เหรียญหลวงพ่อสด ธัมมธโร วัดหนองสะแก อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคกลางตอนล่าง

เหรียญหลวงพ่อสด ธัมมธโร วัดหนองสะแก อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี

เหรียญหลวงพ่อสด ธัมมธโร วัดหนองสะแก อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี เหรียญหลวงพ่อสด ธัมมธโร วัดหนองสะแก อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงพ่อสด ธัมมธโร วัดหนองสะแก อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี
รายละเอียด หลวงพ่อสด ธัมมธโร เกิดเมื่อปี 2437 เป็นบุตรของพ่อพุ่ม แม่ชื่น พันธ์เขียน เกิดที่บ้านทุ่งมะขามหวาน ต.หนองนางนวล อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 6 คน คือ
1.นายสด พันธ์เขียน หรือหลวงพ่อสด ธัมมธโร
2.นางเล็ก พันธ์เขียน
3.นายทรัพย์ พันธ์เขียน
4.นายสิน พันธ์เขียน
5.นางพู พันธ์เขียน
6.นายสะอาด พันธ์เขียน
ต่อมาพ่อแม่ได้ย้ายมาทำมาหากินอยู่ที่บ้านทุ่งปาจาน หมู่ที่ 5 ต.ดงขวาง อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี ในปัจจุบัน หลวงพ่อสด จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดท่าโพธิ์ ต.ท่าโพธิ์ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี สมัยนั้นผู้ใดมีความรู้ดีจะเข้ามาเป็นครูสอนโรงเรียนประถมได้ แล้วจึงได้ไปสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนกุดจอก กิ่ง อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท จนอายูครบ 20 ปี ท่านจึงได้ลาออกมาอุปสมบทที่วัดหนองระแหงใต้ ในปี พ.ศ.2457 และได้จำพรรษาอยู่วัดหนองระแหงใต้ อยู่ 2 พรรษาจึงได้ย้ายมาสร้างวัดคูเมือง แล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดคูเมืองจนมรณภาพในปี พ.ศ. 2516 รวมอายูได้ 79 ปี 59พรรษา ชีวิตของหลวงพ่อสด ท่านได้เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กจนจำความได้ ท่านจะไม่ทำปาณาติบาต คือ ไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิดและรักษาศีล 5 มาโดยตลอด ในระหว่างที่ท่านดำรงสมณสารูป ท่านได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระศาสดา เช่นศึกษาพระธรรมวินัยและเผยแพร่พระพุทธศาสนา อีกทั้งท่านยังชอบนั่งวิปัสสนากรรมฐาน เจริญภาวนา จนเข้าถึงหลักธรรม ปกติท่านจะไม่พูดว่าใครในทางเสียหาย เพราะถ้าพูดว่าใครคนนั้นจะเป็นไปตามคำพูดของท่านเสมอ จนเป็นเรื่องลือกันว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ ชื่อเสียงของท่านจึงเป็นที่รู้จักกัน ทั่วทั้ง จ.อุทัยธานี และจังหวัดใกล้เคียง จนมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ส่วนเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อสด นั้นมากมายนักสุดที่จะกล่าวมา ณ ที่นี้
เดิมชื่อบ้านหนองสะแก ชาวบ้านหนองสะแกได้อพยพมาจากบ้านหนองระแหงใต้ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2430 เพื่อมาจับจองที่ดินทำกิน จนเกิดเป็นชุมชนมากขึ้น ในสมัยนั้นการทำบุญ ชาวบ้านจะต้องเดินทางไปทำบุญที่วัดหนองระแหงใต้ซึ่งอยู่ไกล ชาวบ้านจึงคิดจัดสร้างวัดขึ้นและได้ไปปรึกษากับพระสด หรือหลวงพ่อสดซึ่งอุปสมบทอยู่ที่วัดหนองระแหงใต้ และนิมนต์ท่านมาเป็นประธานในการจัดสร้าง และจำพรรษาในปี พ.ศ.2459 โดยสร้างขึ้นเป็นที่พักสงฆ์ ขึ้นอยู่รอบหนองน้ำที่ล้อมรอบไปด้วยต้นสะแก(ปัจจุบันขุดเป็นสระน้ำอยู่ทางทิศเหนือของวัด) จึงเรียกกันติดปากว่า วัดหนองสะแก
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2463 ได้รับอนุญาตจากทางราชการประกาศใช้เป็นวัดชื่อว่า วัดคูเมือง เหตุที่เรียกว่า วัดคูเมือง สันนิษฐานว่าวัดตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณคันคูเมือง ซี่งเป็นเมืองเก่าสมัยทราวดี ปัจจุบันเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่สามารถถากถางได้และเป็นที่สาธารณประโยชน์ เจ้าอาวาสตามลำดับมีดังต่อไปนี้
1.พระใบฎีกาสด หรือ หลวงพ่อสด ธมมธโร
2.พระอาจารย์พง
3.พระอาจารย์ออม
4.พระอาจารย์ประทุม
5.พระอธิการทองดีรักขิตตญาโน
6.พระอาจารย์มนัส กิตติสาโร รักษาการเจ้าอาวาสตั้งแต่ 2531 จนถึงปัจจุบันได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตั้งแต่ พ.ศ.2537 จนถึงปัจจุบันต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครู อุทิตกิตติสาร
วัดคูเมือง(หนองสะแก) ตั้งอยู่เลขที่ 7 บ้านหนองสะแก หมู่ที่ 8 ต.หนองไผ่ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี สังกัดมหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 32 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา

หลวงพ่อสด หนองสะแก
หลวงพ่อท่านเป็นคนมีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็นอ่อนโยน มีเมตตา สงเคราะห์คนทุกชนทุกชั้น อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ได้เลือกยากดีมีจน ตลอดชีวิตของท่านยังไม่มีลูกศิษย์ท่านคนไหนเห็นท่านแสดงอาการโกรธให้เห็นเลย เว้นเสียแต่อารมณ์เสียเล็กๆน้อยๆบ้างเป็นครั้งคราว ประเดี๋ยวท่านก็กลับมายิ้มละไมเหมือนเช่นเดิม
เรื่องการปฏิสันถารพูดคุยนั้น หลวงพ่อท่านเป็นคนที่ระมัดระวังคำพูดเป็นที่สุด มักจะพูดส่งเสริมไปในทางที่ดี เป็นที่เล่าขานกันว่าหลวงพ่อท่านเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์เป็นสำคัญ คำพูดคำจาของท่านจะอ่อนหวานน่าฟังเป็นยิ่งนัก ท่านจะเรียกแทนตัวท่านว่า “ฉัน”บ้าง “อาตมา”บ้าง และลงท้ายประโยคด้วยคำว่า “จ๊ะ”เสมอ และมีปกติอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นที่สุด ผู้ที่มาแสวงหาของศักดิ์สิทธิ์ท่านก็มักจะโบ้ยให้ไปหาหลวงพ่อพลอยสิ หลวงพ่อจูสิ
หลวงพ่อท่านถือการครองผ้าสามผืนอยู่เป็นประจำสบง จีวร สังฆาฏิ ไม่เคยออกจากตัวท่าน เว้นเสียแต่เมื่อท่านจะพักผ่อนอิริยาบถบ้างเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ท่านตื่นแต่เช้าตรู่ ไหว้พระสวดมนต์ของท่านเสร็จแล้วทุกตี 5 ท่านจะตีระฆังเป็นสัญญาณปลุกพระลูกวัดให้ทำวัตรสวดมนต์
หลังจากฉันเพลแล้ว หลวงพ่อจะเข้าพักผ่อนในกุฏิของท่าน และท่านจะสั่งห้ามมิให้ใครเข้ามารบกวนเป็นอันขาด ซึ่งท่านจะใช้เวลาที่อยู่ในกุฏินานถึงคราวละ ๓ - ๔ ชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายๆเป็นช่วงที่ในกุฏิของท่านจะมีอากาศร้อนอบอ้าว จึงเข้าใจว่าไม่น่าจะเป็นการจำวัด ท่านคงจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเจริญกรรมฐาน หรือทำอะไรที่เป็นการเฉพาะตนเสียมากกว่า
การปลุกเสกเลขยันต์ของท่านท่านจะทำของท่านคนเดียวภายในกุฏิ ส่วนใครที่จะมารับของไปท่านก็จะเสกให้อีกครั้งเสมอ ท่านเสกท่านทำด้วยความประณีตตั้งใจทุกครั้ง
งานวัดที่มีการละเล่นต่างๆมาช่วยงานท่านกับอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะลิเกต่างมากันมากชนิดที่ว่าสร้างเวทีให้ไม่ทัน คณะลิเกที่มาเหล่านั้นไม่ได้คิดค่าจ้างตอบแทนแต่อย่างใด ปารถนาแต่เพียงแป้งเสกของหลวงพ่อท่านเท่านั้น แป้งเสกของหลวงพ่อมีชื่อมาก เจ๊กในตลาดอุทัยฯขายของไม่ดี หลวงพ่อท่านให้ผ้ายันต์กับแป้งเสกพร้อมทั้งวิธีใช้ให้ไป ปรากฏว่า ขายดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาจนกระทั่งก่อร่างสร้างตัวได้อย่างมั่นคง
ลิเกที่มาทำการแสดงในงานวัดนั้น มีอยู่คณะหนึ่งแสดงเป็นเทวดาจึงต้องโรยตัวลงมาจากต้นไม้ให้เหมือนกับเทวดาเหาะลงมาจากสวรรค์ แล้วเกิดพลาดท่าตกจากยอดไม้สูงกระแทกลงพื้นอย่างแรง ก็ไม่ปรากฏว่าจะได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไรเลย ยังลุกขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วยังคงทำการแสดงต่อไปได้ตามปกติ
สมัยก่อนงานวัดหนองสะแกเป็นงานวัดที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ เพราะมีการละเล่นและมหรสพต่างๆมากมาย ถึงแม้จะมีปริมาณคนที่มาท่องเที่ยวมากแค่ไหน แต่ก็ปรากฏว่าตลอดงานเหตุการณ์เป็นปกติเรียบร้อยดี ไม่มีนักเลงหรืออันธพาลก๊กไหนก่อเรื่อง ด้วยเกรงในบารมีท่าน ในสมัยนั้นหากวัดไหนจะจัดงานใหญ่ก็มักจะนิมนต์ท่านหรือไม่ก็ หลวงปู่พลอย วัดห้วยขานาง หลวงพ่อจู วัดดอนกลอย เพราะชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเกรงบารมีประกาศิตของหลวงพ่อแต่ละท่านเป็นนักหนา นักเลงในสมัยนั้นไม่ค่อยยอมลงต่อตำรวจ แต่ถ้าเป็นหลวงพ่อแล้ว เพียงแค่ท่านฉายไฟฉายกราดออกไป แล้วโบกมือบอก “นั่งลง นั่งลงกันซิลูก”ฝูงชนเหล่านั้นก็ราวกับว่าต้นข้าวที่ถูกไม้นาบ นั่งราบกันไปตามแสงไฟอย่างสงบเรียบร้อย
มีอยู่คราวหนึ่งพวกโจรใจบาปบุกปล้นเงินวัดในตู้บริจาคเพราะในสมัยนั้นวัดหนองสะแก ถือว่าเป็นวัดที่มีลูกศิษย์ลูกหาผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนมากมาย ทำให้เงินบริจาคมีมาก พวกโจรมาด้วยกัน ๕ คนพร้อมอาวุธปืน ๒ กระบอก พวกโจรมันยิงท่านไม่ออกก็เลยใช้ด้ามปืนตีหลวงพ่อ ส่วนหลวงพ่อก็ใช้มีดหมอที่วางอยู่บริเวณที่ท่านนั่งรับแขก ริดเอาปืนออกจากมือโจรได้ไว้ทั้ง ๒ กระบอก
มีญาติโยมท่านหนึ่งมาขอให้หลวงพ่อดูว่าพ่อของเขาที่กำลังป่วยหนักจะมีทางรอดหรือไม่ หลวงพ่อท่านใช้วิธีแปลกๆกล่าวคือท่านนั่งขัดสมาธิแล้วใช้มือทั้ง ๒ ข้าง ประสานเข้าหากัน โดยใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในช่องระหว่างนิ้ว คล้ายกับนั่งทำสมาธิ แล้วให้ผู้เป็นลูกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ ๒ คนช่วยกันดึงมือของหลวงพ่อให้ออกจากกัน คล้ายกับว่าเป็นการเสี่ยงทายคือถ้าสามารถดึงมือหลวงพ่อให้แยกออกจากกันได้ก็แสดงรอด แต่ถ้าดึงไม่ออกก็แสดงว่าถึงเวลาของเขาแล้วหมดวิธีการช่วยเหลือ เป็นเรื่องแปลกที่ชายฉกรรจ์ทั้ง ๒ คนถึงแม้จะออกแรงดึงสักเพียงไหนก็ไม่สามารถดึงมือเล็กๆของคนแก่อย่างหลวงพ่อออกจากกันได้ เป็นอันว่าพ่อของบุคคลทั้ง ๒ คงถึงเวลาสิ้นบุญเพียงเท่านั้น และก็ปรากฏว่าเป็นจริงตามการเสี่ยงทายของหลวงพ่อไม่มีผิดเพี้ยน
บางวันในขณะที่พักผ่อนกันอยู่ จู่ๆหลวงพ่อก็เรียกพระลูกวัดให้มาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่คล้ายกับว่าจะมีแขกผู้ใหญ่มาเยือน แต่เมื่อทำการจัดเตรียมตามที่หลวงพ่อสั่งเสร็จแล้วไม่นานนักก็ปรากฏว่ามีคณะศรัทธาจากแดนไกลบ้าง พวกคหบดีบ้าง หรือไม่ก็เป็นพระผู้ใหญ่บ้างเดินทางมาหาท่านจริงๆ โดยไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าไว้แต่อย่างใด เป็นคุณธรรมที่น่าอัศจรรย์ใจอีกประการหนึ่งของท่าน
หลวงพ่อท่านไม่ชอบพวกขี้เหล้าเมายา พวกผีการพนัน และอบายมุขทุกชนิดท่านมักจะกำชับสั่งสอนชาวบ้านอยู่เสมอว่าถ้าปารถนาความสุข ความเจริญแล้วอย่าเข้าไปข้องแวะกับสิ่งเหล่านี้เป็นอันขาด การแจกวัตถุมงคลของท่านก็มีกุศโลบายในด้านการส่งเสริมจริยธรรมไปในตัวอีกด้วย เพราะทุกครั้งที่ท่านแจกพระของท่านออกไปก็จะมีเงื่อนไขเป็นข้อห้ามที่เกี่ยวกับศีลธรรมและอบายมุขต่างๆนั่นเอง
เวลาพระจะมาสึก ในการทำน้ำมนต์ในแต่ละครั้งของท่าน ท่านจะตั้งใจทำให้ทีละองค์ เสร็จไปองค์หนึ่งท่านก็จะทำให้กับองค์ใหม่อีกครั้ง ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งร่วมครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว เวลารดท่านจะให้ตั้งใจอธิษฐานให้ดีปารถนาอย่างใดก็ให้เอาเสียอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ปรากฎผลว่าเมื่อสึกหาลาเพศไปแล้วก็สมประสงค์ตามคำอธิษฐานทุกท่านไป ด้วยเหตุนี้ในสมัยนั้นไม่ว่าใครจะบวชกับอุปัฌชาย์องค์ใด แต่ว่าเมื่อถึงเวลาสึกก็มักจะมาสึกกับหลวงพ่อสด วัดหนองสะแก และไม่ใช่แค่เพียงในพื้นที่จังหวัดอุทัยฯ ชัยนาท เท่านั้น พื้นที่รอบนอกที่ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านก็มักจะด้นดั้นมาสึกกับท่านด้วย ถึงกับต้องมานอนพักค้างอ้างแรมเพื่อที่จะรอฤกษ์สึกก็มีอยู่ไม่น้อยในแต่ละวัน ท่านจึงกลายเป็นผู้ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมายในจังหวัดต่างๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ร้านฝุ่นดินท้องถิ่นนิยมมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ราคาเปิดประมูล500 บาท
ราคาปัจจุบัน1,400 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลอา. - 10 ก.พ. 2556 - 01:23.24
วันปิดประมูล ส. - 02 มี.ค. 2556 - 01:23.24 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
kao (2879) (-2) 124.120.169.124
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 1,400 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
600 บาท อา. - 10 ก.พ. 2556 - 14:35.09
700 บาท อา. - 10 ก.พ. 2556 - 14:35.21
800 บาท อา. - 10 ก.พ. 2556 - 14:35.26
900 บาท อา. - 10 ก.พ. 2556 - 14:35.32
1,000 บาท อา. - 10 ก.พ. 2556 - 14:35.40
1,100 บาท จ. - 11 ก.พ. 2556 - 13:55.18
1,200 บาท จ. - 11 ก.พ. 2556 - 22:06.53
1,400 บาท อ. - 26 ก.พ. 2556 - 20:40.44
กำลังโหลด...
Top