ประมูล หมวด:เครื่องรางของขลัง
ปลัดขิกวาวกะมอล หลวงปู่ดา สุวณฺโณ วัดอุดมพร จ.สุรินทร์ ( เจ้าตำรับปลัดขิกว่ายน้ำได้)
| ชื่อพระเครื่อง | ปลัดขิกวาวกะมอล หลวงปู่ดา สุวณฺโณ วัดอุดมพร จ.สุรินทร์ ( เจ้าตำรับปลัดขิกว่ายน้ำได้) |
|---|---|
| รายละเอียด | ปลัดขิกวาวกะมอล หลวงปู่ดา สุวณฺโณ ทำจากไม้เทพ จัดสร้างเป็นรุ่นที่สอง เนื่องจากว่ารุ่นหนึ่งหมดลงไปอย่างรวดเร็ว และมีลูกศิษย์ลูกหามาขอร้องให้ทำกันเยอะมากจนหลวงปู่รำคาญ แต่คราวนี้มีทีเด็ดยิ่งกว่าเพราะ บรรจุสีผึ้งวาวกะมอล ลงที่หัวปลัดขิก วิชาปลัดขิกวาวกะมอล ประกอบด้วยมนต์และวัตถุอาถรรพ์สำคัญ ๓ อย่างคือ ๑. ไม้ที่ทำปลัดขิกนั้นต้องเป็นไม้เทพธาโร เพราะไม้นี้เป็นไม้อาถรรพ์ที่มีเทพรักษาอยู่ ในเนื้อไม้จึงมีความหอม ยิ่งใช้ทำปลัดขิกผูกเอว สัมผัสไอร้อนจากตัวคน น้ำมันหอมในเนื้อไม้ยิ่งถูกกระตุ้นให้ส่งกลิ่นหอมออกมาใหญ่ เวลาเดินไปไหนมาไหน ปลัดขิกจะยิ่งส่งกลิ่นหอมออกมารัญจวนใจทุกคนที่อยู่ใกล้ ทำให้หลงใหลในตัวเรา ๒. สีผึ้งวาวกะมอล เป็นสีผึ้งที่วิเศษสุดในกระบวนสีผึ้งต่างๆ เพราะสีผึ้งวาวกะมอลนั้นต้องปรุงจากขี้ของผึ้งตัวเล็กๆที่ทำรังอยู่ใต้ดินหรือที่เราเรียกกันว่าชันโรงใต้ดินซึ่งมีลักษณะเหนียวสีน้ำตาลอมดำ เหตุที่ต้องใช้ขี้ผึ้งใต้ดินนั้นก็เพราะว่าภายใต้ผืนดินนั้นจะอุดมไปด้วยพลังธาตุน้ำของแม่พระธรณี พลังของธาตุน้ำนี้เป็นพลังแห่งความเมตตา สามารถเอาชนะมารต่างๆได้ ดังที่เห็นในเรื่องพระแม่ธรณีปราบมารที่มาผจญพระพุทธเจ้า ด้วยการบีบมวยผมให้น้ำท่วมกองทัพพญามารจนต้องพ่ายแพ้ไป เหตุนี้เองขี้ผึ้งในดินจึงมีความวิเศษเหนือขี้ผึ้งบนดิน ดังจะเห็นได้จากการนำชันโรงนี้ไปอุดเบี้ยแก้ เพราะจะทำให้เบี้ยแก้ชนะมาร ชนะภูตผีปีศาจเพิ่มขึ้น ขี้ผึ้งชันโรงนั้นปกติก็เป็นของหายากอยู่แล้ว แต่ขี้ผึ้งชันโรงที่จะนำมาทำสีผึ้งวาวกะมอลนั้นยิ่งหายากขึ้นไปกว่า เพราะวิชาบังคับไว้ว่า ต้องไปหาขี้ผึ้งของชันโรงที่กินน้ำเลี้ยงของดอกว่านดอกทองเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องไปหารังชันโรงที่อยู่ท่ามกลางดงว่านดอกทอง ซึ่งกว่าจะตามหากันจนพบต้องใช้เวลาหลายปี ว่านดอกทองนี้ก็เป็นว่านที่ออกดอกบนดิน (ไม่เหมือนต้นไม้ทั่วไปที่ออกดอกบนที่สูง) ดอกของว่านดอกทองจึงมีพลังธาตุน้ำจากแม่พระธรณีสูง มีอานุภาพทางมหาเสน่ห์กระตุ้นให้เกิดความอยากมีเพศสัมพันธ์ ขี้ผึ้งชันโรงที่กินน้าเลี้ยงดอกว่านดอกทองนี้มีกลิ่นหอมประหลาด ขนาดยังไม่ทันได้เคี่ยวหรือปลุกเสกอะไรเลย ดมแล้วยังเกิดอารมณ์ทันที จึงถือว่าเป็นของกายสิทธิ์มีอาถรรพ์ลี้ลับทางด้านมหาเสน่ห์ ซึ่งมีในวิชาของหลวงปู่ดาเพียงรูปเดียว เพราะก่อนที่อาจารย์ของหลวงปู่จะล่วงลับ ท่านเคยบอกว่าไม่เคยสอนใคร และสั่งให้หลวงปู่พิจารณาลุกศิษย์ให้ดีก่อนจะถ่ายทอดออกไป (ถ้าหลังจากนี้มีใครนำไปทำบ้าง แปลว่าอ่านจากนิตยสารเราเอาไปแอบอ้าง) เมื่อไปพลีได้ขี้ผึ้งชันโรงมาแล้วต้องนำมาหุงกับน้ำมันงาในคืนจันทร์เพ็ญ โดยหุงทีละน้อย ทีละน้อย แบบไม่ใช้ฟืนไฟ แต่จะเอาขี้ผึ้งชันโรงกับน้ำมันงาใส่ในถ้วยตะไลไปวางอยู่บนนิ้วมือของผู้หุง โดยใช้นิ้วก้อย นิ้วชี้ นิ้วโป้ง กางเป็นก้อนเส้า ๓ เส้า แล้วงอพับนิ้วชี้ กับ นิ้วนาง เป็นแท่งฟืน จากนั้นก็บริกรรมพระคาถาและเพ่งด้วยธาตุไฟจนสีผึ้งกับน้ำมันหลอมละลายจนเขากันดีจึงจะสำเร็จ การหุงสีผึ้งแบบนี้เป็นการหุงชั้นสูง อานุภาพต่างๆไม่ถูกทำลายให้ด้อยลงด้วยฟืนไฟ ต้องมีความแก้กล้าในธาตุอภิญญาพอสมควร (เมื่อก่อนตอนแรกๆที่ผมเรียนการหุงสีผึ้งแบบนี้ เคยทำผิดวิธีปรากฏว่าปากเป็นแผลพุพองแบบร้อนในไปหลายวัน) ๓. มนต์วาวกะมอลเป็นมนต์ทางด้านอิตถีนารีของส่วยโบราณ ที่มีอาถรรพ์สูง มีอานุภาพร้อนแรงสามารถฟื้นชะตาได้ หากผู้ปลุกมนต์เป็นคนธรรมดาไม่แก่กล้าอะไรเลย ก็ยังมีอานุภาพเป็นเสน่ห์เมตตา เจรจาพาทีฟังดูไพเราะถูกใจผู้ฟังไปหมด แต่หากผู้ปลุกมนต์แก่กล้าแล้ว จะสามารถทำให้ผู้ต้องมนต์นี้จะเกิดรัก เกิดหลง แบบโงหัวไม่ขึ้น ขนาดนางฟ้ายังต้องยอมทำตามที่ตนปารถนาทุกประการ ครูโบราณชั้นสูงที่โพนช้าง (คล้องช้าง) หากมีมนต์นี้ แค่ขี่ช้างต่อเดินเข้าป่าไป ช้างป่าก็จะเดินตามออกจากป่ามายังหมู่บ้านเป็นโขลงโดยไม่ต้องใช้ประกำ (เชือกคล้องช้างที่ทำจากหนังควายควั่นเป็นเกลียว) รับประกันตามกฏทุกกรณี ซองเดิมพร้อมใบฝอยพระคาถากำกับ |
| ราคาเปิดประมูล | 500 บาท |
| ราคาปัจจุบัน | 500 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
| เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
| วันเปิดประมูล | พ. - 10 พ.ค. 2566 - 07:26.34 |
| วันปิดประมูล |
อ. - 30 พ.ค. 2566 - 07:26.34
|
| ผู้ตั้งประมูล | |
| แชร์หน้านี้ |
| ราคาปัจจุบัน | 500 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
|---|---|
| เพิ่มครั้งละ | 50 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
| กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
| ผู้เสนอราคา | ราคา | เวลา |
|---|---|---|
| ยังไม่มีผู้ประมูล | ||
กำลังโหลด...






