
ประมูล หมวด:เหรียญปั๊ม ก่อนปี 2520
เหรียญท่าน เจ้าคุณอุบาลี (จันทร์ สิริจันโท) ปี 2516 วัดบรมนิวาส



ชื่อพระเครื่อง | เหรียญท่าน เจ้าคุณอุบาลี (จันทร์ สิริจันโท) ปี 2516 วัดบรมนิวาส |
---|---|
รายละเอียด | พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) หรือ มีเรียกกันย่อๆว่าท่านเจ้าคุณสิริจันโท (จันทร์) เป็นพระวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงมากๆในอดีตรูปหนึ่ง เก่งทั้งด้านปฏิบัติและปริยัติ มีผลงานเป็นหนังสือธรรมะและบทความมากมาย ท่านเจ้าคุณอุบาลี นอกจากจะเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่มั่น ยังเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นให้มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นตราบถึงปัจจุบัน มีพระสายหลวงปู่มั่นหลายองค์ที่ได้มาพักศึกษาที่วัดบรมนิวาสเช่น หลวงปู่สิม หลวงพ่อลี หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน เป็นต้น ในปัจจุบันทางวัดบรมนิวาสก็ยังมีกิจกรรมให้การอบรมปฏิบัติแก่ประชาชนโดยนิมนต์พระสายหลวงปู่มั่นมาสอนตลอดทั้งปี ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และบารมีของเจ้าคุณสิริจันโท ก็มีเรื่องเล่ามากมายเช่นกัน ท่านเจ้าคุณสิริจันโท นอกจากจะเชี่ยวชาญด้านกรรมฐานแล้ว ยังเป็นพระแนวอภิญญาที่เก่งไม่เป็นรองใครในสมัยนั้น ท่านเป็นพระสงฆ์องค์แรกของไทยที่ได้ทำการสร้างพระเศรษฐีนวโกศ อันเป็นตำราเก่าแก่ที่ท่านได้สืบทอดมาจากประเทศลาว เชื่อกันว่ามาทางสายสมเด็จลุน แสดงว่าเจ้าคุณอุบาลี ท่านก็มีวิชาแนวอาคมพอตัว สำหรับประวัติคร่าวๆของท่านที่ผมได้มาจากเวปของวัดบรมนิวาสมีดังนี้ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท) เดิมท่านเป็นคนชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิดท่านชื่อ จันทร์ สุภสร บิดาชื่อ สอน มารดาชื่อ แก้ว นามสกุล สุภสร ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นบุตรคนโต (หัวปี) ท่านเกิดเมื่อเดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ วันศุกร์ ปีมะโรง เวลา ๒๓.๐๐ น. ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๙๘ ที่บ้านหนองไหล ตำบล หนองไหล อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี พื้นเพของครอบครัวเป็นชาวนาเป็นฐานของชีวิต ท่านเจ้า คุณอุบาลี เป็นเด็กที่มีความคิดพิจารณามาแต่อายุ ๗ ขวบ บิดามารดาเป็นคนใจบุญสุนทานมีความใกล้ ชิดกับวัดวาครูบาอาจารย์มากครอบครัวหนึ่งยังผลให้บุตรคือท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ผู้ติดตามบิดามารดา เห็นความแน่นแฟ้นในศีลในธรรมมีสัจจะวาจามีความเลื่อมใสศรัทธาตามบิดาของตน เป็นอันมาก พออายุ ได้ ๑๓ ปี ก็พอดีปี พ.ศ. ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จสวรรคต เป็นธรรมเนียมของชาวไทยทุกคนต้องโกนผมไว้ทุกข์แด่องค์พระมหากษัตริย์และ รักษาศีลเจริญภาวนา เป็นการบูชาพระคุณแต่บุคคลที่รักรูปรักกายสังขารก็มีอยู่บางคนถึงกับร้องไห้ เสียใจเพราะตนต้องเป็นคน หัวโล้นโดยเฉพาะเป็นสตรีที่เสียใจกันมากแต่ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ (สมัยเป็นเด็ก) กลับมองตรงกันข้าม ท่านคิดในใจว่า “ศีรษะโล้นนี่เป็นของดีงามวิเศษกว่ามีผมที่รุงรังบนหัว” ตั้งแต่ถูกโกนผมหมดหัวไปแล้ว ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ (สมัยเป็นเด็กเล็กอยู่นั้น) เกิดชอบอกชอบใจเป็นที่สุดจิตใจเบิกบานอย่างผิดสังเกต บิดาเห็นเช่นนั้นก็ได้ถามขึ้นว่า “ถ้าจะให้บวชเป็นสามเณรจะอดข้าวเย็นได้บ่” สิ้นเสียงที่บิดาถามบุญบารมีเก่าได้มาหนุนนำชีวิตให้รุ่งโรจน์ต่อไป ท่านตอบอย่างไม่ต้องคิดว่า “อดได้”ต่อมาบิดามารดาได้นำบุตรชายที่อยากบวชเณรมาฝากบวชกับท่านเจ้าอาวาส วัดบ้านหนองไหล และได้เข้าบรรพชาเป็นสามเณรจันทร์ สุภสร ในปี พ.ศ. ๒๔๑๑ นั้นเองต่อมาอายุครบบวชบิดาจึงหาอุบายที่จะให้บุตรของตนได้บวชพระโยมบิดาของ ท่านได้เล่าดังนี้ “บุตรชายของท่านคือท่านเจ้าคุณอุบาลีฯเป็นเด็กเลี้ยงยากที่สุดและเป็นเด็ก ที่แสนซนอีกทั้งยังเป็นเด็ก ขี้ร้องไห้ใจน้อยถ้าร้องไห้แล้วละก็จะต้องเป็นชั่วโมงเลยทีเดียวไม่ยอมหยุด” ด้วยอุบายนี้โยมบิดาจึงนำไป กล่าวแก่บุตรชาย (จันทร์) ได้ฟังว่า “บิดามารดาได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ถ้าไม่บวชให้ก็เห็นทีจะไม่พ้นโทษ ต้องบวชให้บิดามารดาจึงพ้นโทษจากความเลี้ยงยากซนและขี้ ร้องไห้” ด้วยเหตุนี้จึงรับปากบิดามารดาว่า “จะบวชให้สัก ๓ ปี บิดามารดาจะพอใจหรือไม่” บิดาจึงตอบไปว่า “ลูกจะบวชให้สักปีสองปีก็ได้ไม่ว่าแต่ขอให้บวชเป็นพระก็แล้วกัน” บรรพชา เดือนยี่ ปี มะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ (อายุย่าง ๑๓ ปี) ที่วัดบ้านหนองไหล โดยเจ้าอธิการโสดา เป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบท วันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๒๐ (อายุย่าง ๒๒ ปี) ณ วัดศรีทอง (ปัจจุบันคือวัดศรีอุบลรัตนาราม) โดยท่านเทวธมฺมี (ม้าว) เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการสีโห วัดไชยมงคล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ศึกษาพระปริยัตธรรมอยู่ในสำนักท่านเทวธมฺมีพระอุปัชฌาย์ ต่อมาอายุท่านได้ ๒๔ ปี พระอุปัชฌาย์ก็ได้ส่งให่เข้ามาเรียนในพระนคร สำนักวัดเทพศิรินทราวาส กับด้วยพระปลัดผา ภายหลังได้ย้ายไปวัดบุปผารามกับด้วยพระศาสนโศภณ (อ่อน) แต่ครั้งยังเป็นเปรียญเมื่อสอบพระปริญญัติธรรมได้เป็นเปรียญ ๓ ประโยคแล้วก็ได้กลับไปเมืองอุบลราชธานี ทำกิจพระศาสนาช่วยพระอุปัชฌาย์อยู่ที่วัดศรีทอง คือ ได้ตั้งการสอนพระปริญัติธรรมมีคณะศิษย์เข้ามาเล่าเรียนอยู่ด้วยมาก ต่อมาก็ได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดมหามาตยาราม เมืองนครจำปาศักดิ์ ลุถึงปี พ.ศ. ๒๔๓๓ ได้เข้ามารับสมณศักดิ์เป็นพระครูวิจิตรธรรมภาณี เจ้าคณะใหญ่เมืองจำปาศักดิ์ และได้พาคณะศิษย์เข้ามาเล่าเรียนหลายรูปด้วยกัน เมื่อเสร็จจิดส่วนนี้ได้กลับออกไปจัดการงานในหน้าที่อยู่ที่นครจำปาศักดิ์ ในคราวนี้ได้ตั้งโรรงเรียนหนังสือไทยขึ้น ชื่อว่า โรงเรียนบูรพาสยามเขตต์ จัดการสอนทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย ส่วนทางวัดสุปัฏนารามนั้น ได้จัดการสอนออกเป็น ๒ แผนก คือ สอนภาษาบาลีและสอนภาษาไทย ให้ชื่อโรงเรียนว่า “อุบลวิทยาคม” ต่อมาเมื่อเขตแดนนครจำปาศักดิ์ได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะเกี่ยวข้องด้วยฝรั่งเศสก็ได้กลับมาอยู่กรุงเทพมหานคร พอลุ พ.ศ. ๒๔๔๗ ทรงพระกรุณาโปรดให้ครองวัดบรมนิวาส ท่านตั้งหน้าบำเพ็ญสมณกิจ และก่อสร้างปฎิสังขรณ์วัดบรมนิวาส ให้เจริญรุ่งเรียงขึ้นเต็มที่ อุปการ คุณของท่านที่มีปรากฏแก่โลกเมื่อสรุปส่วนที่สำคุญคือ ทางคันถธุระท่านได้ประกอบการศึกษาเล่าเรียนและได้อบรมสั่งสอนให้กับ ศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก อย่างเต็มความสามารถ ส่วนในทางวิปัสสนาธุระ ท่านได้ตั้งใจบำเพ็ญทั้งส่วนตนและส่วนแนะนำผู้อื่น นอกจากนี้ท่านเป็นธรรมกถกเอกเป็นผู้มักน้อนสันโดษ ไม่สะสมปัจจันลาภทั้ง ๔ ท่านได้ประกอบนวกรรมถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนามีจำนวนมากอีกทั้งได้รจนา หนังสืออธิบายอรรถ ธรรม โดยมติไว้ได้มาก ฯลฯ ชีวิตของผู้ประกอบด้วยคุณภาพเห็นปานนี้เป็นชีวิตที่หาได้ยาก สมณศักดิ์ พ.ศ. ๒๔๔๗ ทรงพระกรุณาโปรดให้ครองวัดบรมนิวาส ท่านตั้งหน้าบำเพ็ญสมณกิจ และก่อสร้างปฏิสังขรณ์วัดบรมนิวาสให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเต็มที่ พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้เลื่อนเป็นพระราชกวี พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้เลื่อนเป็นพระเทพโมลี ครั้นลุ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นพระราชาคณะที่พระธรรมธีรราชมหามุนี พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้เลื่อนเป็นพระโพธิวงศาจารย์ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้เลื่อนเป็นพระอุบาลีคุณูปมาจารย์อุปการคุณของท่านที่มีปรากฏแก่โลก เมื่อ สรุปส่วนที่สำคัญคือ ทางคันถธุระ ท่านได้ประกอบการศึกษาเล่าเรียน และอบรมสั่งสอนให้กับศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมากอย่างเต็มความสามารถ ส่วนในทางวิปัสสนาธุระ ท่านได้ตั้งใจบำเพ็ญทั้งส่วนตนทั้งส่วนรวมแนะนำผู้อื่น นอกจากนี้ท่านเป็นธรรมกถึกเอง เป็นผู้มักน้อยสันโดษ ไม่สะสมปัจจัยลาภทั้ง 4 ท่านได้ประกอบนวกรรมถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนามีจำนวนมาก อีกทั้งได้รจนาหนังสืออธิบายอรรถธรรมโดยมติไว้ได้มาก ฯลฯ ชีวิตของผู้ประกอบด้วยคุณภาพเห็นปานนี้ เป็นชีวิตที่หาได้ด้วยยาก มรณภาพ วันที่ ๑๙ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ เวลา ๑๑.๔๐ น. ด้วยอิริยาบถนั่ง ด้วยอาการสงบปราศจากความกระวนกระวาย ณ ห้องกลาง กุฏิหอเขียว วัดบรมนิวาสกรุงเทพมหานคร สิริรวมอายุได้ ๗๗ ปี พรรษา ๕๕ ******* **ท่านที่สนใจรายการตั้งประมูลของ หนุ่มเหนือ สามารถสอบถามได้ตลอด 24 ชม ที่ หมายเลข 081-2885930 ***มีทางเลือกในการโอนเงิน ได้ 2 บัญชีนะครับแล้วแต่ท่านจะสะดวกครับ*** *บัญชีที่ 1 เขตกรุงเทพและปริมณฑล โอนที่ ธ.กรุงไทยได้ฟรีครับ ชื่อธนาคาร : กรุงไทย สาขา : กรมการขนส่งทางบก เลขบัญชี : 9811200939 ชื่อเจ้าของบัญชี : ชัยทนันท์ ศรีอภิวงศ์ ชนิดของบัญชี : ออมทรัพย์ **บัญชีที่ 2 เชียงใหม่ โอนที่ ธ.กรุงไทยได้ฟรีครับ ชื่อธนาคาร : กรุงไทย สาขา : สุเทพ เลขบัญชี : 5210198987 ชื่อเจ้าของบัญชี : นายชัยทนันท์ ศรีอภิวงศ์ ชนิดของบัญชี : ออมทรัพย์ ******** ขอบคุณครับ ************* |
ราคาเปิดประมูล | 120 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 160 บาท (ถึงราคาขั้นต่ำ) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 40 บาท |
วันเปิดประมูล | พฤ. - 28 พ.ย. 2556 - 00:23.15 |
วันปิดประมูล |
อ. - 03 ธ.ค. 2556 - 20:02.46 ![]() |
ผู้ตั้งประมูล | |
แชร์หน้านี้ |
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
กรุณาทำการ Login เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ |
กำลังโหลด...