พระปรกอุปคุตหลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม สุดยอดพิธีและประสบการณ์ - webpra

ประมูล หมวด:หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม - หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง – หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู

พระปรกอุปคุตหลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม สุดยอดพิธีและประสบการณ์

พระปรกอุปคุตหลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม สุดยอดพิธีและประสบการณ์ พระปรกอุปคุตหลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม สุดยอดพิธีและประสบการณ์
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง พระปรกอุปคุตหลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม สุดยอดพิธีและประสบการณ์
รายละเอียดประวัติของท่านพระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร)

ท่านพระ ครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร) เกิดในสกุล "แสงเขียว" มีนามว่า "สวน แสงเขียว" บิดาชื่อ นายคูณ แสงเขียว มารดาชื่อ นางผุย แสงเขียว เชื้อสายทางบิดาของท่านเกิดอยู่ที่บ้านสำโรง เชื้อสายทางมารดาของท่านอยู่ที่บ้านนาทม บิดา-มารดา มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน

1. นายพูน แสงเขียว

2. นางหนุน พินธุรักษ์

3. นางเข็ม แสงเขียว

4. นางหลวย แสงเขียว

5. พระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่สวน ฉันทโร)

6. นายนวล แสงเขียว

7. นางอ้วน สมเพราะ

8. นางทองสี บุดดี
ชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สุภาพ อ่อนโยน อุปนิสัย ชอบรักความสงบ มีใจฝักไฝ่ในทางพระพุทธศาสนา มาตั้งแต่เด็กๆ จึงได้เป็นที่รักใคร่ของบิดา มารดาเป็นอันมาก

เมื่อท่าน เจริญเติบโตขึ้น ชีวิตย่างเข้าสู่วัยรุ่น ท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูกตเวที ช่วยเหลือการงานของ บิดา มารดา ในการทำไร่ทำนา ด้วยความขยันขันแข็ง ด้วยอุปนิสัยที่ท่านเป็นผุ้ที่มีความสุภาพอ่อนโยนมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้นมา จึงทำให้ท่านเป็นคนทีมีความสุขุม เยือกเน็น นุ่มนวล เป็นผู้ที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง อีกทั้งยังมีความเสียสละต่อส่วนรวมเสมอ จึงทำให้ท่านเป็นที่รักใคร่ ของเพื่อนฝูง และบุคคลทั่วไป

จะด้วย บุพกรรมเก่าที่ท่านเคยสร้างสมมาเมื่อครั้งในอดีต ก็มิอาจจะทราบได้ ท่านกลับไม่มีความลุ่มหลง นิยมชมชอบ หรือจรรโลงใจกับชีวิตแห่งการครองเพศฆราวาสอันหาแก่นสารไม่ได้ จึงทำให้ท่านเกิดความเบื่อหน่าย จริตของท่านกลับนิยมชมชอบในสีลาจารวัตรอันสมถะเรียบง่ายของพระภิกษุสงฆ์ใน บวรพระพุทธสาสนา

ท่านมี ความครุ่นคิดที่อยกจะออกบวช แต่ด้วยความเกรงใจและสำนึกในพระคุรของบิดามารดา ท่านจึงต้องอยู่ช่วยงาน บิดามารดาทำไร่ทำนา เพื่อแสดงความความกตัญญู ตอบแทนพระคุณบิดามารดา เมื่อย่างเข้า 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงตัดสินใจกราบอ้อนวอนบิดามารดา เพื่อแสวงหาสัจธรรม ปรากฏว่าบิดามารดาของท่านปราบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพาะความจริงแล้ว บิดามารดาของท่านก็มีความประสงค์ที่จะให้ท่านออกบวชอยู่แล้ว

เข้าร่ม ผ้ากาสาวพัสตร์ ครั้นเมื่อวันที่ 30 พฤษถาคม พุทธศักราช 2473 ท่านจึงได้ตัดสินใจ เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธสาสนา ณ. วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ในขณะนั้น) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นอุปัชฌายะ พระดีเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ "ฉันทโร" ซึ่งแปลว่า สำเร็จเป็นพระภิกษุวฃสงฆ์ในเวลา 18.08 น.

เมื่อท่าน อุปสมบทเป็น พระภิกษุสวน ฉันทโร แล้ว ท่านได้พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วนซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม ซึ่งสมัยนั้นวัดนาอุดม นับเป็นแหล่งพำนัก และศึกษาธรรมะของพระภิกษุสามเณร จำนวนมาก ท่านได้ศึกษาธรรมะอยู่ ณ. วัดนาอุดมเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นท่านจึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดคำหว้าเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน
เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์

ครั้น เมื่อวันที่ 30 พฤษถาคม พุทธศักราช 2473 ท่านจึงได้ตัดสินใจ เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธสาสนา ณ. วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ในขณะนั้น) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นอุปัชฌายะ พระดีเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ "ฉันทโร" ซึ่งแปลว่า สำเร็จเป็นพระภิกษุวฃสงฆ์ในเวลา 18.08 น.

เมื่อท่าน อุปสมบทเป็น พระภิกษุสวน ฉันทโร แล้ว ท่านได้พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วนซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม ซึ่งสมัยนั้นวัดนาอุดม นับเป็นแหล่งพำนัก และศึกษาธรรมะของพระภิกษุสามเณร จำนวนมาก ท่านได้ศึกษาธรรมะอยู่ ณ. วัดนาอุดมเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นท่านจึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดคำหว้าเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน

เมื่อพุทธ ศักราช 2478 ท่านจึงย้ายไปศึกษาต่อที่วัดสำโรงใหญ่ ซึ่งในสมัยนั้นก็นับว่าเป็นแหล่ งศึกษา ธรรมะเช่นกัน ขณะนั้นอาจารย์หม่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านดำรงตำแหน่งเป้นเจาอาวาส พระภิกษุสวนท่านได้ศึกษาวิชามุลกัจจายน์ และวิชาวิปัสสนากรรมฐาน ณ. สำนักแห่งนี้ ท่านเล่าว่า อาจารย์หม่อนท่านเคร่งครัดระเบียบวินัยมาก ผู้ที่จะศึกษาเล่าเรียนที่สำนักแห่งนี้ จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร และต้องมีความขยันอดทนเป็นอันมาก พระอาจารย์หม่อนท่านมีอุปนิสัยค่อนข้างดุมาก พระที่คอยอุปัฏฐากรับใช้ท่าน หลายรูปที่ขาดขันติ ขาดความอดทน ทนอยู่ไม่ได้ต้องหนีไปก็มี จนไม่มีใครกล้าจะไปอุปัฏฐากรับใช้ท่าน
อยู่มาวัน หนึ่ง พระอาจารย์หม่อนจึงได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปพบ และมอบหน้าที่อุปัฏฐากแทนพระที่หนีไป หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า ท่านถูกพระอาจารย์หม่อนใช้งานอย่างหนัก เช่นให้เลื่อยไม้ เพื่อสร้างเสนสนะภายในวัด ท่านทำจนมือไม้แตกหมด เลือดก็ออก ทั้งเจ็บทั้งระบม แต่ก็ต้องทน จะทำอย่างไรได้ เมื่อเป็นคำสั่งของครูบาอาจารย์ บางทีท่านก็ดว่ไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะวันไหน ที่มียาติโยมมากันมาก วันนี้แหละเป็นวันที่ท่านอะไรก็ไม่ถูกใจท่านเอาเสียหมด บางที่ท่านก็จะดุว่าเสียงดัง บางครั้งถึงขนาดอับอายญาติโยมจนจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ท่านก็ไม่หนี ท่านบอกว่าจะต้องใช้ขันติ อดทนเป็นอย่างมาก เพื่อต้องการปฏิบัติครูบาอาจารย์

จนในท่สุด พระอาจารย์หม่อนเกิดความเมตตาสงสาร เห็นว่าพระภิกษุสวน มีขันติ ความอดทน มีความเพียรพยายาม มีความมุมานะ ไม่ปริบากบ่นสักคำ อาจจะเป็นด้วยว่า พระอาจารย์หม่อน ท่านต้องการทดสอบจิตใจ ความอดทน หรืออย่างไรไม่ทราบ อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปหา และบอกว่าจะสอนกรรมฐานให้ ทำให้พระภิกษุสวนท่านดีใจมาก พระอาจารย์หม่อนยังได้พาพระภิกษุสวน ไปฝึกกรรมฐานในป่าช้าสองต่อสอง โดยการแยกกันปฏิบัติคนละที่ หลวงปู่ญาท่านสวนท่านเล่าให้ฟังว่า พระอาจารย์หม่อนท่านมีอาสนะพิเศษทำด้วยหนังหม หอบหิ้วไปทุกครั้งที่ท่านไปสอนกรรมฐานในป่าช้า

การที่ฝึก กรรมฐานท่านอาจารย์หม่อนให้ฝึกวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อฝึกปฏิบัติจนเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ท่านก็ให้ไปฝึกปฏิบัติเอก ถ้าหากติดขัดประการใดก็ให้ไปถามท่าน นิกจากวิชากรรมฐานแล้ว พระอาจารย์หม่อนท่านยังสอยวิชาเวทมนต์คาถาต่างๆ ให้อีกด้วย การฝึกกรรมฐาน ท่านก็เล่าว่าท่านไม่เคย ธุดงค์เลย แต่ท่านตั้งใจฝึกฝนเพียรพยายาม ตามหาครูบาอาจารย์ ท่านสอนต้องไม่ขี้เกียจ พยายามค้นคว้า หาความรู้ในแนวปฏิบัติตามตำรับตำราต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านบันทึกเอาไว้ นอกจากนั้นท่านด้ศึกษา เรียนรู้วิธีการเขียน และอ่านอักษรขอม และอักษรธรรมอีสาน จนเกิดความชำนิชำนาญ สามารถอ่านออก เขียนได้จนคล่องแคล่ว
การศึกษาทางด้านเวทย์วิทยาคม

นออกจาก การศึกษาทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน และสรพพวิชาเวทย์มนตร์คาถาต่างๆ จากพระอาจารย์หม่อนแล้ว ต่อมาท่านได้คิดเดินทางไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับท่านสำเร็จลุน วัดเวินไซ เมืองปากเซ นครจำปาศักดิ์ ท่านสำเร็จลุน ถือเป็นพระปรมาจารย์ผู้ทรงอภิญญา มีกฤาดาอภินิหารมากมายเลื่องลือในแถบลุ่มน้ำโขง มีคนเคยเห็นท่าน ยืนสรงน้ำกลางแม่น้ำโขง ท่านสามารถบังคับให้เรือรบของทหารฝรั่งเศสหยุดได้ และเคยเหยียบเรือของทหาร ฝรั่งเศสเอียงวูบจนเกือบจะล่ม เมื่อคราวที่ทหารฝรั่งเศสให้คนนิมนต์ให้ท่านลงไปในเรือรบ แต่ท่านบอกว่า ไม่อยากลงเพราะกลัวเรือจะล่ม แต่ไม่มีใครเชื่อท่าน จึงก้าวขึ้นไปเหยียบปรากฏว่าเรือเอียงวูบทันที จนไม่มีใครกล้า คะยั้นคะยอให้ท่านลง และมีอยู่คราวหนึ่ง ท่านสำเร็จลุนได้บอกให้ลูกศิษย์ปอกมะละกอและหาเครื่องตำส้มตำ เอาไว้ ส่วนท่านจะไปเอาน้ำปลาจากกรุงเทพมาให้ ปรากฏว่าท่านเดินคล้อยหลังไปแป๊บเดียว แล้วกลับมาพร้อมกับ ถือเอาขวดน้ำปลายี่ห้อแปลกๆ ที่ไม่เคยมีในแถบนี้มาก่อนให้ลูกศิษย์ ท่านพระภิกาษุสวนได้เดินทางไป แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่พบกับสำเร็จลุน ท่านจึงได้เดินทางกลับ

ต่อมาท่าน ได้ทราบว่า ยังมีศิษย์ของท่านสำเร็จลุนอีกรูปหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ เอาไว้และ มีกฤษดาอภินิหารมากเช่นกัน พระภิกษุรูปนี้คือ "ญาท่านกรรมฐานแพง" แห่งวัดสะพือ อ.พิบูล จ.อุบลราชธานี ท่านจึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของญาท่านกรรมฐานแพง การเรียนสรรพวิชา เวทย์มนต์คาถาต่างๆ ในสายของสำเร็จลุน ญาท่านกรรมฐานแพงท่านกล่าวว่า "ผู้ที่จะมาเรียนวิชาในสายนี้จะต้องตั้งสัจจะ คือ เมื่อเรียนสำเร็จแล้วจะต้องบวชไม่สึก"

วิชาที่ เรียน ท่านพระภิกษุสวนท่านได้ศึกาาวิชากรรมฐาน วิชาการเดินธาตุต่างๆ เช่นแม่ธาตุอันได้แก่ นะ โม พุท ธา ยะ ธาตุ 4 ได้แก่ นะ มะ พะ ธะ ธาตุกรณีได้แก่ จะ ภะ กะ สะ แก้ว 4 ดวงได้แก่ นะ มะ อะ อุ ท่านได้เรียนรู้เรื่องการปลุกเสก วัตถุมงคลให้เกิดฤทธิ์ให้เกิดความศักดิ์ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการลงตะกรุดต่างๆ เช่น

- ตะกรุดโทน, ตะกรุดสายรกพระพุทธเจ้า, ตะกรุดอุปคุต, ตะกรุดกันระเบิด

- ตะกรุดสามกษัตริย์, ตะกรุดห้ากษัตริย์, ตะกรุดเมตตามหานิยม, ตะกรุดรัตนบัลลังก์

- ตะกรุดสาริกา, ตะกรุดสาริกาตอมเห่ว, ตะกรุดธรณีไหว, ตะกรุดไก่ตอนโทน

- ตะกรุดเข้าตา ทำจากเงินปากผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร, ตะกรุดโภคทรัพย์

- ตะกรุดผูกข้อมือเด็ก, ตะกรุดกันผี และอื่นๆ
วิชาอื่นๆ เสื้อยันต์, ถักเชือกมงคล, การทำสีผึ้งเมตตามหานิยม, การสร้างปลัดขิก ทำจากสากกระเบือแม่หม่ายแก่นมะขาม ไม้คูณตายพราย กัลปังหา ไม้มะนมตายพราย, การสร้างลูกประคำ 108, การสร้างลูกประคำโทน, การสร้างพระราหู อมจันทร์, การฝังเข็มทองคำซึ่งเป็นเข็มกลุ่ม 32 เล่ม และเข็มโทน 1 เล่ม, การเข้าแผ่นทองคำเปลว, วิชาการทำน้ำมนต์ เข้าหม้อ เพื่อเสริมดวง เสริมบารมี ต่อดวงชะตา, วิชาการเสกข้าวสารใส่กระบอกไม้ไผ่เพื่อต่อดวงชะตา, วิชาการทำ น้ำมนต์พุทธมนต์ 7 บ่อ และอื่นๆ

สรรพวิชา ต่างๆ ในสายสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านสำเร็จลุน ท่านได้ถ่ายทอดให้ พระภิกษุสวนจนหมดสิ้น ยกเว้นวิชาสุดท้ายเป็นวิชาที่สุดยอดทางเมตตาก็เพราะว่าผู้ที่เรียนวิชานี้จะ ต้องไปหารังผึ้ง ร้างรัง มาทำเป็นเสื่อรองนั่งให้ได้ 2 คนคืออาจารย์ผู้ถ่ายทอด และลูกศิษย์ที่จะรับการถ่ายทอด จึงจะสามารถถ่ายทอด วิชากันได้ พระภิกษุสวนใช้เวลาหาอยู่นานหลายไปแต่กว่าจะหาได้ญาท่านกรรมฐานแพงก็มรณภาพ ไปเสียก่อน นอกจากการเรียนจากครูบาอาจารย์แล้วพระภิกษุสวนยังได้ศึกษาวิชาตามคัมภีร์ ต่างๆ ที่บันทึกเอาไว้
วาระแห่งการมรณะภาพ

- เมื่อช่วงปลายปี พ.ส.2548 สุขภาพของท่านเริ่มอ่อนเพลียเพราะท่านฉันอาหารไม่ค่อยได้

- ปลาย เดือนมกราคม 2549 ท่านมีอาการปวดท้อง คณะศิษย์จึงได้นิมนต์ท่านไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าอาการป่วยของ ท่านเป็นลำใส้อุดตัน เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว คณะแพทย์จึงได้อนุญาตให้ท่านกลับวัดได้

- ต่อ มาช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ท่านมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง เพราะท่านันอาหารไม่ได้ คณะศิษย์จึงได้ นิมนต์ท่านไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อรักษา จนอาการดีขึ้นแล้ว ทางคณะแพทย์จึงได้อนุญาตให้ท่านกลับวัดได้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549

- ต่อ มาท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านทราบว่าหลวงปู่มีอาการอ่อนเพลียไม่ค่อยสบาย ท่านจึงมีคำสั่งให้ คณะแพทย์โรงพยาบาลตาลสุม มาเฝ้าดูแลอาการของหลวงปู่ที่ วัดนาอุดมตลอด 24 ชั่วโมง

- เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ท่านมีอาการอ่อนเพลียชีพจรเต้นอ่อนลง คณะแพทย์ผู้เฝ้าดูแลอาการ จึงได้ตัดสินใจนำท่าน ไปรักษาอาการ ณ. โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ คณะแพทย์ให้อาหารทางสายยาง และใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยหลวงปู่ท่านไม่สามารถพลิกตัวได้เอง วันที่ 9-12 มีนาคม 2549 หลวงปู่ท่านไม่มีอาการตอบสนอง

- เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549 เวลา 6.30 น. ซึ่งตรงกับวัญเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ วันอังคาร หลวงปู่ญาท่านสวนได้ ปล่อยวางสังขาร ด้วยอาการอันสงบ ยังความโศกเศร้าเสียใจ และอาลัยอาวรณ์แก่ศิษยานุศิษย์

หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร สิริอายุได้ 95 ปี 6 เดือน 6 วัน 75 พรรษา
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพ. - 18 ก.พ. 2558 - 21:05.27
วันปิดประมูล พ. - 18 ก.พ. 2558 - 21:05.40 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 100 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top