เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83) - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคอีสานเหนือ

เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83)

เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83) เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83) เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83)
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83)
รายละเอียด
ประวัติย่อพอสังเขป
หลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร
นามเดิม อ่อนศรี อภัยโส
ชาติตระกูล เกิดที่บ้านแพง ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เมื่อวันที่ 10 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2463 ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีวอก โยมบิดาชื่อ นายคำแดง อภัยโส
โยมมารดาชื่อ นางหนู อภัยโส
ครอบครัวของหลวงปู่เป็นชาวไร่ ชาวนา โดยกำเนิด มีพี่น้อง ร่วมบิดามารดาเดียวกัน 9 คน คือ
1.นายจารย์ลวด เสียชีวิตแล้ว
2.นางกา เสียชีวิตแล้ว
3.นางเพ็ญศรี(เบ้น) เสียชีวิตแล้ว
4.นายคำมี เสียชีวิตแล้ว
5.หลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร
6.นางจำปี เสียชีวิตแล้ว
7.นางเปิง (ยายเปิง) ยังมีชีวิตอยู่
8. นายเวิง เสียชีวิตแล้ว
9.เด็กหญิงเวียง เสียชีวิตขณะอายุได้ 5 ขวบ

ชีวิตก่อนบวช

ท่านเป็นครูฝึกสอนได้ไม่นานท่านก็ลาออก ท่านก็เดินทางออกจากบ้านแพงไป อุดรธานี โคราช และกรุงเทพๆ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าท่านชกมวยหาเงินในขณะที่ยังไม่ได้งานทำ ข้าพเจ้าถามท่านว่า “ปู่ไปเรียนชกมวยมาจากใคร จากค่ายไหน”ปู่ตอบว่า”ปู่ฝึกฝนเอาเองจากกากรดูนักมวยเขาชกกัน แล้วเอามาฝึกฝนเอาเองจนเกิดความชำนิชำนาญ”
การชกของท่านนั้น ปู่บอกว่า ขึ้นเวทีชกครั้งหนึ่งก็ได้หนึ่งอาจารย์ ขึ้นเวทีสองครั้งก็ได้สองอาจารย์ ปู่บอกว่าเป็นการเรียนรู้ที่ลงทุนมากเจ็บตัวแต่ละครั้งถือเป็นบทเรียนที่ไม่ลืม แล้วนำไปฝึกหัด การต่อสู้บนเวทีนั้นต้องใช้มันสมอง
ใช้ไหวพริบปฏิภาณในการต่อสู้ การตัดสินใจเขาทำการตัดสินใจเป็น
ไปตามเหตุการณ์ จริงอยู่ว่าเราฝึกฝนท่าต่างๆ ของแม่ไม้มวยไทยไว้จนชำนิชำนาญ แต่พอยู่บนเวทีมันจะเป็นไปอีกรูปแบบหนึ่งคือเรื่องสิต ความรวดเร็วในการอกอาวุธ ในสมัยนั้นหลวงปู่บอกว่าหาคู่ชกที่พอเหมาะไม่ค่อยเจอ ท่านชกเก่งจนหาตัวจับยากด้วยเหตุนี้เองท่านจึงไม่ยอมทำงานอะไร ท่านตระเวรชกมวยตั้งแต่กรุงเทพๆ โคราช ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ถึงกับปลอมตัวชื่อเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท่าเพื่อขั้นชกมวยหาเงิน และหลวงปู่ก็กลับบ้านเกิด พ่อแม่จึงขอหญิงสาวชาวบ้านเดียวกันให้เป็นภรรยาและมีบุตรด้วยกัน 6 คน เป็นชาย 4 หญิง 2 คน
ในสมัยท่านเป็นฆราวาส ท่านเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาสงสารคนจะเป็นพี่น้องหรือบุคคลอื่นก็ตามท่านจะให้ความอนุเคราะห์ สงเคราะห์เสมอ มา ข้าพเจ้าเคยได้ยินท่านพุดครั้งหนึ่งเกี่ยวกับพี่น้องของท่านว่า “เรากินข้าวจะให้พี่น้องกินแกลบกินรำได้อย่างไร”ด้วยเหตุนี้เองฐานะทางบ้านจึงไม่ดีขึ้น มีอยู่อย่างไรก็อย่างนั้นจนท่านออก บวช เพราะท่านห่วงพี่น้องมากไป พี่น้องมายืมเงินท่าน ปรากฏว่าไม่นำมาคืนสักครั้ง สักครั้ง มีแต่มายืม บางคนก็ยืมข้าวยืมเงินมากบ้างน้อยบ้าง ท่าก็ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในปีหนึ่งเป็นปีที่อดอยากมาก ข้าวจะกินไม่มี ถึงขนาดขโมยข้าวที่หม่า(แช่น้ำ)เตรียมไว้เพ่อจะนึ่งในวันรุ่งเช้าวันหนึ่งมีคนเอาเห็นมาขอเปลี่ยนข้าวไปประทังชีวิตและครอบครัว พอเปิดในตองที่ห่อเห็ดออก ปรากฏว่าในเห็ดนั้นมีหนอนยั้วเยี้ยไปหมด ชายคนนั้นหน้าถอดสี หลวงปู่ท่านรีบเก็บเห็ดนั้นเข้าไปไว้ในครัว แล้วก็ออกมาพูดคุยกับชายคนนั้นอย่างเป็นกันเอง จนแม่บ้านนึ่งข้าวสุก ปู่ท่านเป็นคนมาด้วยน้ำใจอย่างนี้ มีต่อบ้านต่อเมือง เช่นในครั้งหนึ่งทางอำเภอมีนายอำเภอยงค์เป็นนายอำเภอบ้านแพงขณะนั้น เป็นผู้นำจะให้ชาวบ้านแพงเช่าไร่ยาสูบ ซึ่งไร่ยานั้นพากันทำมาหลายปีดีดักไม่เคยเช่าใคร ไร่ยาที่ว่านั้นคือมีดินงอกออกไปจาก อ.บ้านแพงจึงพากันจับจองเป็นเจ้าของถือสิทธิทำกิน และใช้เป็นที่ปลูกยาสูบหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวในนาเสร็จ เป็นอาชีพหลักของชาวบ้านแพง


บวชเป็นพระ
เดินจงกรมจนฝ่าเท้าสึกบาง
การเดินจงกรมของหลวงปู่นั้น ท่านเดินนานนับชั่วโมงๆอย่างที่เขียนผ่านมา มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเดินจนหนังผ่าเท้าสึกบางข้าพเจ้าได้ซื้อถุงเท้ามาถวาย แม้กระนั้นถุงเท้าคู่หนึ่งท่านเดินได้สองสามวันก็ขาด ต้องเปลี่ยนคู่ใหม่ ตอนฝ่าเท้าถลอกศึกบางนั้น ท่านออกเดินบิณฑบาตไม่ได้ตั้งหลายวัน แม้ท่านจะมาอยู่ประจำที่วัด ท่านก็บำเพ็ญเพียรไม่ท้อถอย ถึงฝนจะตก แดดจะออก จะหนาว จะร้อนท่านก็ทำของท่านไม่หยุด ท่านอกว่ามันเป็นตามาธรรมชาติ เราไม่สนใจกับมัน เรื่องภาวนาทำความพากเพียรไม่เกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ดินฟ้าอากาศจะมืดจะแจ้ง ฝนจะตกแดดจะออกก็เป็นเรื่องของมัน ถ้าหากเราไปหาข้ออ้าง เดี๋ยวช้านักไม่ทำงาน เดี๋ยวร้อนนักไม่ทำงาน เดี๋ยวบ่ายแล้วไม่ทำงาน ถ้านักปฎิบัติก็ถือโอกาสเกี่ยงงอนไม่ยอมปฎิบัติธรรม ท่านทำจนเป็นนิสัย วันไหนท่านได้เดินจงกรมก็จะบ่นเหมือนท่านขาดอะไรไปสักอย่าง

จอมพล...จอมคน
ในตอนนั้นมีกลุ่มผู้ต่อต้านออกมาต่อสู้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมกันมากมายหลายคนสู้กันถึงจังหวัดแต่ก็ไม่เป็นผลอะไรพอดีในสมัยนั้นมีคนนค พนมเป็นจอมพลและเป็นนายกรัฐมนตรี คือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงประชุมกันมีความเห็นพร้อมเพรียงกันให้มีตัวแทนสักเก่าคนเข้ากรุงเทพๆ เพื่อร้องเรียนต่อจอมพลสฤษดิ์ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านแพงพากันลงขันเก็บเงินจากชาวไร่ยาสูบให้เป็นค่าเรือ สมัยนั้นจะไปนครพนม ต้องนั่งเรือกะโน เรือกะโนนั้นบรรจุคนได้ประมาณหนึ่งร้อยคน มีวันละเที่ยว และค่ารถไปกรุงเทพๆค่าเช่าบ้าน ค่ากินที่กรุงเทพๆ ก็พากันไปรอโอกาสหาทางเข้าไปพบ ท่านจอมพล จอมคน แต่โอกาสที่จะเข้าไปพบ เข้าไปหาท่านจอมพล นั้นรู้สึกจะมีความยุ่งยากลำบากเหลือเกินทั้งเก้าคนที่ไปด้วยกันทนอยู่ไม่ได้ ก็พากันกลับบ้านแพง
ทีละคนสองคน สุดท้ายเหลือหลวงปู่คนเดียวที่ทนรอ ทนสู้หาโอกาสเข้าไปพบท่านจอมพล พวกที่กลับมาก็พูดว่าคงไม่มีโอกาสเข้าถึงท่านจอมพลได้แน่นอน ต่อมาก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ว่าเอาไปให้นายอ่อนศรี ถลุงเล่นๆและบางคนพูดว่าสู้ไม่ได้สู้กับเจ้ากับนาย จะเอาอะไรไปสู้ ชาวบ้านแพงจึงไม่ยอมออกเงินส่งไปให้หลวงปู่ที่รอหาโอกาส พบท่านจอมพล ในที่สุดก็เดือดร้อน ทางลูกทางเสียต้องขายสิ่งของเอาเงินให้ลูกชายคนโต แอบเอาเงินไปส่งให้พอที่อยู่กรุงเทพๆ โดยขี่จักรยานไปขึ้นรถที่อำเภอเซกาเพื่อต่อรถไปอุดร เข้ากรุงเทพ นำเงินไปให้พ่อคืนหลวงปู่อ่อนศรี นั่นเอง จะได้รอหาโอกาสเข้าพบนายยกรัฐมนตรี จนวันหนึ่งท่าจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์มาที่สนามหลวง หลวงปู่ได้โอกาสก็พยายามเข้าไปพลแต่ก็ถูกดกีดกันจากำรวยทหารผู้คุ้มกันรักษาตอนที่หลวงปู่กำลังพูดกับ นายทหารตำรวจอยู่นั้น ท่านจอมพลจอมคนก็มองมาเห็นเข้าพอดีจึงถามและเรียกให้นำตัวหลงปู่เข้าไปพล ท่านจอมพลจอมคนในสมัยนั้นถามว่า “มาจากไหนมีธุระอะไร จึงต้องการพบเรา”หลวงปู่จึงตอบว่ามาจากอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม พอท่านจอมรู้ว่ามาจากนครพนม ท่านก็พุดลาวอำเภอมุกดาหาร”เฮากะคนนครพนม อยู่อำเภอมุกดาหารคือกัน”และท่านจอมพลก็ซักถามเรื่องราวที่มาหาท่าน หลวงปู่ก็เล่าเรื่องความเดือนร้อนของชาวอำเภอบ้านแพงให้ท่านฟัง ท่านจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงพุดับหลวงปู่ว่า “ถ้าเช่นนั้นจะให้คนไปสืบดูเรื่องราวให้ชัดเจน แล้วเราจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เราก็ลูกนครพนมเหมือนกัน เราไม่ทิ้งชาวนครนครพนมแน่นอน ขอให้ท่านกลับนครพนมเถอะลูกเมียคงเป็นห่วงแย่”และหลวงปู่ท่านก็เดินทางกลับบ้านแพง อยู่มาไม่นานนายอำเภอยงค์ก็ย้ายออกจากอำเภอบ้านแพง เรื่องที่จะเช่าที่ดินหาดสวนยาเพื่อปลูกยานั้น
หลวงปู่ท่านเป็นนักต่อสู้มือเปล่า เป็นนักเสียสละ เป็นผู้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ทุกคน จนสภาพความเป็นอยู่ทางครอบครัวอยู่ในฐานะยากจน เพราะความใจกว้างใจใหญ่ เมตตาต่อคนอื่นมากเกินไปนั้นเอง อันที่จริงข้าพเจ้า ไม่อยากหยิบยกมาเขียนแต่ในเมื่อหลวงปู่ท่านได้ละสังขารไปแล้ว จึงอยากให้อนุชนคนรุ่นหลังได้รู้ ระลึกรู้ว่าหลวงปู่ในสมัยเป็นฆราวาสนั้น ท่านได้ทำอะไร เสียสละอะไรต่อสังคมต่อเพื่อนมนุษย์ ทีข้าพเจ้าเขียนมาอ้างอิงเพียงหนึ่งในพันเท่านั้น ที่ ความสงบสุขอันเกิดจากความเพียร ในทางที่ถูกที่ควรตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานไว้ให้ “คำว่า อกาลิโก จึงปรากฏให้รู้”ปัจจัตตัง”รู้เฉพาะผู้ปฏิบัติ จึงไม่หนีหายไปไหน หลวงปู่ท่านจึงพูดให้พระเณรญาติโยมฟังบ่อยๆว่า”ไม่ต้องไปถามใครให้เสียเวลา”อันนี้แปลกว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ ของท่านผู้รู้ผู้แปลเอาเองก็แล้วกันนะ
จากคนที่นับถือพระพุทธศาสนาธรรมดาๆ ก็เกิดความเคารพนับถือมากขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ฉะนั้นในวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำท่านก็จะเข้าไปขอรับศีลจากพระ และปฎิบัติรักษาศีลอยู่ภายในวัดชัยมงคล
พอรักษาศีลท่านยิ่งเร่งปฏิบัติมากขึ้นเป็นทวีคูณ และการรักษาศีลทำความเพียรของหลวงปู่เริ่มถี่ขึ้นจากไปขอรับศีลในวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ ก็เริ่มไป 8 ค่ำ 9 ค่ำ จาก 15 ค่ำ ก็เริ่มจาก 15 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ 1 ค่ำ อย่างนี้ในช่วงเวลาที่หลวงปู่ท่านปฏิบัติรักษาศีลภาวนานั้นก็จะมีอาอาหาร ผ่อนอาหารไปทุกๆ ครั้งและมีนั่งสมาธินานนับชั่วโมงเดินจงกรมนานนับชั่วโมง จนพระภิกษุสามเณรในวัดชัยมงคลนั้นเกิดความเลื่อมใสในการปฏิบัติของตาปะขาวอ่อนศรี เพราะไม่ปล่อยเวลาที่ผ่านไปไร้ประโยชน์ท่านจะทำความพากเพียรหยุดเดินจงกรมก็นั่งสมาธิ หยุดนั่งสมาธิก็เดินจงกรมทำอย่างนี้ตลอดวันจนได้เวลาพักผ่อนจึงหยุด ตื่นตี 3 ก็ทำความเพียรต่อ



"ปรับปรุงฉากหลังใหม่" แต่ยังคงยืนหยัด ราคาเดิมใหม่เปลี่ยนแปลงครับ
เริ่ม20บาท ทุกรายการ รอบนี้..25/06/2556-29/06/2556 ครับ 21.00 น.ของทุกวันครับ
รอบนี้ลงไม่ต่ำกว่า 150 รายการเท่านั้นครับ 5 วันๆละประมาณ 30 รายการ ขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมประมูลครับผม
ราคาเปิดประมูล10 บาท
ราคาปัจจุบัน30 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 27 มิ.ย. 2556 - 21:06.06
วันปิดประมูล ศ. - 28 มิ.ย. 2556 - 21:08.42 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติม #1 พฤ. - 27 มิ.ย. 2556 - 21:07.54
เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83) เหรียญหลวงปู่อ่อนศรี ขันติกโร วัดป่าโนนแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม..เริ่ม20บาท/.(27/06/56-83)
แจ้งสำหรับท่านสมาชิกใหม่ เพื่อความสะดวกในการเลือกชม ให้คลิกที่ ชื่อผู้ตั้งประมูล แล้วเลือกที่รายการตั้งประมูล พระทุกรายการของผู้ตั้งประมูลจะแสดงขึ้นมาให้เลือกชมครับผม
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 30 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ10 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
kao (2879) (-2) 27.130.241.11
20 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) พฤ. - 27 มิ.ย. 2556 - 21:08.42
30 บาท ศ. - 28 มิ.ย. 2556 - 10:00.11
กำลังโหลด...
Top