พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ - webpra

ประมูล หมวด:วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ยศเส - วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน - พระอาจารย์วิริยังค์ วัดธรรมมงคล

พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ

พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง พระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล สวยมากพร้อมกล่องเดิมค่ะ
รายละเอียดพระหยกแกะ พิมพ์พระพุทธปางสมาธิ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพ​ฯ จัด​สร้าง​ปี​ พ.ศ. 2536 ขนาด 1.5 x 2.3 ซม. สภาพสวยสมบูรณ์มากพร้อมกล่องเดิม แบ่งให้เช่าบูชา​ 600 บาทนะคะ

Tel. 0819410767

Line id : jowtongdeelert


ที่มาของพระหยก วัดธรรมมงคล
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2535 เราคนไทยคงจะจำข่าวอันเป็นมงคลเกี่ยวเนื่องทางพระพุทธศาสนากันได้ เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมทางหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ไม่เว้นแม้แต่โทรทัศน์ที่สนใจติดตามข่าวโดยนำไปเผยแพร่ถึงความมหัศจรรย์ที่เราได้พบหยกสีเขียวขนาดมหึมา ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน

ความต้องการรัตนชาติล้ำค่าชนิดนี้ เกิดขึ้นจากปณิธานของ พระราชธรรมเจติยาจารย์ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ พระสงฆ์รูปนี้ท่านเป็นศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาสักองค์หนึ่ง เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไปภายหน้า ซึ่งวัตถุที่หลวงพ่อต้องการจะนำมาแกะสลักพระตามที่ท่านกำหนดไว้ในใจก็คือ หยกสีเขียว ขนาดใหญ่และบริสุทธิ์ จึงหาได้ยากยิ่งในเมืองไทยและต่างประเทศ แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อที่จะรอคอย

มาในภายหลังหลวงพ่อวิริยังค์ท่านทราบข่าวว่าในประเทศแคนาดามีบริษัททำเหมืองหยก ท่านจึงได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดาในปี พ.ศ.2530 การเดินทางครั้งนั้นท่านเดินทางไปพร้อมกับลูกศิษย์ของท่าน เพื่อไปสืบหาหยกสีเขียวมาแกะสลักให้ได้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วก็ยังไม่พบหยกตามต้องการ ท่านจึงเข้าพบเจ้าของบริษัททำเหมืองหยก ขอสั่งจองก้อนหยกขนาดใหญ่ไว้ หากขุดได้ท่านจะซื้อกลับมาเมืองไทย

จากนั้นท่านและคณะศิษย์ก็ได้เดินทางกลับมารอฟังข่าวที่เมืองไทย เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆก็ยังไม่มีข่าวดีสักที เพราะแม้ทางเหมืองจะขุดพบหยกสีเขียว และนำขึ้นมาได้ก็ยังไม่ได้ขนาดตามที่หลวงพ่อต้องการ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2534 ช่วงเวลาตีสาม ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อวิริยังค์ได้นำพระภิกษุ สามเณรในวัดธรรมมงคลลุกขึ้นนั่งสมาธิเป็นปกติ ขณะที่ท่านนั่งสมาธิก็ได้เกิดนิมิตเห็นหยกสีเขียวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมาปรากฏ เมื่อออกจากสมาธิท่านจึงมั่นใจว่าคราวนี้จะต้องได้พบหยกสีเขียวตามที่ตั้งใจไว้แน่ๆ ท่านจึงกำหนดเดินทางไปยังประเทศแคนาดาอีกครั้ง
ทันทีที่ได้ไปถึงเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ซึ่งเป็นรัฐใหญ่ของประเทศแคนาดา ท่านก็ทราบข่าวว่ามีการขุดพบหยกสีเขียว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการขุดพบมา ซึ่งสถานที่พบหยกก้อนนี้ไม่ใช่ที่เหมืองหยก แต่เป็นเหมืองทองคำของ นายจอห์น สกัสเลอร์ ชาวเยอรมัน นายจอห์นผู้นี้เข้ามาแสวงโชคในแคนาดาด้วยการทำเหมืองหาสินแร่ทองคำนานหลายสิบปีแล้ว กิจการนับว่ารุ่งเรืองและการขุดพบหินหยกครั้งนี้เป็นการพบโดยไม่คาดฝันมาก่อน ซึ่งวันที่ขุดพบก็ตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2535 ตรงกับวันที่หลวงพ่อวิริยังค์ท่านนั่งสมาธิมีนิมิตเห็นหยกสีเขียวพอดี ดูจะเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ไม่น้อย

นายจอห์นเล่าว่าวันนั้นขณะกำลังคุมงานขุดหาแร่ทองคำตามปกติ จู่ๆเขาก็เกิดความต้องการจะให้คนงานขุดเจาะลงไปยังที่แห่งหนึ่ง โดยไม่มีเหตุผลและไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะอะไรจึงอยากให้ขุดบริเวณนั้นขึ้นมา ซึ่งเมื่อคนงานเริ่มขุดเจาะผิวดินและหินก็พบว่าตรงบริเวณนั้นมีสายแร่ทองคำมากพอสมควร จึงให้ขุดต่อไปอีก เมื่อขุดต่อไปสายแร่ทองคำก็หายไป นายจอห์นก็จะบอกให้หยุดขุดเพียงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไรจึงพูดไม่ออกและน่าแปลกที่คนงานซึ่งกำลังขุดก็ไม่ทักท้วง ทั้งๆที่ไม่ได้แร่ทองคำขึ้นมาเลย คล้ายกับมีพลังอำนาจจากอะไรบางอย่างบังคับให้ขุดต่อไป

จนในที่สุดความอัศจรรย์ก็บังเกิดเมื่อมีการขุดพบก้อนหยกสีเขียวขนาดมหึมาอยู่ภายในหลุมลึก เป็นหยกสีเขียวที่สมบูรณ์สวยงาม ไร้รอยตำหนิ เพียงก้อนเดียวที่มาผุดในเหมืองทองคำ และน่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นก็คือจากการสันนิษฐานจากนักธรณีวิทยาผู้ร่วมทีมขุดและจากความเชี่ยวชาญของนายจอห์นเอง ทำให้แน่ใจว่าหยกก้อนนี้ไม่ใช่หยกที่เกิดขึ้นในสถานที่นี้ แต่หยกก้อนนี้ได้เคลื่อนตัวจากยอดเขาสูงสุดคือยอดเขาคิงส์เม้าน์เทนลงมา และใช้เวลาเคลื่อนไหลไม่ต่ำกว่า 8,000-10,000 ปีอย่างแน่นอน กว่าจะมาปรากฏ ณ ที่ขุดพบ และหลังจากขุดพบหยกก้อนนี้ก็ต้องใช้เวลาถึง 7 วัน กว่าจะนำขึ้นจากดินได้โดยไม่มีส่วนใดบุบสลาย
ฝ่ายเจ้าของเหมืองคือนายจอห์นนั้น ยิ่งพอรู้ว่าหลวงพ่อวิริยังค์ต้องการติดตามสืบหาหยกเขียวบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อนำไปแกะสลักองค์พระพุทธรูปเป็นตัวแทนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะประดิษฐ์ไว้ในประเทศไทยก็ยิ่งขนลุกด้วยความปีติ เขาเชื่อว่าการค้นพบครั้งนี้เป็นปาฏิหาริย์แน่นอน หยกก้อนนี้ต้องมีเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยเฝ้าปกปักรักษาไว้เพื่อเป็นรัตนชาติในพระพุทธศาสนาเท่านั้น จึงบันดาลให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น
เมื่อรัตนชาติสีเขียวก้อนนี้เดินทางมาเมืองไทยก็ได้มีพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีก็ต้องเฟ้นหาช่างฝีมือเพื่อมาแกะสลักหยกให้เป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่างแกะสลักฝีมือเยี่ยมที่สุดในโลกมีอยู่ที่ประเทศอิตาลีเท่านั้น ดังนั้น หลวงพ่อวิริยังค์จึงต้องเดินทางไปประเทศอิตาลีอีกครั้ง เพื่อไปติดต่อช่างแกะสลักนายหนึ่งชื่อว่า เปาโล เวี้ยกกี้ โดยที่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า ทราบแต่เพียงว่าช่างคนนี้เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยด้วย แต่เมื่อคณะของหลวงพ่อเดินทางไปถึงก็ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยปิดและไม่สามารถติดต่อช่างเปาโลได้เลย เพราะไม่รู้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้หลวงพ่อผิดหวังอย่างยิ่งจึงต้องเดินทางกลับเมืองไทย
แต่แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะก่อนที่จะเดินทางในวันรุ่งขึ้น คณะของหลวงพ่อได้พากันไปซื้อรองเท้าที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ช่างเปาโลก็เข้าไปซื้อรองเท้าในร้านเดียวกัน จึงได้เจรจารายละเอียดและนัดหมายในเรื่องการแกะสลักพระพุทธรูปหยกเขียว หลังจากนั้นช่างเปาโลและช่างอีกคนหนึ่งชื่อ ซีซี่ก็เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำการแกะสลักหยกสีเขียวเป็นองค์พระพุทธรูป ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังจากปากของช่างเปาโลว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากในการมาแกะสลักพระพุทธรูปหยกครั้งนี้ เพราะขณะที่เขากำลังแกะสลักนั้น มันเหมือนกับมีแม่เหล็กมาดูดที่มือเขาตลอดเวลา และตามความรู้สึกของเขานั้นเหมือนกับพระพุทธเจ้า เสด็จมาคอยให้เห็นอยู่ตรงหน้าและเวลาฝันก็จะฝันเห็นพระพุทธเจ้าอยู่บ่อยครั้ง
จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้เราได้สัมผัสกับความเป็นมาของพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งปัจจุบันถูกประดิษฐานอยู่บนชั้น 3 ของศาลาพระปรมาภิไธยย่อภปร. ภายในวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 องค์พระพุทธรูปหยกเขียวนี้ มีพระนามเต็มว่า "พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย หรือ หลวงพ่อหยก" ซึ่งโดยพุทธลักษณะแล้วเป็นพระพุทธรูปที่ถูกบรรจงแกะสลักอย่างงดงามและหาดูได้ยากยิ่ง
พระองค์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปหยกศรีไทย วัดธรรมมงคล ซึ่งเป็นส่วนจากการแกะสลักของนายช่างชาวอิตาลี่ เมื่อปี2535 จึงเป็นการมั่นใจได้ว่าพระหยกองค์นี้เป็นหยกแท้100% ทั้งยังมีที่มาจากการอธิษฐานจิตจากพระอริยะเจ้าลูกศิษย์พระอรหันต์อย่างหลวงปู่มั่นอีกด้วย การประดับเครื่องประดับด้วยหยกแท้ก็นับว่ามีพลังเสริมดวงเสริมบารมีแล้ว และยังเป็นหยกที่แกะสลักเป็นรูปพระ ที่มีอานุภาพลือเลื่องดังมีสนเทห์ว่า ถ้าเอาพระวางไว้บนหัวแล้วต่อสู้กับข้าศึกก็จะไม่เป็นอันตรายไดๆ เลย ก็ยิ่งเสริมดวงให้ผู้ส่วมใส่มีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นไปอีก
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 12 มิ.ย. 2567 - 19:02.11
วันปิดประมูล อ. - 02 ก.ค. 2567 - 19:02.11 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
เบอร์ติดต่อ 081-9410767
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
200 บาท พฤ. - 20 มิ.ย. 2567 - 10:03.07
กำลังโหลด...
Top