รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร - webpra

ประมูล หมวด:หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน – หลวงพ่อเขียน วัดสำนักขุนเณร

รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร

รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
รายละเอียดประวัติความเป็นมา ประวัติหลวงพ่อเขียน ธมฺมรกฺขิโต วัดวังตะกู ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
หลวงพ่อเขียนเมื่อเป็นฆราวาส มีชื่อเรียกกันว่า “เสถียร” เกิดเมื่อวันเสาร์เดือน ๔ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๙๙ หลวงพ่อเกิดที่บ้านตลิ่งชัน ตำบลชอนไพร อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

บิดาชื่อทอง มารดาชื่อปลิด ภายหลังใช้นามสกุลว่า จันทร์แสง บ้านอยู่ติดกับวัดทุ่งเรไร หลวงพ่อเขียนมีพี่น้องร่วมสายโลหิตทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๓ คน เป็นหญิง ๒ คน ดังนี้

คนที่ ๑ ชื่อ อินทร์ (ชาย)

คนที่ ๒ ชื่อ ทองใบ (หญิง)

คนที่ ๓ ชื่อ เสถียร (ชาย)

คนที่ ๔ ชื่อ แสง (ชาย)

คนที่ ๕ ชื่อ ระทวย (หญิง)

บิดา – มารดา ของหลวงพ่อเขียน มีอาชีพหลัก คือการทำนาและทำไร่ นอกจากอาชีพนี้แล้ว บิดาของหลวงพ่อเขียน ยังเป็นคนทรงประจำหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านเหล่านั้นมักเรียกกันว่า “สมุนเจ้าบ้าน”

เมื่อยังเด็กหลวงพ่อเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายและเฉลียวฉลาดเมื่ออายุได้ ๑๒ ปี หลวงพ่อได้ขออนุญาตจากบิดา – มารดา ขอบวชเป็นสามเณร (พ.ศ. ๒๔๑๑) อยู่วัดทุ่งเรไร ในขณะที่บวชเป็นสามเณรนั้นได้ศึกษาอักษรสมัย ตามควรแก่การ จากท่านอาจารย์วัด พออ่านออกเขียนได้นอกจากนี้ยังได้ศึกษาภาษาขอม ควบคู่ไปกับภาษาไทย อันเนื่องมาจากขยันเล่าเรียนเขียนอ่าน อาจารย์ผู้สอนจึงได้เปลี่ยนชื่อจากเสถียรเป็น “เขียน” สามเณรเขียนได้บวชเรียนเป็นสามเณรตลอดมาโดยไม่สึกเลยจนกระทั่งอายุใกล้จะอุปสมบทได้ จึงได้สึกออกมาเป็นฆราวาส เมื่อครบอายุบวช บิดา – มารดา ตลอดจนพี่น้องได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องจะบวช นายเขียน ซึ่งนายเขียนนั่งร่วมวงอยู่ด้วย และนั่งติดกับพี่สาวชื่อทองใบ ขณะนั้นแต่งงานมีบุตรแล้ว นายเขียนได้พูดปรารภกับพี่สาวว่า “นมผู้หญิงเป็นอย่างไรน่อ ไหนๆฉันจะบวชแล้ว อยากจะขอจับสักครั้งได้ไหม” เมื่อพี่สาวได้ยินดังนั้นก็อนุญาตให้จับนม เมื่อนายเขียน จับนมของพี่แล้ว ก็ลองจับน่องของตนบ้าง พร้อมกับพูดว่ามันคล้ายๆกับน่องของฉันไม่เข้าท่าเลย ดังนั้นใน พ.ศ. ๒๔๒๐ นายเขียนอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบท ณ วัดภูเขาดิน(บางคนเรียกว่า วัดภูกระดึง) ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีอาจารย์ประดิษฐ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอาจารย์สอนกับพระอาจารย์ทองมี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากหลวงพ่อเขียนได้อุปสมบทได้ ๑ พรรษา บิดา – มารดา ได้รบเร้าให้หลวงพ่อ สึกจากสมณเพศเพื่อจะได้มาแต่งงานกับหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่บ้านใกล้กัน หลวงพ่อไม่ยอมสึก จึงได้ลาญาติ โยมบิดา – มารดา ไปเยี่ยมญาติชื่อนางบุญมา บุญต้อ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแต่งงานกับนายอินทร์ บุญต้อ และพามาอยู่ที่บ้านวังตะกู อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร

เมื่อหลวงพ่อมาเยี่ยมญาติที่บ้านวังตะกู ก็มีกำนันขุนพล(มาด สุขขำ) กำนันตำบลวังตะกู กับนายอินทร์ บุญต้อ ได้นิมนต์ให้หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็ไม่ขัดนิมนต์จึงได้จำพรรษาอยู่วัดนี้ ๑ พรรษา หลังจากนั้นท่านได้ออกจากวัดวังตะกูไปศึกษาปริยัติธรรมอยู่ที่วัดเสาธงทอง จังหวัดลพบุรี โดยมีพระอาจารย์ทองเป็นอาจารย์ผู้สอน เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่วัดนี้เป็นเวลานานถึง ๙ พรรษา หลวงพ่อก็ลาอาจารย์ทองเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปศึกษาปริยัติธรรมต่อและได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดรังษี ซึ่งมีเจ้าคุณธรรมกิตติเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระอยู่วัดรังษีนานถึง ๑๖ พรรษา ก็พอดีขณะนั้นวัดรังษีจะโอนจากวัดมหานิกายเข้าเป็นวัดธรรมยุตตินิกาย แต่หลวงพ่อไม่ยอมเปลี่ยนหลวงพ่อจึงต้องออกจากวัดรังษี ตั้งแต่นั้นมาและได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเสาธงทอง จังหวัดลพบุรีอีกครั้งหนึ่ง ขณะนั้นท่านเจ้าคุณสังฆภาเป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อได้จำพรรษาอยู่วัดนี้อีก ๙ พรรษา

ในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ กำนันขุนพลพร้อมด้วยนายอินทร์ บุญต้อ ได้พากันเดินทางจากวัดวังตะกูไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็รับนิมนต์และได้ออกเดินทางมาพร้อมกับกำนันขุนพลและนายอินทร์ มาจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกูตั้งแต่นั้นมา

ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อยังจำพรรษาอยู่ที่วัดวังตะกู ผู้ใหญ่พลาย บ้านห้วยเรียงใต้ได้นำม้าตัวเมียมาถวายหลวงพ่อ ๑ ตัว และนายทอง บ้านวังอีแร้งได้นำม้าตัวผู้มาถวายอีก ๑ ตัวในช่วงระยะเวลาประมาณ ๒๐ ปีม้าทั้งสองได้ขยายพันธุ์ออกมาเป็นม้า ๗๐ ตัวนับว่าเป็นม้าที่มาก ฝูงหนึ่งในวัดของหลวงพ่อนอกจากจะมีม้าแล้วยังมีผู้นำ ลิง ชะนี เก้ง กวาง วัวแดง จระเข้ (ขณะนี้จระเข้ตัวที่ชื่อสี อยู่ที่วัดเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร โดยสร้างเป็นอ่างใหญ่โบกปูนซีเมนต์ให้อยู่ตรงปากถ้ำชาละวัน)เป็นสิ่งที่น่าสังเกต ว่าวัดนี้มีสัตว์เป็นจำนวนมาก คล้ายวัดหลวงพ่อเงิน บางคลาน

พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้มีอาจารย์วัดองค์หนึ่งชื่อใหญ่ สนิทบุรุษ มาจากจังหวัดนครราชสีมาได้มาขอพำนักอยู่ที่วัดวังตะกู ครั้นอยู่มานานๆเข้ามีประชาชนนับถือมาก เลยถือโอกาสตั้งตัวเป็นเจ้าอาวาสเสียเอง ทั้งนี้เนื่องจากมีทายกบางคนให้ความสนับสนุนจึงได้รื้อกุฏิปลูกใหม่ให้เข้าแถวเป็นระเบียบเป็นการขับไล่หลวงพ่อทางอ้อม เว้นกุฏิหลวงพ่อไว้ให้อยู่โดดเดี่ยวองค์เดียว นอกจากนี้ยังให้สร้างเชิงตะกอนเผาศพไว้ด้านตะวันออกใกล้ๆกุฏิหลวงพ่อเวลาเผาศพลมจะพัดควันและกลิ่นเข้ากุฏิหลวงพ่อ เรื่องนี้หลวงพ่อได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะการเผาศพกว่าจะไหม้หมดก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ถึงแม้หลวงพ่อจะได้รับความทุกข์ทนทรมานอย่างใด หลวงพ่อก็ทนอยู่ได้ไม่ยอมหนีไปไหนท่านชอบอยู่อย่างไม่จองเวร-จองกรรม หลวงพ่อท่านระงับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นด้วยขันติธรรม ในขณะนั้นหลวงพ่อหมดที่พึ่งเนื่องจากทายกเก่าตายเกือบหมด

พ.ศ. ๒๔๙๑ กำนันเถาว์ ทิพย์ประเสริฐ บ้านสำนักขุนเณร ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นกำนันตำบลวังงิ้ว ซึ่งเป็นผู้มองเห็นการณ์ไกลกำนันพร้อมคณะทายก จึงได้พากันมานิมนต์หลวงพ่อให้ไปจำพรรษาอยู่วัดสำนักขุนเณร ซึ่งอยู่ห่างจากวัดวังตะกูไปทางตะวันออกระยะทางจากวัดวังตะกูถึงวัดสำนักขุนเณรประมาณ ๕ กม. และคณะที่ไปนิมนต์ได้รับปากบอกหลวงพ่อว่าจะช่วยกันสร้างกุฏิให้เพียงพอกับพระภิกษุสงฆ์ที่พำนักอยู่ที่วัดสำนักขุนเณรอย่างเพียงพอ นอกจากนี้จะสร้างคอกม้าให้อย่างกว้างขวาง หลวงพ่อได้มองเห็นเจตนาดีและความอ้อนวอน หลวงพ่อจึงรับนิมนต์ไปอยู่วัดสำนักขุนเณร ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะไปอยู่วัดสำนักขุนเณรแล้วก็ตาม หลวงพ่อก็ยังเทียวไป-มาระหว่างวัดสำนักขุนเณรและวัดวังตะกูมิได้ขาด

พ.ศ. ๒๔๙๓ หลวงพ่อพ่อได้ติดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะจำพรรษาอยู่วัดสำนักขุนเณร ด้วยความอาลัยอาวรณ์วัดวังตะกู หลวงพ่อได้กราบ ไหว้ต้นไม้ใหญ่ๆทุกต้นในบริเวณวัดวังตะกู ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าท่านเคยจำพรรษาอยู่วัดวังตะกูนานถึง ๔๙ พรรษาก็อาจเป็นได้ เมื่อหลวงพ่อไปอยู่วัดสำนักขุนเณรแล้ว คณะทายกวัดวังตะกู ก็พากันไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาจำพรรษาอยู่วัดวังตะกู หลวงพ่อก็รับนิมนต์มาอยู่วัดวังตะกูตามเดิม ครั้นหลวงพ่อมาอยู่ได้ ๑ อาทิตย์หลวงพ่อก็ขอตัวกลับไปอยู่สำนักขุนเณรอีก ด้วยความอาลัยรักวัดทั้งสอง หลวงพ่อจึงเทียวไป เทียวมา มิได้ขาด

หลวงพ่อเขียนนับว่าท่านเป็นนักก่อสร้างองค์หนึ่ง จะสังเกตได้ว่าเมื่อหลวงพ่อไปอยู่ ณ วัดใดจะพยายามสร้างสรรค์วัดนั้นให้เจริญรุ่งเรืองสำหรับงานก่อสร้างนั้น เพื่อให้ผู้สนใจได้มองเห็นอย่างถี่ถ้วนจึงได้นำมาเขียนเป็นขั้นตอนดังนี้

ค้นหาข้อมูลจาก google

@@ ขอความกรุณาอย่าเคาะเล่นนะครับ ดูให้ดีให้ชอบแล้วเคาะ ไม่ชอบผ่านได้เลย จะได้ไม่เสียเครดิตตัวเอง และไม่ต้องเสียเวลาทั้ง 2 ฝ่ายครับ ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมประมูลนะครับ

*******************************************************************

ผู้ชนะการประมูล กรุณาโอน
ธนาคาร - กสิกรไทย
สาขา - เดอะมอลล์บางแค
ชื่อบัญชี - ภัสกัญจนภรณ์ สุขโต
เลขที่บัญชี - 7512625082

********************************************

+ รับประกันความพอใจ 7 วัน หลังจากรับพระ ไม่พอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวน หลังจากได้รับพระแล้วโดยไม่มีงอแง ไม่จุกจิก และไม่ถาม พระต้องอยู่ในสภาพเดิม ไม่หักชำรุด หรือ ล้างผิว แต่ขอหัก 100 บาทค่า EMS และค่าโอนเงินต่างธนาคารกรณีโอนเงินคืน เกิน 7 วัน หัก 20 % ในกรณีกฎความพอใจ
+ รับประกันตามกฎเวปครับ (พระต้องอยู่ในสภาพเดิม ไม่หัก ชำรุด บิ่น หรือ ล้างผิวนะครับ)
+ โอนเข้า บัญชี ที่ลงไว้กับเวปพระเท่านั้นนะครับ หรือ จะโอนผ่านเวปก็ได้ครับ
+ โอนแล้วกรุณาแจ้ง sms เข้ามือถือ แจ้งชื่อผู้ส่ง หรือ หมายเลข Tel. ที่ลงทะเบียนกับทางเวป เพื่อง่ายต่อการเช็คยอดนะครับ
+ สำหรับท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเวป สนใจติดต่อ 0844113313
+ รายการที่ไม่ถีง 100 ติดแสตมป์ ไม่ถึง 500 ส่งแบบลงทะเบียนครับ ถ้าต้องการให้ส่ง EMS กรุณาแจ้งบอก+เพิ่มค่าส่ง อีก 30 บาท ทางร้านจะจัดส่งให้ครับ
+ รายการทางร้านจัดส่ง EMS ทุกรายการที่เกิน 500 บาทขึ้นไปครับ
*ขอบพระคุณที่ใช้บริการนะครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน1,200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 23 เม.ย. 2557 - 14:02.04
วันปิดประมูล อ. - 13 พ.ค. 2557 - 14:02.04 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
เบอร์ติดต่อ 0844113313
แชร์หน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติม #1 พ. - 23 เม.ย. 2557 - 14:04.36
รูปหล่อโบราณหลวงพ่อเขียน หน้าลิง วัดวังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
เพิ่มเติมครับ
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 1,200 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดโดยระบบแล้ว
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
200 บาท พ. - 23 เม.ย. 2557 - 14:04.39
game007 (20) (-3) 171.99.160.196
300 บาท ส. - 26 เม.ย. 2557 - 22:58.10
800 บาท ศ. - 09 พ.ค. 2557 - 07:03.12
1,000 บาท ศ. - 09 พ.ค. 2557 - 07:03.16
1,200 บาท ศ. - 09 พ.ค. 2557 - 07:31.22
กำลังโหลด...
Top