
ประมูล หมวด:พระเนื้อผง เนื้อดิน เนื้อว่าน ก่อนปี 2525
พ่อหลวงกล่อม อานันโท วัดโพธาวาส ปี 2470





ชื่อพระเครื่อง | พ่อหลวงกล่อม อานันโท วัดโพธาวาส ปี 2470 |
---|---|
รายละเอียด | พ่อหลวงกล่อม อานันโท วัดโพธาวาส ปี 2470 หลวงพ่อกล่อมเกิดที่บ้านริมคลองท่ากูบ ตรงข้ามปากบางชุมโถ ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมือง สุราษฎร์ธานี เมื่อวันพุธ แรม 6 ค่ำ (หกค่ำ) เดือนอ้าย ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2389 ในสมัยรัชกาลที่ 3 บิดาคือนายคงแก้ว มารดา นางนุ้ย ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติขนานนามสกุล ท่านจึงได้นามสกุลว่า “แก้วกล่อม” ก่อนจะอุปสมบทได้เคยแต่งงานและอยู่กินกับภรรยา จนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ นายเอียด แก้วกล่อม ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ปากบางชุมโถ ปัจจุบันถึงแก่กรรมแล้ว นายกล่อมได้เข้าอุปสมบทที่วัดโพธิ์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2413 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเมีย ได้รับนามว่า “นันทะ” ขณะที่มีอายุ 23 ปี ประมาณ พ.ศ 2433 -2434 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ก่อนการเป็นพระครู หลวงพ่อได้เป็นพระฐานานุกรรมของเจ้าคณะเมือง คือ พระครูสุวรรณรังษี (มี) หรือ พระวินัยธร มาก่อน และก่อนการเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้เป็นพระกรรมวาจารย์ของหลวงพ่อพัฒน์ นารโท เมื่อ พ.ศ. 2430 หลวงพ่อเป็นพระครูอยู่ประมาณ 5 ปี ครั้น พ.ศ.2452 ได้รับการเลื่อนเป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร มีราชทินนามว่า “พระครูวิธูรธรรมศาสน์” และได้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ประมาณ 24 ปี จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นพระครูกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2471 ด้วยชราภาพ และโปรดให้มีนิตยภัตเพราะมีความดีชอบในขณะรักษาการเจ้าคณะมาโดยเรียบร้อย หลวงพ่อกล่อมเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระวินัย ยึดมั่นในพระบวรพุทธศาสนา การปฏิบัติถึงพร้อมซึ่งศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ให้ความเมตตาแก่บุคคลทั่วไป หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ 2474 รวมอายุได้ 85 ปีพรรษา 62 หลวงพ่อกล่อม (พระครูวิธูรธรรมศาสน์) หลวงพ่อกล่อมเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ในยุคเดียวกับพระเกจิอาจารย์ดังๆ หลายรูปของเมืองไทย หากจะพิจารณาจำแนกพระอาจารย์ในภาคต่างๆ ในยุครุ่นราวคราวเดียวหรือใกล้เคียงกันก็คงจะได้ดังนี้ ภาคเหนือ ครูบาศรีวิชัย ภาคอีสาน อาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ ภาคกลาง หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง กรุงเทพฯ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อยุธยา หลวงปู่ศุข (พระครูวิมลคุณากร) วัดปากคลองมะขามเต่า ชัยนาท ภาคใต้ หลวงพ่อกล่อม (พระครูวิธูรธรรมศาสน์) วัดโพธาวาส สุราษฎร์ธานี พระอาจารย์รุ่นอาวุโสกว่าที่มีชื่อเสียงก็คงจะเป็นหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี ซึ่งก็คงจะมีอายุไล่เลี่ยกันกับสมเด็จพระพุทธาจารย์โต วัดระฆัง ส่วนรุ่นน้องๆ เช่น หลวงพ่อคง หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ และหลวงพ่อพัฒน์ (วัดพัฒนาราม) (วัดใหม่) สุราษฎร์ธานี เป็นต้น พระอาจารย์แต่ละรูปก็จะมีผู้คนหลั่งไหลไปนมัสการไม่ขาด ส่วนทางภาคใต้ค่อนข้างจะไปลำบากและไกลกว่าภาคอื่นๆ พุทธศาสนิกชนที่จะไปหาหลวงพ่อกล่อมค่อนข้างมีอุปสรรคกว่าไปหาหลวงพ่อรูปอื่น ในยุคนั้นพวกที่ไปนมัสการหลวงพ่อกล่อม หากมิใช่บุคคลในท้องถิ่นมักจะเป็นพวกทหารเรือ หรือพวกชาวประมงเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรือรบหลวงเข้าเทียบในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี พวกนี้ก็จะขึ้นไปนมัสการหลวงพ่อกล่อมเหรียญ และเครื่องลางของขลังของหลวงพ่อกล่อมจึงกระจัดกระจายไปอยู่ในภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อชายฝั่งทะเล เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี รวมถึงจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดที่มีชายฝั่งทะเล เช่น กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก แล้วก็มักจะมีสภาพสวยๆ ส่วนมากจะมีสภาพสวยกว่าที่พบในท้องถิ่น ข้อมูลนี้ผู้เขียนจะได้จากการสัมภาษณ์ความเป็นมาของวัตถุมงคลหลวงพ่อกล่อม เมื่อมีการประกวดในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ถึงความเป็นมาว่าได้มาอย่างไร น่าเสียดายที่ไม่ได้จดประวัติและเจ้าของเหรียญแต่ละคนไว้ มิฉะนั้นผู้เขียนจะมีบันทึกข้อมูลผู้ครอบครองเหรียญหล่อหลวงพ่อกล่อมไว้กว่า 50 % กล่าวได้ว่าผู้เขียนได้มีโอกาสได้พบเห็นเหรียญหลวงพ่อกล่อมกว่า 50 % แล้ว เกียรติคุณความสามารถในด้านวิทยาคมของหลวงพ่อ ทำให้มีผู้คนไปบนบานศาลกล่าวมิได้ขาด ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่ประสบความสำเร็จตามที่ได้บนบานไว้ ก็จะนำเอาทองเปลวไปติดตามหน้าแข้งของหลวงพ่อเต็มไปหมด ส่วนรูปหล่อเหมือนของหลวงพ่อกล่อม ในงานเทศกาลสงกรานต์จะได้รับการอัญเชิญออกมาสรงน้ำ เพื่อขอพรและแห่ไปรอบๆ เมืองเพื่อความเป็นมงคล ส่วนในงานชักพระประจำปีของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็จะได้รับการอัญเชิญแห่ไปรอบเมืองเช่นกัน นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านพระครูวิธูรธรรมศาสน์ (หลวงพ่อกล่อม) - ผู้มีประกาศิตเรียกเรือแข่งจากคาน บนบก แล่นสู่คลอง - อัศจรรย์จระเข้เข้าเขตหน้าวัดจมตัวไม่ลง - ถึงกาล มรณะ นกกางเขน นิมนต์ให้ มรณภาพ - วันมรณภาพอยากฉันมะพร้าวอ่อน อัศจรรย์บังเกิดมีปลาอยู่ข้างใน หลวงพ่อกล่อม (พระครูวิธูรธรรมศาสน์) ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านวิทยาคม ปัจจุบันแม้ท่านจะล่วงลับไปเป็นเวลานานแล้วก็ตาม เกียรติคุณด้านความเก่งกล้าในวิทยาคมของท่าน ก็ยังเลื่องลือไม่รู้จักจบ ถ้าท่านมีโอกาสผ่านไปทางวัดก็จะเห็นผู้คนพากันไปกราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อ ด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และบนบานศาลกล่าวต่างๆ นานามิได้ขาด สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็มีคนไปบนบานศาลกล่าวอยู่เนืองนิจ เมื่อประสบความสำเร็จสมเจตนารมณ์ ก็มีการเอาทองไปติดตามหน้าเข้งของหลวงพ่อเต็มไปหมด ในงานเทศกาลสงกรานต์ รูปหล่อของท่านยังได้รับการอัญเชิญออกมาส่งน้ำเพื่อขอพร และแห่ไปรอบๆ เมืองทั้งทางน้ำและทางบก แม้กระทั่งในงานเทศกาลแห่พระประจำปี จิตตานุภาพหลวงพ่อกล่อม 1. เรียกเรือแข่งจากคานบนบกแล่นลงสู่คลอง สมัยที่พ่อหลวงยังมีชีวิตอยู่จะชอบกีฬาแข่งเรือมาก ฉะนั้น วัดโพธาวาสจึงได้มีเรือที่สำคัญอยู่สองลำด้วยกัน แข่งขันครั้งใดไม่ค่อยจะปรากฏความพ่ายแพ้ เป็นที่เชื่อกันได้ว่า ถ้ามีเรือยูงทองและเรือสาลิกาจากวัดโพธาวาสลงแข่งขันแล้ว ตำแหน่งผู้ชนะก็ไม่ค่อยจะพลาดไปจากเรือยูงทอง หรือมิฉะนั้นก็เป็นเรือสาลิกา ก่อนวันลงแข่งขันครั้งใดก็ตาม หลวงพ่อจะต้องทำพิธีเจิมหัวเรือในเวลากลางคืนทุกครั้งไป มีการเซ่นด้วยมะพร้าวอ่อน หัวหมู บายศรีขนมแดง ขนมขาว เป็นต้น ครั้นรุ่งเช้าของวันที่เรือจะต้องเข้าทำการแข่งขัน หลวงพ่อกล่อมจะไปยืนที่ริมคลองมะขามเตี้ย ซึ่งเป็นคลองที่อยู่หน้าวัด ยืนบริกรรมพระคาถาเรียกเรือซึ่งตั้งอยู่บนคานห่างจากริมฝั่งหลายสิบเมตร เรือก็จะแล่นลงสู่คลองได้เองโดยไม่มีคนไปเกี่ยวข้องเลย ปัจจุบันเรือสาลิกาได้ชำรุดไปหมดแล้ว จะยังคงเหลืออยู่ก็เฉพาะเรือยูงทอง อันเรือยูงทองลำนี้ปัจจุบันก็ยังคงมีอาถรรพณ์อยู่ นับว่าแม่ย่านางเฮี้ยนนักแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงถ้าไปนั่งที่หัวเรือเป็นต้องได้เห็นดีกัน ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องไสยศาสตร์ จึงมีบ่อยครั้งที่มีผู้มักง่าย หรือคิดพิเรนทร์ เห็นเรือตั้งอยู่บนศาลาการเปรียญมองดูว่าน่านั่ง แล้วไปนั่งที่หัวเรือโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงมีอันเป็นไปต้องดิ้นทุรนทุรายอยู่บ่อยๆ ความเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ เมื่อมีเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้น คณะกรรมการวัดจึงได้คิดพัฒนาวิธีการเก็บเรือให้เหมาะสมขึ้น ให้เป็นที่เก็บเฉพาะ ยกสูงจากพื้น อยู่ในสภาพคนทั่วไปจะไม่มีโอกาสไปนั่งโดยบังเอิญเว้นแต่พวกอยากลองของ 2. จระเข้เข้าเขตหน้าวัดจมตัวไม่ลง ในอดีตแม่น้ำตาปีก็จัดได้ว่ามีจระเข้มากไม่ต่างไปจากแม่น้ำอื่นๆ สำหรับแถวคลองมะขามเตี้ยจะมีจระเข้ผ่านไปมาประจำไม่ขาด แต่ถ้าเมื่อใดผ่านไปทางหน้าวัดโพธาวาสจะไม่สามารถจมตัวลงและอ้าปากได้ จนกว่าจะพ้นเขตวัดจึงจะจมตัวลง ทั้งนี้เพราะต้องอาถรรพณ์วิชาที่หลวงพ่อกล่อมลงไว้ที่บริเวณหน้าวัดของท่านนั้นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคน ในสมัยก่อนใช้เส้นทางสัญจรไปมาทางน้ำเป็นหลัก ไม่ใช่ถนนเช่นปัจจุบันนี้ ฉะนั้นหน้าวัดคือ ด้านที่หันไปสู่เส้นทางสัญจรที่สำคัญที่สุด นั่นคือ คลองมะขามเตี้ย แต่ปัจจุบันจะกลับกันเพราะเรายึดเส้นทางรถยนต์เป็นหลัก การคมนาคมทางน้ำลดความสำคัญลง 3. วาจาสิทธิ์ หลวงพ่อกล่อมเป็นพระที่มีตบะแก่กล้า วาจาสิทธิ์ พูดสิ่งใดเป็นสิ่งนั้น สามารถเห็นผลได้ทันตาเห็น ไม่ต้องเวลานาน เพียงไม่กี่วันเป็นได้เห็นผลกัน ตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องวาจาสิทธิ์ของท่าน เรื่องที่หนึ่ง หลวงพ่อได้เมตตาเลี้ยงไก่ไว้ วันหนึ่งนายห้อยไปจับไก่ของท่านไปแกง ท่านจึงถามว่า “ใครขโมยไก่วัดไป” ปรากฏ ว่าไม่มีผู้ใดยอมรับ ท่านจึงว่า “ใครเอาไก่วัดไปให้เป็นขี้เรื้อน” อยู่มาเพียงไม่กี่วัน นายห้อยก็เริ่มเป็นโรคเรื้อน ส่วนอาการนั้นก็ค่อยๆ ทวีขึ้นเรื่อยๆ จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย เรื่องที่สอง สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ นอกจากท่านจะเลี้ยงไก่และสัตว์อื่นๆ ยังได้เลี้ยงนกยูงไว้หนึ่งตัวด้วย วันหนึ่งนายแจก เผือกเดช ซึ่งในขณะนั้นกำลังอยู่ในวัยคนองตามประสาคนอยู่ไม่สุข จึงได้เอาธนูยิงนกยูง ปรากฏว่านกยูงของท่านขาหัก ท่านจึงพูดขึ้นว่า “ใครยิงนกยูงกู นิ้วมันด้วน” เมื่อนายแจกกลับไปทำงานที่โรงเลื่อยไม้ของบริษัทอีสเอเชียติ๊ก ก็เกิดอุบัติเหตุถูกใบเลื่อยจักรตัดนิ้วขาด กลายเป็นนิ้วด้วนตามวาจาของท่าน 4.รู้วาระจิตมนุษย์และสัตว์ ใครไปหาท่านธุระอันใด ท่านจะทราบก่อนที่เจ้าตัวจะแจ้งความประสงค์ด้วยวาจา จะทักทายในเรื่องความต้องการของบุคคลนั้นได้ถูกต้อง จนกระทั่งกิตติศัพท์เรื่องนี้รู้กันอย่างแพร่หลาย 5.ทูตมรณะในรูปนกกางเขน วันหนึ่งในปี พ.ศ.2474 ก่อนที่หลวงพ่อจะล้มป่วยลง ขณะที่ท่านนั่งสนทนากับญาติโยมพุทธบริษัทอยู่นั้น ได้มีนกกางเขนมาเกาะที่แขนของท่าน หลวงพ่อจึงได้พูดบอกญาติโยมว่า “มีคนเขามานิมนต์เราแล้ว” หลังจากนั้นท่านก็ได้อาพาธ และอาการก็ทรุดลงตามลำดับ 6.ปลาประหลาดทวงสัญญามรณะ ขณะที่หลวงพ่ออาพาธหนักอยู่นั้น ในเช้าวันที่ท่านจะมรณภาพ ท่านเกิดอยากฉันมะพร้าวอ่อน นายแดง แก้วกล่อม จึงไปหามะพร้าวอ่อนมาถวาย เมื่อผ่ามะพร้าวอ่อนเกิดเหตุอัศจรรย์ มีปลาว่ายอยู่ในลูกมะพร้าวนั้น ลักษณะของปลาตัวนี้รูปร่างต่างๆคล้ายปลาซิว ตัวค่อนข้างโปร่งใสจนมองเห็นอวัยวะภายใน ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเป็นปลาอะไร หลวงพ่อได้ให้คนเอาไปใส่โถแก้ว ตั้งไว้บนกุฏิท่าน เพื่อให้คนได้เห็นกันชัดเจนและทั่วถึง ครั้นตกเวลาเย็นท่านก็ถึงแก่มรณภาพ ซึ่งตรงกับวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2474 รวมอายุได้ 85 ปี พรรษา 62 ได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2475 ที่วัดโพธาวาส ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีคณะกรรมการจัดงานคือ นายจาง นายน้อม นายพร้อย นายเขียว นายน่วม ประกอบพิธีพระราชทานเพลิง ณ ที่ตั้งโรงเรียนกล่อมพิทยาคม ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนเทศบาล 4 ปัจจุบันก็คือที่ตั้งของสุขติศาลา และฌาปนสถานวัดโพธาวาสนั่นเอง ส่วนปลาประหลาดตัวนั้น เมื่อหลวงพ่อกล่อมมรณภาพแล้วก็อันตรธานหายไป โดยไม่มีผู้ใดได้เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือจับต้องโถแก้วที่ใส่ปลาเลย เรื่องราวการมรณภาพและการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพพ่อหลวงกล่อมนี้ ได้มาจากแม่ชีเยื้อน แทนฟู ซึ่งเมื่อท่านยังเด็กๆได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ต่อมาแม่ชีเยื้อนได้มาบวชเป็นชีที่วัดโพธาวาส และแม่ชีเยื้อนยังเป็นลูกของนายทอง นายท้ายเรือยูงทอง เรือยาวที่สร้างชื่อให้กับวัดโพธาวาสในครั้งนั้น 7. ปราบช้างเกเร อำนาจเมตตาจิตท่านแก่กล้ามาก จนเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย ครั้งหนึ่งมีผู้นำช้างเกเรมาถวายท่าน ท่านจึงเสกของให้กิน ในที่สุดช้างเชือกนั้นได้ละพยศ ทิ้งนิสัยพาลเกเรแต่โดยดี สร้างเมื่อ ปี 2500 พร้อมเหรียญรุ่น2 ครับผม โดยเอาต้นแบบจากเหรียญหล่อรุ่นแรกปี 2470 ..แท้ครับ.. |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 400 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | ส. - 10 พ.ย. 2555 - 15:53.38 |
วันปิดประมูล |
ศ. - 30 พ.ย. 2555 - 15:53.38 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
ราคาปัจจุบัน | 400 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ) |
---|---|
เพิ่มครั้งละ | 100 บาท |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...