
ประมูล หมวด:พระเกจิภาคกลางตอนล่าง
พระบูชา หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ. อ่างทอง หน้าตัก 5 นิ้ว บรรจุเกศาใต้ฐาน





ชื่อพระเครื่อง | พระบูชา หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ. อ่างทอง หน้าตัก 5 นิ้ว บรรจุเกศาใต้ฐาน |
---|---|
รายละเอียด | ***** ค่าบูชา 8,000 บาท ***** ### เป็นพระบูชามวลสารทองเหลืองหน้าตัก 5 นิ้ว สภาพตั้งบูชา ผิวหิ้ง สวยสมบูรณ์ ใต้ฐานบรรจุเกศาของหลวงพ่อไว้ครับ ### หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี วัดศาลาดิน (วัดมอญ) โดย บูชาครู (ปรับข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2558) จากบันทึกอ้างอิงคำสนทนาของหลวงพ่อทรงและศิษย์ที่เคยถามหลวงพ่อทรงด้วยอาลัยหากเมื่อท่านต้องจากไป ซึ่งได้รับคำตอบอย่างเมตตาที่สุดว่า ท่านยังอนุเคราะห์ลูกหลานอยู่ที่ "สุทธาวาส" (พรหมสุทธาวาส) และเมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2550 เวลา 22.50 น. "หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี" อดีตเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้ละสังขารลงอย่างสงบ สิริอายุได้ 83 ปี 63 พรรษา ณ โรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยสรีระสังขารของหลวงพ่อยังคงดำเนินไปเฉกเช่นพระอริยเจ้าทั้งหลาย “วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ” นี่คือคำกล่าวของหลวงพ่อที่ท่านเมตตาเล่าไว้ให้ฟัง สมัยที่หลวงพ่อยังอยู่ไม่เพียงแต่คุณความดีทางศาสนกิจและการอบรมจิตเจริญภาวนาที่ปฏิบัติจนถึงที่สุดเท่านั้น ในด้านวัตถุมงคลหลวงพ่อท่านเมตตาลงมือทำให้ด้วยตัวเองแบบพระโบราณโดยแท้ กล่าวคือ วัตถุมงคลส่วนไหนที่ท่านสร้างเอง หลวงพ่อจะลบผงวิเศษต่างๆ ทั้งลงถมจารแต่งตระเตรียมมวลสาร กำหนดฤกษ์ยามสร้างตามเคล็ดวิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาอย่างเต็มกำลังความสามารถ จนถึงขนาดคณะศิษย์ต้องพาเข้าโรงพยาบาลกันเลยก็มี แต่สิ่งที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความเมตตาใดๆ และถือเป็นหัวใจแห่งความศักดิ์สิทธิ์ คือหลักธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์พระบรมครูที่หลวงพ่อทรงจะคอยสอนธรรมะไว้กำกับใจแก่ศิษยนุศิษย์ อาทิ “การทำจิตใจให้สงบ รู้จักปล่อยวางในสิ่งต่างๆ อย่าไปยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิระลึกถึงปฏิบัติในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสั่งสอนของท่านเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด หาคำสอนใดมาเปรียบเทียบมิได้เลยทีเดียว และการที่เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นอะไรที่ประเสริฐที่สุดแล้วในชาตินี้” หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี เดิมชื่อ ทรง วารีรักษ์ เกิดวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 บิดาของท่านนามว่า จัน มารดานามว่า กอง วารีรักษ์ เกิดที่บ้านม่วงเตี้ย ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ภายหลังที่เรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 โรงเรียนวัดยางมณี เมื่ออายุครบ 20 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ วัดยางมณี ต.ม่วงเตี้ย อ.วิแศษชัยชาย จ.อ่างทอง ตรงกับวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2486 โดยมี พระอธิการชวน (พระครูสุกิจวิชาญ) วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในด้านภูมิรู้ ภูมิธรรม ของหลวงพ่อทรงนั้น หลายๆ ท่าน คงทราบดีว่าหลวงพ่อทรงท่านเป็นศิษย์ของยอดพระเกจิอาจารย์แห่งเมืองอ่างทองทั้งท่านพระครูสุกิจวิชาญ หรือ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ ตำนานเบี้ยแก้และต้นตำรับตะโพนเมืองไทย นอกจากนี้หลวงพ่อทรงยังได้ศึกษาวิชากับพระอริยคณาจารย์อีกหลายรูป เช่น หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ และหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ การศึกษาวิชากับหลวงพ่อมุ่ยทำให้หลวงพ่อทรงเป็นผู้หนึ่งที่สำเร็จวิชาจินดามณีทางสายบารมีของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา อย่างแท้จริง และตามข้อมูลเชิงลึกจากคุณก๊อตศิษย์ที่เคยอุปฐากหลวงพ่อบอกว่า จากที่ได้ศึกษามา หลวงพ่อภู (พู) วัดดอนรัก น่าจะเป็นอาจารย์ของท่านด้วยเช่นกัน หลวงพ่อทรงมีรูปหลวงพ่อพู ใส่กรอบติดที่หัวนอนของท่านในที่พักส่วนตัวท่านที่บ้านหลาน คนไม่รัก ไม่นับถือกันคงไม่เอารูปมาไว้ที่หัวนอนหรอกครับ หลวงพ่อพู นี้ ท่านเป็นสุดยอดทางตะกรุด ตะกรุดของท่านว่ากันว่าเป็นสุดยอดตะกรุดของสยามประเทศอีกดอกหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดินอย่างเด็ดขาด พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ คาดเอวได้ หลวงพ่อภูถือเป็นสุดยอดของปรมาจารย์ของอ่างทองอีกรูปหนึ่ง ซึ่งในยุคนั้น ทั้งตำรวจ ทั้งมือปืนในอ่างทองต่างคาดตระกรุดของหลวงพ่อพู เพราะประสบการณ์ฉกาจฉกรรณ์มากๆ ครับ และสุดท้ายที่ไม่อาจมองผ่านโดยไม่กล่าวถึงไปได้เลย คือ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ องค์บูรพาจารย์ผู้เป็นที่สุดแห่งตำนานรูปหนึ่งของประเทศ หลวงพ่อทรงก็ได้เดินทางเพื่อไปศึกษาวิชามาด้วยเช่นกัน โดยหลวงพ่อทรงจะพยายามเลี่ยงการนำหลวงพ่อเดิมมากล่าวอ้างถึงความผูกพันธ์ใดๆ และมักกล่าวเพียงสั้นๆ แก่ศิษย์ใกล้ชิดว่า ท่านยังไม่ถือเป็นศิษย์แค่เฉียดๆไปเท่านั้น จากงานเขียนของคุณศรีสวัสดิ์ รัตนะ ผู้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อทรงท่านหนึ่ง ได้กล่าวถึงเกล็ดประวัติหลวงพ่อทรงที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อเดิมว่า หลวงพ่อทรงเคยพูดไว้ว่า "อย่าเอาไปเขียนลงนะไม่ได้หรอก ฉันมันศิษย์นอกไม่ใช่ศิษย์สายตรง เขาจะหาว่าเอาครูอาจารย์มากล่าวอ้าง" แต่ความจริงย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ตาย หลวงพ่อทรงไม่เพียงแต่ศึกษาวิชาของหลวงพ่อเดิมจากหลวงพ่อชวนองค์อุปัชฌาย์จนสำเร็จหมดภายในเวลา 2 ปี เท่านั้น ในปีรุ่งขึ้น พ.ศ.2488 หลวงพ่อทรงขอลาพระอุปัชฌาย์มุ่งหน้าสู่สำนักวัดหนองโพ เพื่อขอเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิมอีกด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ฟังว่า ในปีที่ไปฝากกราบตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเดิมนั้น หลวงพ่อเดิมยังแข็งแรงอยู่ แต่ในกุฏิที่จำวัดของท่านซึ่งใช้เป็นที่รับแขกด้วย มีคนเดินเข้าเดินออกดูวุ่นวายสับสนไปหมด ในปีนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พอดี จึงมีผู้คนเดินทางมาขอของขลังของหลวงพ่อเดิมมาก หลวงพ่อทรงก็จะพักอยู่อีกกุฏิหนึ่งค่อนไปทางท้ายวัด จะไม่ขึ้นมาเพราะคนมาก พอตกย่ำค่ำซาคนบ้าง หลวงพ่อทรงจะขึ้นไปทำวัตรสวดมนต์กับหลวงพ่อเดิม และพระลูกวัดที่หอกลาง จากนั้นหลวงพ่อเดิมก็จะต่อวิชาให้พระแต่ละรูป ซึ่งก็ได้วิชาไม่เหมือนกันตามแต่ใครสนใจอะไร หรือหลวงพ่อเดิมท่านจะเมตตาให้อะไรเป็นพิเศษ สำหรับหลวงพ่อทรงนั้นหลวงพ่อเดิมท่านเคยพูดตั้งแต่แรกพบหน้าว่า "คุณเมตตาดี จิตคุณดี จะให้หนักไปทางเมตตานะ ต่อไปเมตตานี่แหละจะค้ำคน" หลวงพ่อทรงจึงได้วิชาที่หนักไปในด้านเมตตาจากหลวงพ่อเดิมไว้หลายประการทั้งด้านเมตตาค้าขาย เมตตาโชคลาภ เมตตามหาเสน่ห์ ท่านเคยพูดให้คุณศรีสวัสดิ์ฟังหลังจากบีบนวดท่านพักใหญ่ว่า "วิชาด้านเมตตาที่หลวงพ่อเดิมสอนให้นั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการสงเคราะห์ผู้คนทั้งสิ้น หลวงพ่อเดิมท่านเป็นพระมากวิชา ภูมิรู้ท่านเยอะ เรียนไปไม่มีวันหมด ที่ท่านให้สืบมานั้นเพียงแค่การตักน้ำหนึ่งตุ่มจากแม่น้ำทั้งสายนั่นแหละ" ท่านพระครูอุปถัมท์ธรรมรังสี วัดไผ่แหลม ได้กล่าวถึงครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อทรงว่า ที่เป็นฆราวาสก็มีครับ เท่าที่ทราบมาคือหลวงพ่อทรงได้ศึกษาจากฆราวาสที่เก่งในด้านอาคม เวทมนต์ คาถา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแถวย่านบ้านนั้น คือ หมอฟู และหมอเปรี้ยว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นที่พึ่งของคนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนโดยประการต่างๆ เช่น เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ยินมาว่าฆราวาสที่มีอาคมขนาดนอนกลางวันยังต้องลงมุ้งเพราะกลัวโดนของที่มีผู้ที่มีเวทมนต์ทำแล้วปล่อยมา เมื่อมาโดนเข้าแล้วอาจได้รับอันตรายได้ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้รับความรู้ที่แตกฉานในวิชาอาคมต่างๆ เป็นอย่างดี อาจารย์ฆราวาสคือหมอเปรี้ยวนี้ เป็นศิษย์ของ หมอน้อย ฆราวาสผู้วิเศษของวิเศษชัยชาญ วิชาความรู้ที่หลวงพ่อทรงได้มาจากครูบาอาจารย์ทุกรูป ทุกคน และจากพระปริยัติที่ศึกษามา ได้ถูกนำมาฝึกฝนจนบังเกิดความเชี่ยวชาญ ชำนาญในวิถีของการปฏิบัติ และสำเร็จเข้าถึงคุณแห่งปฏิเวธอย่างที่ไม่เคยอวดอ้างแสดงตนใดๆ เรื่องราวเหล่านี้เคยมีลงตีพิมพ์กันอย่างเจาะลึก ทั้งจากอิทธิคุณที่ประสบจริงของผู้คนในพื้นที่ที่ได้ประจักษ์มาแต่สมัยหลวงพ่อท่านยังไม่ดังด้วยซ้ำไป มีเกล็ดเกี่ยวกับประวัติหลวงพ่อที่น่าสนใจ ขอนำมาทิ้งท้ายไว้เกี่ยวกับครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อจากศิษย์ท่านหนึ่งขออนุญาตไม่เอ่ยนาม คือมียืนยันว่าหลวงพ่อไม่ทันหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ แต่ได้ตำรามา ทางศิษย์ท่านนี้ได้ไปสืบอีกสายคือสายเบ็นอยุธยา เบ็นแนะนำว่าท่านอาจจะศึกษามาจาก หลวงพ่อผ่อน วัดขุมทอง ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อภักตร์ โดยศิษย์ท่านนี้อ้างอิงว่าหลวงพ่อทรงเคยบอกรู้จักคนมีตำราหลวงพ่อภักตร์อยู่ที่โพธิ์ทอง เมื่อศิษย์ท่านนี้เดินทางไปปรากฏว่าตายไปซ่ะก่อน เลยติดตามไม่ได้ไม่งั้นคงได้เห็นตำราหลวงพ่อภักตร์ตามที่ตั้งใจจะถ่ายรูปมาให้ทุกท่านได้ทราบ แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นประการใด เชื่อว่าญาติโยมเราท่านทั้งหลาย คงพร้อมใจที่จะรับรู้และพูดคุยกันอย่างมีสติ เพราะบารมีของหลวงพ่อทรงเท่าที่ปรากฏล้วนเป็นของจริงชนิดที่ไม่เป็นสองรองใครเช่นเดียวกัน ผู้เขียนเองยังมีวาสนาแค่ได้รับทราบบารมีของหลวงพ่อผ่านมาทางวัตถุมงคลในภายหลัง ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะละสังขารอย่างลงอย่างสงบเพียงไม่กี่ปี เกล็ดบารมีหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ยังมีอีกมากครับ ไว้ผู้เขียนจะใช้หน้าเพจนี้ นำข้อมูลดีๆ มาเผยแพร่ให้รับทราบกันต่อไป - เกล็ดบารมีที่นำมาเพิ่มเติมในครั้งนี้คือ หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ที่พึ่งละสังขารลงแล้วเมื่อวันที่ 27/02/58 ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดม่วงคัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 โดยมีหลวงพ่อนุ่ม ธฺมมาราโม วัดนางในเป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นพระธรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺธีโร วัดนางในเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อมีได้รับฉายาว่า จิตฺตธโม นั่นแสดงว่าหลวงพ่อทรง ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ด้วย ซึ่งหลวงพ่อนุ่มเป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาคมการใช้คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากาหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อิ่มวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง (ด้วยความตั้งใจในการรวบรวมเรียบเรียงสังฆประวัติชั้นต้นของ หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี วัดศาลาดิน นี้ หากยังปรากฏความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงแต่ประการใด ข้าพเจ้าน้อมกราบขอขมาลาโทษต่อหลวงพ่อ และคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ) |
ราคาเปิดประมูล | 7,950 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 7,950 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | ศ. - 05 ส.ค. 2565 - 21:26.58 |
วันปิดประมูล |
ศ. - 05 ส.ค. 2565 - 21:28.06 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 7,950 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
---|---|---|
ยังไม่มีผู้ประมูล |
กำลังโหลด...