เหรียญปิดตาพังพระกาฬ 9รอบ 9พิธี 108 ปีท่านขุนพันธ์ หลักเมืองรุ่นพิเศษ เนื้อทองแดง ปี2549 - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคใต้

เหรียญปิดตาพังพระกาฬ 9รอบ 9พิธี 108 ปีท่านขุนพันธ์ หลักเมืองรุ่นพิเศษ เนื้อทองแดง ปี2549

เหรียญปิดตาพังพระกาฬ  9รอบ 9พิธี 108 ปีท่านขุนพันธ์ หลักเมืองรุ่นพิเศษ เนื้อทองแดง ปี2549 เหรียญปิดตาพังพระกาฬ  9รอบ 9พิธี 108 ปีท่านขุนพันธ์ หลักเมืองรุ่นพิเศษ เนื้อทองแดง ปี2549
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญปิดตาพังพระกาฬ 9รอบ 9พิธี 108 ปีท่านขุนพันธ์ หลักเมืองรุ่นพิเศษ เนื้อทองแดง ปี2549
รายละเอียดรายละเอียด: 9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์ (หลักเมืองรุ่นพิเศษ)
วัดหน้าพระบรมธาตุ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
เนื่องในวาระที่ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษราชเดช มีอายุเวียนบรรจบ ครบ 9 รอบ 108 ปี คุณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช บุตรชายจึงได้ร่วมกับพระครูกาชาด วัดหน้าพระบรมธาตุ จัดสร้างวัตถุมงคลอันทรงรคุณค่ารุ่น “9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์” (หลักเมืองรุ่นพิเศษ) ขึ้นเพื่อนำรายได้สร้างสาธารณะกุศลเป็นการทำบุญอายุให้ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้คือ
-จัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้แก่โรงพยาบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราชไว้ต่อชีวิตรักษาประชาชน
-ก่อสร้างต่อเติมมณฑปวัดหน้าพระบรมธาตุที่ค้างอยู่ให้สำเร็จลุล่วง
-ก่อสร้างศาลาประดิษฐานพระเสื้อเมือง ท้าวจตุคามและพระทรงเมืองท้าวรามเทพ ในวัดหน้าพระบรมธาตุให้ผู้ศรัทธาสักการะบูชา
พิมพ์ทรงสวยงาม มวลสารสรรค์เลิศล้ำ พิธีกรรมเข้มขลังอลังการ
นับเป็นวัตถุมงคลที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญถึงความเพียบพร้อมสมบูรณ์ในทุกๆ ด้านที่สุดยอดวัตถุมงคล พึงมีพึงกระทำอันจะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาสักการะ
*รูปแบบพิมพ์ทรง กล่าวได้ว่าในการจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อกุศลเจตนาโดยคุณ ณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ทุกครั้งทุกรุ่นจะได้รับการยกย่องกล่าวขานในด้านศิลปะอันงดงามและใน รุ่น “ 9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์” (หลักเมืองรุ่นพิเศษ ) ก็เช่นกันที่ได้สรรค์สร้างอย่างงดงามยิ่งทุกแบบทุกพิมพ์มีความละเอียดลออประณีตพิถีพิถันทุกสรรพสิ่งที่ปรากฏในองค์วัตถุมงคล มีความหมายที่เป็นมงคลความสำคัญและโดดเด่นยิ่งของวัตถุมงคลรุ่นนี้ทุกแบบพิมพ์คือ การนำรูปจำลองศาลหลักเมืองประทับไว้เพื่อบ่งบอกถึงคุณค่าความเป็นวัตถุมงคล “หลักเมืองรุ่นพิเศษ” อย่างสมบูรณ์
*ชนวนมวลสาร หัวใจสำคัญในการจัดสร้างวัตถุมงคลให้บังเกิดความเลิศล้ำ สิ่งที่ไม่อาจละเลยมองข้าม ได้ก็คือการแสวงหามวลสารศักดิ์สิทธิ์มาผสมผสานลงในเนื้อหาดังเช่นรุ่น “9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์” (หลักเมืองรุ่นพิเศษ) นี้ได้มีความวิริยะอุตสาหะเสาะแสวงหามวลสารมากมายมาเป็นส่วนผสมนอกเหนือจากมวลสารหลักคือผลมวลสารว่านศักดิ์สิทธิ์นับร้อยนับพันชนิดของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งต่อมาได้บังเกิดเป็นมวลสาร ของวัตถุมงคลหลายรุ่นผ่านพิธีประจุพุทธาคมทับถมกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนทุกวันนี้ อาทิรุ่น ขุนพันธ์พุทธาคมเขาอ้อ รุ่นมงคลจักรวาล พุทธาคมเข่าอ้อ รุ่นเจ้าสัวเบตง รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547 รุ่นพุทธศิลป์ย้อนยุค วัดนาสน รุ่นไตรภาคีศรีนคร วัดนางตรา รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ รุ่นพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง วัดหน้าพระบรมธาตุ ซึ่งล้วนแล้วแต่นำมวลสารมาผสมในรุ่นนี้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังได้แสวงหามวลสารสำคัญ ย้อยรอยตำนานหลวงพ่อทวด หลายแห่งที่มีความเกี่ยวพันกับท่านอันมีมวลสารจากวัดช้างให้ วัดพะโค๊ะ วัดดีหลวง วัดสีหยัง วัดโพธิเจติยาราม มาเลเซีย สำนักสงฆ์ต้นเลียบ เนเปล ศาลาหลวงพ่อทวดท่าแพ วัดเสมาเมือง วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร วัดหัวลำภูใหญ่ ศาลาหลวงพ่อทวดบ้านโกฏ วัดเขาอ้อ วัดแค อยุธยา และที่เลิศล้ำสำคัญยิ่ง คือมวลสารพระผงพระพุทธชินราช ภ.ป.ร. ซึ่งมีส่วนของผงพระเบญจภาคี และผงในหลวงพระราชทาน คือผงจิตรลดา
* พิธีกรรมมหามงคล นับเป็นความยิ่งใหญ่อลังการซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน ในประวัติศาสตร์การจัดสร้างวัตถุมงคลในเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะองค์ท้าวจตุคามและท้าวรามเทพ แม้กระทั้งวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด ซึ่งในการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น “9 รอบ 9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์” (หลักเมืองรุ่นพิเศษ) อันทรงคุณค่าครั้งนี้ได้มุ่งมั่นประกอบพิธีรวม 9 วาระมหามงคล เพื่อให้บังเกิดความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ชนิดมิอาจประมาณได้ นอกจากเนื้อหาภายในจะมีความศักดิ์สิทธิ์ทุกอนุเนื้อ ภายนอกยังได้เคลือบทับพลังพุทธาคมอย่างเข้มขลังทรงพลังหลายวาระ ซึ่งจะส่งผลให้วัตถุมงคล รุ่น “9 รอบ9 พิธี 108 ปี ท่านขุนพันธ์”(หลักเมืองรุ่นพิเศษ) น้ำบรรลุถึงความเป็นวัตถุมงคลกฤตยาคมแฝด ซึ่งโบราณจารย์เรียกขานกันว่าดีตั้งแต่เนื้อในยันผิวนอก เข้มขลังไม่มีวันเสื่อม
วาระที่ 1 ได้ประกอบพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณหลวงพ่อทวดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 08.19 น. ณ ศาลาหลวงพ่อทวด วัดท่าแพ (สถานที่ซึ่งหลวงพ่อผูกแพกลางน้ำเพื่ออุปสมบท)
วาระที่2 ได้ประกอบพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณหลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 13.19 น. ณ ศาลาหลวง พ่อทวด วัดเสมาเมือง (สถานที่ซึ่งหลวงพ่อทวด เมื่อครั้งเป็นสามเณร ได้มาศึกษาพระธรรมวินัย)
วาระที่3 ได้ประกอบพิธียวงสรวงขออนุญาติ หน้าสถูปเจดีย์ ณ วัดช้างไห้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2547
วาระที่4 ประกอบพิธีบวงสรวงปลุกเสกปรุงยาวาสนามหาจินดามณีต่อหน้าเบื้องพระพักตร์องค์พระพุทธปฏิมาโดยพระอาจารย์ สมพงษ์ วัดท่าเสา จ.สมุทรสาคร เป็นเจ้าพิธีกรรมฝ่ายสงฆ์ และอาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอก พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรมฝ่ายฆราวาส ณ วิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในวันที่ 20 มีนาคม 2549
วาระที่5 ประกอบพิธีวงสรวงเทพยดา เปิดพิมพ์พระผงยาวาสนามหาจินดามณีนำฤกษ์ และเททอง รูปเหมือนหลวงพ่อทวดนำฤกษ์รวมทั้งเททองโลหะชนวนทุกเนื้อคือ ทอง นาก เงิน นวโลหะ ฝาบาตร ทองแดง เพื่อนำชนวนเนื้อไปจัดสร้างเหรียญทุกแบบพิมพ์(เป็นปลุกเสกเนื้อใน) ณ วัดหน้าพระบรมธาตุ ในวันที่ 23 มีนาคม 2549
วาระที่ 6 ประกอบพิธีพุทธาภิเษกเป็นปฐมฤกษ์ ณ ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2549
วาระที่7 ประกอบพิธีปลุกเสกกลางทะเล ที่ปากน้ำชุมพร สถานที่ซึ่งหลวงพ่อทวดจุ่มเท้าเหยียบ น้ำทะเลจืด ในวันที่ 4 มิถุนายน 2549
วาระที่ 8 ประกอบพิธีบวงสรวงพุทธาภิเษก ณ สำนักวัดเขาอ้อ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2549
วาระที่9 ประกอบพิธีบวงสรวงสมโภชพุทธาภิเษกกลางหาว รับแสงสุริยันจันทรา ณ วัดหน้าพระบรมธาตุ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2549
เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปัจจุบันนี้วัตถุมงคลที่นับเป็นสุดยอดแห่งเมืองทักษิณที่มีผู้แสวงหากันอย่างกว้างขวางในค่านิยมที่สูงยิ่ง คือ พระหลวงพ่อทวดเนื้อว่านพิมพ์เตารีด ปี 2497 หรือแม้กระทั้งพิมพ์อื่นๆ ซึ่งสร้างในลำดับต่อมายุคสมัย พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ สำหรับวัตถุมงคลในยุคหลังไม่ถึงยี่สิบปีที่กำลังโด่งดังค่านิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีผู้ศรัทธาเสาะแสวงหากันอย่างกว้างขวางคือ พระผงสุริยัน จันทราท้าวจตุคาม-ท้าวรามเทพ ปี 2530 และเหรียญพระปิดตาพังพากาฬ ปี 2532 วัตถุมงคลหลักเมือง ที่ค่านิยมระดับ หลักแสนบาท ในปัจจุบัน ทั้งองค์ ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ พังพากาฬ และหลวงพ่อทวดต่างมีผู้ศรัทธาเคารพบูชาขนานนามท่านว่า “พระโพธิสัตวแห่งอาณา จักรทะเลใต้”
วัตถุมงคลทรงคุณค่า รุ่น “9 รอบ 9 พิธี 108 ท่านขุนพันธ์” (หลักเมืองรุ่นพิเศษ) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญประการนี้จึงได้จัดสร้างย้อนตำนานวัตถุมงคลสามพระโพธิสัตว์ผู้มากด้วยบุญญาบารมี ด้วยความพิถีพิถันให้ทรงคุณค่าเปี่ยมไปด้วยความเลิศล้ำเข้มขลัง ทรงอิทธิอานุภาพ อันจะนำพาไปบูชาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อย่างสนิทใจ
พระโพธิสัตว์ท้าวจตุคาม ท้าวรามเทพ ถึงแม้ในห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาจะมีการสร้างวัตถุมงคลรูปองค์ ของท่านกันมากในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันตามความเชื่อถือ หากแต่ในการจัดสร้างโดยคุณณสรรค์ พันธรักษ์ราชเดช ซึ่งเป็นผู้กำหนดรูปแบบพิมพ์ทรงและในด้านพิธีกรรม จะยึดมั่นตามหลักฐานที่ปรากฏในวิหาร พระทรงม้า วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร คือจะต้องครบถ้วนทั้งสองพระองค์ตามพระนามที่ปรากฏ คือท้าวจัตุคาม และท้าวรามเทพ ทั้งพระผงและเหรียญในรุ่น “ 9 รอบ 9 พิธี 108 ท่านขุนพันธ์)(หลักเมืองรุ่นพิเศษ) ก็ยังคงเป็นไปตาม เจตนาเดิมโดยด้านหลังได้อัญเชิญองค์ท้าวจตุคามและองค์ท้าวรามเทพ ในลักษณะครึ่งพระองค์ภายในกลัยบัวลายไทยประทับสลับกัน โดยมีรูปศาลหลักเมืองจำลองอยู่กึ่งกลางพร้อมด้วยศาลาจตุรทิศครบถ้วนตามสถานที่จริง พร้อมทั้งมีอักษรจารึกไว้ว่า “หลักเมืองรุ่นพิเศษ” นอกจากนี้ยังได้มีการจัดสร้างเหรียญเศียรเจ้าพ่อหลักเมือง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเหรียญแสตมป์ขึ้นด้วยอีกหนึ่งพิมพ์ โดยกำหนดให้เป็นยันต์กลับเพื่อกลับร้ายให้กลายเป็นดี กลับดีให้ทวียิ่งขึ้น

พระโพธิสัตว์พังพากาฬ ตำนานพังพะกาฬ เล่าขานกันว่าเมื่อราวแปดร้อยปีก่อนในนครตามพรลิงค์ พังพะกาฬได้ถือกำเนิดขึ้นในตระกูลชาวนาที่ยากจน ขณะยังเป็นทารกวัยแบเบาะ พ่อแม่ได้ออกทำนาโดยผูกเปลไว้โคนต้นไม้ ขณะทำนาอยู่ไม่ไกลได้เห็นงูจงอางตัวใหญ่กำลังขดตัวพันรอบเปล อารามตกใจจึงได้ตะโกนเสียงขับไล่งูจงอางใหญ่จึงได้เลื้อยหนีหายไป พ่อแม่จึงได้รีบวิ่งมาดูปรากฏว่าทารกน้อยพังพากาฬ ยังหลับอยู่แต่อัศจรรย์ที่ข้างตัวมีลูกแก้วแวววาวอยู่หนึ่งลูก จึงเชื่อว่างูจงอางตัวนั้นแท้ที่จริงเป็นงูเทวดาคาบแก้วมาให้พังพะกาฬเจริญวัยด้วย สติปัญญาที่เหนือเด็กทั่วไปสนใจใฝ่ศึกษาวิชาคาถาอาคมแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเป็นประจักษ์อยู่บ่อยๆ ครั้งหนึ่งเคยเล่นต่อสู้กับเพื่อนๆ ปรากฏว่าพังพะกาฬ ได้ใช้ดาบไม้ภาเขฟันคอเพื่อนจนขาดกระเด็นโดยไม่ตั้งใจ ความเก่งกล้าสามารถของพังพะกาฬทำให้ต่อมาในวัยหนุ่มได้เป็นแม่ทัพขุนศึกคู่บรรลังค์ของพระเจ้าจันทรภาณุ ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งนครตามพรลิงค์ที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรศรีวิชัยในพี 1773 พระเจ้าจันทรภาณุ ได้สลักศิลาจารึกประกาศเอกราช ทำให้กองทัพศรีวิชัยยกกำลังเข้ารุกรานเพื่อไม่ให้แข็งข้อ พระเจ้าจันทรภาณุ พร้อมด้วยพังพะกาฬขุนศึกคู่ใจได้ร่วมกันต่อสู้อย่างไม่กริ่งเกรงเสียขวัญ ขุนศึกพังพะกาฬ ได้ขึ้นไปบนยอดเขาร่ายเวทสาธยายมนตรากวัดแกว่งดาบอย่างคล่องแคล่ว ด้วยอิทธิฤทธิ์ปรากฏว่าเหล่าทหารศรีวิชยคอขาดกระเด็นเป็นทิวแถววันละหลายสิบคน ด้วยแสนยานุภาพแห่งกองทัพพระเจ้าจันทรภาณุ ด้วยมหาเวทมนตราของขุนศึกพังพะกาฬ ในที่สุดกองทัพศรีวิชัยก็พ่ายแพ้ถอยร่นหมดทางสู้กลับสู่ศูนย์กลางอาณาจักรที่เกาะสุมาตราแล้วอาณาจักรศรีวิชัยที่รุ่งเรืองมานับพันปีก็ถึงกาลล่มสลาย พระเจ้าจันทรภาณุและพังพะกาฬ ขุนศึกคู่ใจได้ แผ่ขยายอำนาจยึดเมืองรอบข้างต่างๆ ได้และต่อมาตั้งเป็นเมืองสิบสองนักบัตร โดยมีตามพรลิงค์ หรือนครศรีธรรมราช
เหรียญปิดตาพระโพธิสัตว์พังพะกาฬ หลักเมือง สร้างขึ้นปี 2532 โดยมี พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรมประกอบพิธีปลุกเสกที่สำนักวัดเขาอ้อ ปัจจุบันเป็นที่นิยมเสาะแสวงหากันอย่างกว้างขวางในค่านิยมสูงระดับหลักแสนบาท และถึงล้านบาทหากเป็นเหรียญทองคำ ล่าสุดเหรียญทำเทียมเลียนแบบฝีมือเฉียบขาดระบาดไปทั่ว ดังนั้นเหรียญปิดตาพระโพธิสัตว์พังพะกาฬ ซึ่งจัดสร้างเนื่องในวาระ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดชมีอายุครบ 9 รอบ 108 ปี จึงมีคุณค่าแก่การบูชาสักกะระเพราะนอกจากจะประกอบพิธีหลายวาระรวมทั้งสถานที่เดิมคือ ศาลหลักเมืองและสำนักวัดเขาอ้อ เป็นการย้อนรอบอดีตและประการสำคัญคือ ได้นำ รูปศาลหลักเมืองจำลองประทับไว้ด้านหลังด้วยบ่งบอกถึงความเป็น “หลักเมืองรุ่นพิเศษ”
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 27 ต.ค. 2553 - 22:33.20
วันปิดประมูล พ. - 03 พ.ย. 2553 - 22:33.20 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
siriwong (7) (-4) 124.120.136.68
100 บาท ศ. - 29 ต.ค. 2553 - 14:50.25
กำลังโหลด...
Top