบุรี ๑๒ หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเขาใหญ่ ราชบุรี ๑๓ หลวงพ่อจุ่น วัดเขาสะพายแร้ง กาญจนบุรี ๑๔ หลวงพ่อแท่ง วัดหนองลาน กาญจนบุรี ๑๕ หลวงพ่อเสงี่ยม วัดท่าขนุน กาญจนบุรี ๑๖ หลวงพ่อเบี่ยง วัดทุ่งสมอ กาญจนบุรี ๑๗ หลวงพ่อพา วัดน้ำวน ปทุมธานี ๑๘ หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร นครปฐม ๑๙ หลวงพ่อนิล วัดสำนักคร้อ กาญจนบุรี ประสบการณ์ที่น่าสนใจ .."ผมรอดตายเพราะพุทธคุณของพระร่วง" ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ "............ ประสบการณ์พระเครื่อง ซึ่งเกิดกับคุณลุงแถว สีนวล (ปัจจุบันอายุ ๗๓ ปี) ทำให้เราได้ทราบว่า พระเครื่องจะขลังหรือไม่นั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ความเชื่อมั่นของผู้ใส่ (บางคนเรียกว่าใช้พระเครื่อง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม เพราะคนธรรมดาจะ "ใช้" หรือ "สั่ง" ให้พระเครื่องทำสิ่งนั้น ทำสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง) บ่ายวันนั้นลุงแถว สีนวล ได้เดินทางไปทำธุระในตัวจังหวัดกาญจนบุรี โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า วันนี้เขาจะพบกับเหตุการณ์ที่ตัวเขาหวิดจะเอาชีวิตไปทิ้ง ! "..รถที่ ลุงนั่งมานั้นเป็นรถส่งน้ำอัดลม ทั้งที่ทีแรกก็ว่าจะนั่งรถเครื่อง แต่พอดีเจอคนรู้จักกัน เขาชวนขึ้นรถก็เลยขึ้น.." ตอนที่อยู่บนรถก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุว่าจะเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งรถวิ่งข้ามสะพาน ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า "สะพานผีสิง" สะพานแห่งนี้มีคนตายเป็นประจำ ตอนนั้นรถขับมาเร็วมาก ทันใดนั้นลุงเล่าว่าแกได้ยินเสียงคนกระซิบที่ข้างๆ หูว่า "...ระวังให้ดีรถกำลังจะคว่ำ.." ความรู้สึกในขณะนั้นเหมือนรถกำลังเสียหลัก คนขับประคองรถไม่อยู่ ลุงแน่ใจว่ารถจะต้องคว่ำอย่างแน่นอน ตอนนั้นนึกถึงพระเครื่องที่เขาห้อยอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นพระร่วง สร้างและปลุกเสกโดยหลวงพ่อทองดำ อดีตเจ้าอาวาสของวัดพระแท่น จังหวัดกาญจนบุรี ตอนที่รถมันพลิกคว่ำ ลุงคิดว่า "..เราคงจะตายอย่างแน่นอน.." เพราะรถมันตีลังกาหลายตลบ เสียงมันดังเหมือนกับฟ้าผ่า จากนั้นลุงก็เหมือนกับฝันไป ในความฝันลุงเดินไปตามทางแคบๆ ซึ่งสองข้างทางมีหมอกควันฟุ้งกระจาย เบื้องหน้ามีสะพานข้ามคลองเล็กๆ เมื่อมองไปก็เห็นคนแต่งชุดสีแดง ๔ คนยืนอยู่ ท่าทางดุร้าย น่ากลัว ลุงคิดจะหันหลังกลับ แต่เหมือนกับมีคนมาดึงเอาไว้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้นว่า "..เจ้ามันหมดอายุขัยแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้เวรกรรมที่ทำเอาไว้.." ตอนนั้นลุงเข้าใจว่าลุงตายไปแล้วแน่นอน แต่ใจจริงแล้วลุงยังไม่อยากตาย ไม่ยอมตาย...........ลุงจึงนึกถึงพระเครื่องที่ห้อยอยู่บนคอ จากนั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านช่วยลุงด้วย พวกพญายมทั้ง๔ ที่กำลังเดินมารับตัวลุงต่างหยุดชะงัก จากนั้นก็ได้พูดขึ้นว่า"..มันมีของดีติดตัวมาด้วย สงสัยว่าจะเอาวิญญาณมันไปไม่ได้เสียแล้ว.." และแล้วพญายมทั้ง ๔ ก็เดินกลับไป หมอกควันเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลุงเริ่มหายใจไม่ออก รู้สึกแน่นหน้าอก จึงได้ไอออกมา ในเวลานั้นได้ยินเสียงคนพูดขึ้นว่า ลุงรู้สึกตัวแล้ว ลุงไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแกจะฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ พอลุงลืมตาก็เห็นญาติพี่น้องเต็มไปหมด ลุงแถวประสบอุบัติเหตุ แกหมดสติไปถึง ๒ วัน ๒ คืน หมอลงความเห็นว่าลุงแถวอาจจะหลับไปอย่างไม่มีวันตื่น เพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง แต่ปาฏิหาริย์ก็มีจริง ลุงแถวกลับฟื้นขึ้นมา โดยที่ตามเนื้อตัวไม่มีร่องรอยของบาดแผลปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย ............ ลุงแถวมั่นใจว่าแกได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยอำนาจของพระเครื่องที่แกสวมใส่อยู่เป็นประจำ ทำให้แกรอดปลอดพ้นจากเงื้อมือของมัจจุราชอย่างเฉียดฉิว พระร่วงหลังรางปืนที่ลุงแถวห้อยอยู่บนคอตลอดเวลา มีให้เช่าที่วัดพระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี สร้างและปลุกเสกโดยหลวงพ่อทองดำ อดีตพระเกจิฯ ดังของจังหวัดกาญจนบุรีนั่นเอง .........." ที่มา : http://www.oocities.com/vinateth/V4.htm |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 500 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | จ. - 18 ต.ค. 2553 - 14:00.24 |
วันปิดประมูล |
พฤ. - 21 ต.ค. 2553 - 14:00.24 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 500 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
100 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.02 | |
150 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.07 | |
200 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.10 | |
250 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.12 | |
300 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.16 | |
350 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.25 | |
400 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.27 | |
450 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.43 | |
500 บาท | พ. - 20 ต.ค. 2553 - 22:42.45 |
กำลังโหลด...