
ประมูล หมวด:พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
เคาะเดียว10แดง สมเด็จ หลังรูปเหมือน ลพ.ทบ วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์ ปี17 ฉลองอายุ95ปี


ชื่อพระเครื่อง | เคาะเดียว10แดง สมเด็จ หลังรูปเหมือน ลพ.ทบ วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์ ปี17 ฉลองอายุ95ปี |
---|---|
รายละเอียด | สมเด็จ หลังรูปเหมือน ลพ.ทบ วัดชนแดน (ออกวัดช้่างเผือก) หลวงพ่อทบ ธมฺมปญโญ ถือกำเนิดเกิดมาเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน4 ปีมะเส็ง ตรงกับวันท่ 3 มีนาคม พ.ศ.2424 ณ.บ้านยางหัวลม ตำบลนายม(ปัจจุบันแยกเป็นตำบลวังชมพู) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ หลวงพ่อทบเป็นบุตรคนที่3 ของคุณพ่อเผือกและคุณแม่อินทร์ ม่วงดีมี่น้อง4คน ได้แก่ 1 นายหว่าง ม่วงดี 2 นางใบ ม่วงดี 3 นายทบ ม่วงดี (หลวงพ่อทบ) 4 นางแดง ม่วงดี ทำไมชื่อ”ทบ” ครั้งที่หลวงพ่อทบถือกำเนิดจากครรภ์มารดา ในวันคลอดปรากฎว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น หลวงพ่อทบถือกำเนิดผิดแผกแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ที่การเวลาคลอดศรีษะของท่านจะโผล่ออกมาก่อน แต่หลวงพ่อทบตอนคลอดศรีษะกับเท้าออกมาพร้อมกัน ดังนั้นบิดามารดา จึงตั้งชื่อให้ว่า “ทบ” หลวงพ่อทบ เกิดในตระกูลชาวไร่ชาวนา ฐานะค่อนข้างร่ำรวย มีที่ดินและกระบือมากกว่าคนละแวกนั้น ชีวิตจึงมีความสุขสบาย ตอนเด็กหลวงพ่อทบได้เรียนที่โรงเรียนวัดแถวบ้าน หลวงพ่อทบสนใจการเรียนมาก สามารถอ่านเขียนได้ทั้งภาษาไทยและขอม ท่านชอบการอ่านเป็นอย่างมากและมีความจำเป็นเลิศ เมื่ออายุ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดช้างเผือก มีพระอาจารย์สี เจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อทรัพย์ตาพรรณวาจาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ทรงวิทยาคุณทางเวทย์มนต์คาถาอย่างมากเป็นผู้บรรพชาให้ ช่วงบรรพชาได้ศึกษาคาถาอาคมจนแก่กล้า และได้ศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์ปาน เจ้าอาวาสวัดศิลาโมง จนหลวงพ่อทบได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จนหมดสิ้น เมื่อ ย่างอายุ 21 ปี ได้ทำการอุปสมบท ณ วัดเกาะแก้ว ต.นายม โดยมีพระครูเมือง เป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมะปัญโญภิกขุ ได้จำอยู่ที่วัดช้างเผือก เป็นเวลา 2 ปี พอเข้าฤดูพรรษาต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดวังโป่ง อ.ชนแดน อีก 2 ปี จึงเริ่มเดินธุดงค์ ไปตามป่าเขาลำเนาไพรแต่เพียงรูปเดียว ช่วงธุดงค์ท่านได้บำเพ็ญศีลภาวนา แสวงหาความรู้ ศึกษาเวทย์มนต์คาถาตามถ้ำ หน้าผาผนังหินที่มีผู้จารึกไว้ในสมัยก่อน บางครั้งต้องดำรงชีพด้วยผลไม้ป่าและใบไม้ เคยผจญกับโขลงช้างป่า เสือ สัตว์ร้ายต่าง ๆ ท่านได้แผ่เมตตาภาวนา โดยที่สัตว์เหล่านั้นมิได้ทำอันตรายใด ๆ เลย จนกระทั่งได้พบกับพระธุดงค์อีกรูปหนึ่งจึงชวนกัน เดินธุดงค์ไปจนถึงชายแดนพม่า และได้แสดงอภินิหารซึ่งกันและกันและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกัน จึงแยกย้ายคนละทิศคนละทาง หลวงพ่อทบเดินทางต่อไปจนถึงนครเวียงจันทร์ ได้รู้จักกับพระที่นั่นหลายรูป ได้ช่วยพัฒนาวัดวาอารามจนเป็นที่ชื่นชอบของพระเวียงจันทร์ ถึงกับนิมนต์ให้ประจำอยู่ที่วัด แต่หลวงพ่อปฏิเสธเพราะมีภาระอีกต่อไป คือคำสั่งของพระอาจารย์ว่าวาระสุดท้าย ให้กลับไปจำที่วัดช้างเผือก จากนั้นก็ธุดงค์ไปจนถึงชายทะเลที่จังหวัดตราดติดแดนเขมร ได้ศึกษาวิชากับพระเขมร จนเป็นที่รู้จักของชาวเขมรในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคม หลังจากจาริกไปตามสถานที่ต่าง ๆ หลวงพ่อทบได้กลับมาที่วัดศิลาโมง ต.นายม ท่านได้บูรณะครั้งใหญ่สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้ 40 พรรษา ชื่อเสียงยังไม่มีใครรู้จักมากนัก ต่อมาเมื่อ 40 พรรษา ได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ของ วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของท่านเริ่มมีผู้รู้จักและโด่งดังมากขึ้น เพราะในพิธีมีช่างภาพหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ถ่ายรูปของท่านหลายครั้งแต่ไม่ติด หลังจากพิธีผ่านไป 5 ปี ก็มีโอกาสเข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และเช่นเดียวกันช่างภาพก็ถ่ายภาพไม่ติด ทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อเป็นที่เลื่องลือมากขึ้น จากตำบลนายม หลวงพ่อทบได้ไปจำพรรษาที่อำเภอชนแดน ได้สร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น ชื่อวัดสว่างอรุณ และสร้างวัดอีกแห่งใกล้กันคือวัดพระพุทธบาทเขาน้อย พอได้อายุ 73 พรรษา ก็ได้รับเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน พร้อมได้รับสถาปนาสมณะศักดิ์ทางกรมศาสนาให้ชื่อว่า “พระครูวิชิตพัชราจารย์” ช่วงนี้หลวงพ่อทบได้บูรณะวัดในเขตชนแดนอย่างจริงจัง มีการก่อสร้างปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานอีกหลายแห่ง พออายุย่างเข้า 83 พรรษา นัยน์ตาหลวงพ่อเริ่มฟ่าฟางจนกระทั่งมืดสนิท ท่านจึงได้ลาออกจากตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์ เจ้าคณะอำเภอชนแดน แต่เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ มีมติให้ท่านดำรงตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์กิตติมศักดิ์ ต่อไปจนตลอดอายุ เมื่อ ลาออกจากสมณะศักดิ์แล้ว ท่านก็คิดถึงวัดที่เคยอาศัยอยู่กับพระอาจารย์ คือ วัดช้างเผือก ต.วังชมภู ขณะนั้นเป็นวัดร้างประมาณ 30 – 40 ปี ท่านจึงได้ออกจากวัดพระพุทธบาทเขาน้อย มาอยู่ที่วัดศิลาโมง เพราะสะดวกที่จะย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือก ท่านได้บูรณะวัดศิลาโมงอยู่ระยะหนึ่ง จึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือกซึ่ง ร้างรอท่านอยู่ ท่านได้บูรณะพัฒนาจนวัดช้างเผือก เป็นวัดที่รุ่งเรืองที่สุดของตำบลวังชมภู สรีระสังขาร หลวงพ่อทบ สรีระสังขาร หลวงพ่อทบ จนกระทั่งวันที่ 13 มีนาคม 2519 กรรมการวัดได้จัดงานประจำปี และพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ ประชาชนได้หลั่งไหลร่วมงานอย่างมืดฟ้ามัวดิน คืนนั้นเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักกว่า 5 ชั่วโมง ทุกอย่างกลับสู่ปกติ แต่บนกุฏิหลวงพ่อแวดล้อมด้วยศานุศิษย์ ญาติ โยม ใจคอไม่ดีเพราะหลวงพ่อเริ่มมีอาการผิดปกติ พยายามลุกนั่งและฉันหมากอยู่เสมอ และได้พูดเรื่องศพของท่านว่า หากตัวท่านมรณะภาพลง อย่าได้เผาเป็นอันขาดให้สร้างเป็นวิหารหรือมณฑปเก็บศพ ไว้ มิฉะนั้นความเจริญหรือปฏิสังขรใด ๆ ที่วัดกำลังดำเนินการอยู่จะชงักวัดจะร้างอย่างเดิม และแล้วเวลาเที่ยงวันเศษของวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อก็มีอาการเหมือนเป็นไข้ คณะศิษย์จึงนำรถมารับเพื่อไปรักษาที่กรุงเทพฯทันที แต่ขณะรถวิ่งถึงเขตตำบลนาเฉลียง มันเป็นเวลา 4 โมงเย็นพอดีหลวงพ่อก็ปิดเปลือกตาลงอย่างสนิท หลวงพ่อทบมรณะภาพแล้ว รูปเหมือนหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก รูปเหมือนหลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก หลวงพ่อทบ ได้ทำการก่อสร้างบูรณะวัดวาอาราม ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะได้เป็นผู้นำทำการก่อสร้างพระอุโบสถสำเร็จเรียบร้อยถึง 16 หลังทั้งได้วางศิลาฤกษ์หลังที่ 17 ไว้ที่วัดช้างเผือกซึ่งปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว หลวงพ่อทบเป็นพระที่ไม่เลือกชั้นวรรณะตลอดชีวิต ใครมีทุกข์ท่านจะช่วยเหลือเป็นอย่างดี เป็นผู้มีกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ ท่านเคยพูดเมื่อปี 2518 ว่า ที่ต้องกลับมาอยู่วัดช้างเผือกเพราะอาจารย์ท่านสั่งไว้ ท่านยังบอกว่าตัวของท่านขณะนี้ตายแล้วเพียงแต่ไม่เน่าเท่านั้นเอง เมื่อ เอ่ยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทบแล้ว มีผู้ประสพด้วยตนเองมาไม่น้อย เช่นครั้งเกิดเหตุคนร้ายบุกจี้หลวงพ่อบนกุฏิวัดพระพุทธบาทเขาน้อย คนร้ายขู่บังคับให้หลวงพ่อบอกที่ซ่อนเงินและของมีค่า เมื่อหลวงพ่อพูดว่า จะเอาเงินที่ไหนมา คนร้ายก็เหนี่ยวไกปืนยิงหลวงพ่อทันที แต่ยิงไม่ออก ยิงอยู่ 2-3 ครั้งก็ยิงไม่ออก จนตำรวจเข้าไป คนร้ายจึงยึดเอากุฏิเป็นป้อมยิงปืนสู้ตำรวจแต่ยิงไม่ออก ฝ่ายตำรวจก็ยิงบ้างแต่ก็ยิงไม่ออกเช่นกัน ขณะนั้นหลวงพ่อนั่งสมาธิเฉยอยู่ จนกระทั่งคนร้ายกระโดดลงจากกุฏิ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องโอ๊ย คนร้ายถูกยิงและเสียชีวิตในที่สุด และยังมีเรื่องเล่าถึงปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงพ่อทบอีกมากมาย คาถาหลวงพ่อทบ คาถาบูชาหลวงพ่อทบ เพื่อความสุขความเจริญและโชคลาภ ก่อนภาวนาคาถาหลวงพ่อทบให้ตั้งจิตอธิษฐาน รำลึกถึงหลวงพ่อทบ ตั้งนะโม 3 จบ พุทธัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส ธัมมัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส สังฆัง อาราธนานัง หลวงพ่อทบอุปการัง อิติปิโส พระคาถาหัวใจเศรษฐี ของหลวงพ่อทบ วัดชนแดน จงภาวนาเมื่อเริ่มต้นประกอบกิจการนั้น ๆ จักทำมาค้าขึ้น มั่งมีเงินทองมหาศาล ดั่งมหาเศรษฐีทั้งปวง นโม พุทธายะ ยะธาพุทโมนะ อุอากะสะ อากะสะอุ กะสะอุอา สะอุอากะ นะชาลีติ นะชาลีเต หังชาลีติ พะลิราชา ปิยังมะมะ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมา มา นะ เงิน ทองไหลมา นะชาลิติ ฯ พระคาถาภาวนาสอบไล่ได้ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน นะโปงปุ ทะลุปัญญา พระพุทนำพา พระธาคิดได้ มุตโตมุตตัง สะระณัง มุตโต http://www.web-pra.com/Shop/benjaamulet ลองเข้าชมพระในร้านได้นะคับ มีพระเกจิอาจารย์หลากหลายให้คุณได้บูชา |
ราคาเปิดประมูล | 1,199 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 1,209 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | อา. - 09 ก.ย. 2555 - 19:06.33 |
วันปิดประมูล |
ส. - 15 ก.ย. 2555 - 16:19.29 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...