นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล - webpra

ประมูล หมวด:พระเกจิภาคอีสานใต้

นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล

นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล
รายละเอียดนาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล

“พระภาวนาวิศาลเถร” หรือ “หลวงปู่บุญมี โชติปาโล” มีนามเดิมว่า บุญมี นามสกุล กุศลคุณ เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๕๒ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่่า เดือน ๓ ปีระกา ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ณ บ้านเลขที่ ๑๓๖ หมู่ที่ ๒ บ้านนาเมือง ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

หลวงปู่บุญมี ได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดจนการศึกษาพิเศษ ดังนี้

ปีพุทธศักราช ๒๔๖๕ จบชั้นประโยคประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนประชาบาลบ้านนาเมือง ตำบลไร่น้อย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก (น.ธ.เอก) จากสำนักเรียนวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

ด้านการศึกษาพิเศษ หลวงปู่บุญมียังได้ศึกษาเล่าเรียนอักษรขอม อักษรธรรม อักษรไทยน้อย (ลาว) จนเกิดทักษะ มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถอ่านออกเขียนได้อย่างชำนาญ นอกจากนั้นหลวงปู่ยังมีความสามารถทางด้านการใช้ภาษาผญา ภาษิตอีสาน เป็นอย่างดี สามารถนำเอามาใช้ในทางเทศนาธรรมและคำสอนของหลวงปู่ จนเป็นที่ประทับใจและสร้างศรัทธาแก่ลูกศิษย์ลูกหาที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาทุกคน เช่น “ทางเป็นเค้าอย่ากวดหนามปก อย่าไปเทียวทางฮกป่าดงเสือฮ้าย เสือบายเจ้าบ่มีผู้ซ่อย บัดห่าจ่อยบ่มีผู้ซ้ำผู้แล”, “ให้เจ้าฟันเฮือไว้หลายลำแฮท่า ให้เจ้าหม่าข่าวไว้หลายมื้อแขกสิโฮม” และ “ไฟไหม้ป่าจั่งเห็นหน้าหนู ฝนตกมาจั่งเห็นกะปู” ฯลฯ

ในขณะเรียนชั้นประถมศึกษา โยมมารดาได้พาหลวงปู่บุญมีไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดกับ หลวงปู่สีทา ชยเสโน (ซึ่งเป็นหลวงลุง) ณ วัดบูรพา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ท่านได้มีโอกาสกราบนมัสการรับใช้ใกล้ชิด พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งท่านอาจารย์ทั้งสองได้แวะเวียนมากราบนมัสการเยี่ยมหลวงปู่สีทา ชยเสโน พระอุปัชฌาย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระในสมัยนั้น อยู่เสมอ

เมื่อสิ้นหลวงปู่สีทา ชยเสโน ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ โยมมารดาจึงนำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี และในระหว่างบรรพชาเป็นสามเณรนั้น พระอาจารย์มั่นได้เมตตานำสามเณรบุญมีติดตามไปจำพรรษาที่จังหวัดสกลนครด้วย สามเณรบุญมีจึงมีโอกาสได้เรียนรู้ ซึมซับปฏิปทาจริยาวัตรของพระวิปัสสนาจารย์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เยาว์วัย ถือได้ว่าท่านเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่นอีกองค์หนึ่ง

เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงปู่บุญมีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๙๓ และตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันวิสาขบูชา โดยมี พระเดชพระคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาสว่าง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “โชติปาโล” อันมีความหมายเป็นมงคลว่า “ผู้มีแสงสว่างในธรรม”

• ลำดับสมณศักดิ์

ปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ (จร.ชอ.วิ.) ในพระราชทินนามที่ พระครูไพโรจน์รัตโนบล

ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เทียบเท่าผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ในพระราชทินนามเดิม

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในพระราชทินนามที่ พระภาวนาวิศาลเถร (วิ.สย.)

หลวงปู่บุญมี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ พระครูไพโรจน์รัตโนบล เป็นครั้งแรก ซึ่งสมณศักดิ์นี้เป็นของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาก่อน ท่านได้รับเพียง ๓ วัน จากนั้นได้มอบคืนให้ พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) วัดโพธิ์สมภรณ์ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี หลังจากพระอาจารย์มั่นแล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีพระสงฆ์องค์ใดได้รับแต่งตั้งในสมณศักดิ์นี้อีกเลย

จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ทรงรับสั่งกับหลวงปู่บุญมี ว่าไม่มีใครเหมาะที่จะได้รับสมณศักดิ์ พระครูไพโรจน์รัตโนบล นี้เท่ากับหลวงปู่อีกแล้ว หลวงปู่ได้รับสมณศักดิ์นี้จากสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่รู้ตัวมาก่อน จากนั้นได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์มาจนถึงชั้นพิเศษ และเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ หลวงปู่ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระภาวนาวิศาลเถร

ทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช

มีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อีกเรื่องหนึ่งที่โจษขานกันไปทั่ว คือ เมื่อครั้งที่มีงานมหาพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งคชวัตร และพระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๙๐ พรรษา (ภายหลังจากที่ทรงหายจากอาการพระประชวรหนักจนจวนเจียนจะสิ้นพระชนม์ แต่ทรงเจริญอิทธิบาท ๔ จนสามารถเจริญพระชนมายุต่อมาได้โดยสวัสดิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ไม่นาน) ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ โดยครั้งนั้น พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) พระอริยเจ้าผู้เข้มงวดเข้มขลังยิ่งแห่งวัดสระประสานสุข จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับอาราธนามานั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษกด้วย

เมื่อพิธีพุทธาภิเษกเสร็จสิ้น หลวงปู่บุญมีได้ลุกจากอาสนะสงฆ์ที่นั่งอยู่ แล้วเดินตรงเข้ามาหา ยืนต่อเบื้องพระพักตร์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ โดยมิได้ทรุดกายลงกราบ พร้อมกับเอาผ้าขนหนูผืนน้อยที่ไว้สำหรับเช็ดหน้าเช็ดปากลูบไล้เช็ดตามพระวรกาย ตั้งแต่พระเศียร (หัว) พระพักตร์ (หน้า) วนไปวนมาอยู่หลายรอบ เสร็จแล้วลงมาที่พระพาหา (ไหล่) พระกร (แขน) และพระอุระ (หน้าอก) อย่างที่ไม่มีใครนึกฝันหรือคาดคิดมาก่อน สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้บังเกิดขึ้นแก่ศิษย์อุปัฏฐากของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ และทุกๆ คนที่ไม่ทราบความนัยเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อเห็นทุกๆ คน (ยกเว้นแต่องค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ) บังเกิดความสงสัยแปลกใจอย่างเต็มที่ ศิษย์ติดตามหลวงปู่บุญมีจึงกราบทูลชี้แจงในอริยาการดังนั้นมาทีเดียวว่า “หลวงปู่กำลังทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่ฝ่าพระบาทอยู่ขอรับกระหม่อม”

เมื่อถึงที่สุดแห่งการพิธี หลวงปู่บุญมีได้ก้มลงกราบที่่พระอุระ (หน้าอก) โดยมิได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ขณะที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เองก็มิได้ออกพระวาจา หรือแสดงอาการหลบเลี่ยงอย่างไม่สบพระทัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น จากนั้นหลวงปู่บุญมีก็ได้กุมพระหัตถ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ขึ้นอธิษฐานเหมือนหนึ่งจะถวายพระพรให้ทรงพระเจริญด้วยพระชนมายุยิ่งยืนนานกว่า ๑๐๐ พระวัสสา ค้ำชูบูชาคุณบวรพระพุทธศาสนาให้สถาพรสืบต่อไปตราบชั่วจิรกาลเป็นปัจฉิมวาระ

แม้จะมีพรรษายุกาลมากกว่า แต่หลวงปู่บุญมีก็ก้มลงกราบแทบองค์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ อย่างนอบน้อมในพระคุณธรรมอันประเสริฐสุด เป็นที่ประทับตาประทับใจแก่พุทธศาสนิกชนทุกผู้ทุกนามที่มีบุญได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญมีระบุว่า เป็นการทำพิธีต่อพระชนมายุถวายแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ก่อนที่หลวงปู่บุญมีจะละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันศุกร์ที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ หลังจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ดังกล่าวเพียง ๘ เดือนเท่านั้น

หมายเหตุ : เรื่องการทำพิธีต่อพระชนมายุฯ นี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสืออิทธิฤทธิ์

พระภาวนาวิศาลเถร (หลวงปู่บุญมี โชติปาโล) ท่านเป็นทั้งพระเถราจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง และพระอาจารย์ผู้มีวิทยาอาคมขลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองอุบลราชธานี ได้อาพาธด้วยโรคปอดอักเสบ เกิดโรคแทรกซ้อนมาตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ ประกอบกับสังขารอันชราภาพมากแล้ว คณะแพทย์ตรวจอาการแล้วลงความเห็นว่า ควรให้หลวงปู่กลับมาพักรักษาตัวที่กุฏิวัดสระประสานสุขต่อไป โดยมีการส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่จำวัดรักษาตัวอยู่ภายในกุฏิ จะมีลูกศิษย์ลูกหาทุกระดับชั้น อาทิเช่น นายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, พล.ต.ต.เดชาวัตร รามสมภพ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี, นายทหารระดับนายพล ข้าราชการในจังหวัด และสาธุชนโดยทั่วไป ฯลฯ เข้ากราบนมัสการเยี่ยมอาการอาพาธโดยไม่ขาดสาย

ต่อมา เมื่อวันศุกร์ที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ เข้ากราบนมัสการเยี่ยมอาการอาพาธหลวงปู่บุญมีภายในกุฏิ วัดสระประสานสุข ท่ามกลางความปลื้มปีติในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อหลวงปู่ และคณะศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าดูแลอาการอาพาธด้วยความห่วงใย ทั้งนี้ โดยมีนายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, พล.ต.ต.เดชาวัตร รามสมภพ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมทั้งข้าราชการระดับสูง ฯลฯ คอยเฝ้ารับเสด็จ พระองค์ได้ทรงเฝ้าดูอาการของหลวงปู่อย่างใกล้ชิดโดยไม่ถือพระองค์นานกว่า ๒ ชั่วโมง ระหว่างนั้นได้ทรงมีพระปฏิสันถารสอบถามถึงอาการอาพาธกับหลวงปู่เป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าหลวงปู่จะพูดตอบไม่ได้ แต่ได้แสดงออกถึงซึ่งความปีติ กับโต้ตอบทางสีหน้า พร้อมกับยกแขนแสดงถึงการรับรู้ถึงเรื่องที่พูด

จากนั้นเวลา ๑๑.๕๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ได้เสด็จไปทรงประกอบภารกิจเป็นการส่วนพระองศ์ แต่พอคล้อยหลังได้เพียง ๕ นาที คือ เมื่อเวลา ๑๑.๕๕ น. หลวงปู่ได้ถึงแก่มรณภาพ ปิดตาลงด้วยอาการอันสงบ พร้อมกับได้ถอดดวงจิตออกจากร่าง ท่ามกลางความโทมนัสของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เป็นอย่างยิ่ง รวมถึงคณะศิษยานุศิษย์ที่่เข้ามาเยี่ยมอาการอาพาธทุกคน สิริอายุของหลวงปู่รวมได้ ๙๕ ปี ๓ เดือน ๘ วัน พรรษา ๗๔ ปัจจุบันทางวัดได้บรรจุสรีระสังขารของหลวงปู่บุญมีไว้ในโลงแก้ว ณ ศาลาการเปรียญ วัดสระประสานสุข เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าไปกราบไหว้สักการะสืบไป

เนื่องด้วยข้อวัตรปฏิปทาศีลาจาริยวัตรอันงดงาม เคร่งครัดในพระธรรมวินัย จึงเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของญาติโยมพุทธบริษัททุกระดับชั้น หลวงปู่บุญมีสมควรได้รับการยกย่องเป็น “ปราชญ์” ชาวอุบลราชธานีอย่างแท้จริง

ขอนอบน้อมบูชา บูรพาจารย์ นาม
หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
ศิษย์ปู่มั่น อาจาริโย
เปี่ยมด้วยธรรม เปี่ยมเมตตา น่าสรรเสริญ
วัตรปฏิบัติ ตามแนวครูอาจารย์ มิเคยพร่อง
เชิดเคารพบูชาครูยิ่งอื่นใด
แม้นเจ็บป่วย ไม่กังวล เพราะต้องสิ้น
สติปัญญาเตือนระลึกเสมอมา
แม้นถึงคราต้องสิ้น ดับชีพขันธ์
สิ้นท่านแล้ว ไม่สิ้นธรรม ลำเลิอค่า
ขอวิญญาณปู่ท่านช่วยรักษา
เป็นร่มโพธิ์ ร่มฉัตร ให้ศิษย์ด้อย
หลักธรรม...คุณความดีนี้...ศิษย์น้อมรับ...ตลอดไป

ประพันธ์โดย ศิษย์ มมร. กาฬสินธุ์
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 28 ส.ค. 2556 - 08:04.42
วันปิดประมูล ศ. - 30 ส.ค. 2556 - 09:28.36 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
เบอร์ติดต่อ 0837471994
แชร์หน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติม #1 พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 10:56.07
นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล นาคปรก หลวงปู่บุญมี ชาติปาโล วัดบ้านนาเมือง อ.เมือง จ.อุบล
1
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ10 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
110 บาท พ. - 28 ส.ค. 2556 - 13:31.18
200 บาท พ. - 28 ส.ค. 2556 - 13:32.02
210 บาท พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 00:05.26
220 บาท พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 00:05.29
300 บาท พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 00:05.40
350 บาท พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 09:28.26
400 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) พฤ. - 29 ส.ค. 2556 - 09:28.36
กำลังโหลด...
Top