เหรียญ หลวงปู่ขาว รุ่นบช.ภ2 ปี 2520 - webpra

ประมูล หมวด:หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล - หลวงปู่อ่อนสา วัดประชาชุมพลพัฒนาราม - หลวงปู่หลอด วัดศรีสว่าง

เหรียญ หลวงปู่ขาว รุ่นบช.ภ2 ปี 2520

 เหรียญ หลวงปู่ขาว  รุ่นบช.ภ2 ปี 2520  เหรียญ หลวงปู่ขาว  รุ่นบช.ภ2 ปี 2520  เหรียญ หลวงปู่ขาว  รุ่นบช.ภ2 ปี 2520  เหรียญ หลวงปู่ขาว  รุ่นบช.ภ2 ปี 2520
รายละเอียด
ชื่อพระเครื่อง เหรียญ หลวงปู่ขาว รุ่นบช.ภ2 ปี 2520
รายละเอียด เหรียญ หลวงปู่ขาว รุ่นบช.ภ2 ปี 2520

สวยเดิม ตอกโค้ด .อีกหนึ่งรุ่นนิยม ของท่าน

ออกแบบได้สวยงาม มากเหรียญหนึ่ง

หลวงปู่ขาว อนาลโย นามเดิมของท่านชื่อ ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๓๑ ณ บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ บิดาชื่อนายพั่ว มารดาชื่อนางรอด นามสกุล โคระถา หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด ๗ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๔ คน โดยหลวงปู่เป็นบุตรคนที่๔ สมัยเป็นฆราวาสหลวงปู่มีอาชีพทำนา และค้าขาย ท่านเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีนิสัยซื่อสัตย์สุจริต โอบอ้อมอารีต่อญาติมิตรเพื่อนฝูง เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ท่านได้สมรสกับนางมี และได้อยู่กินด้วยกันจนมีบุตรธิดารวม ๓ คน



พบมรสุมชีวิต

หลวงปู่ขาว ได้ใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ถึง ๑๑ ปี ท่านก็ต้องมาประสบพบเหตุสะเทือนใจ คือ ภรรยาของท่านไม่ตั้งอยู่ในความสันโดษ กล่าวคือได้คบชู้สู่ชายอื่น ซึ่งหลวงปู่จับได้คาตา ในช่วงเวลานั้นหลวงปู่แทบสะกดใจไว้ไม่อยู่ เงื้อมีดดาบขึ้นหมายสังหารคนทั้งสองให้ตายคามือ แต่ด้วยอำนาจฝ่ายดีได้ยับยั้งท่านไว้ เมื่อฝ่ายชายสารภาพผิดและกราบขอชีวิต เหตุฆาตกรรมจึงไม่เกิดขึ้น เหตุการณ์ในครั้งนั้นถือเป็นจุดหักเหของชีวิต ทำให้หลวงปู่ตัดสินใจสละบ้านเรือน แล้วท่านก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่นั้นมา



แสวงหาครูบาอาจารย์

หลวงปู่ขาวได้ออกบวชเป็นพระภิกษุในสังกัดมหานิกาย ที่วัดโพธิ์ศรี บ้านเกิดของท่าน ท่านได้อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยในวัดโพธิ์ศรีนานถึง ๖ ปี ในเวลาที่อยู่ในวัดนั้น ท่านได้สังเกตดูครูบาอาจารย์และเพื่อนภิกษุสามเณรประพฤติปฏิบัติธรรมไม่เป็นที่จับใจ ไม่สมเจตนาที่ออกบวช เพื่อมรรคผลนิพพาน เมื่อพิจารณาดูแล้วท่านจึงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ออกธุดงค์เพื่อมุ่งหาครูบาอาจารย์ ในเวลาที่ออกธุดงค์อดอยากลำบากกายอยู่นั้น ท่านได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน พำนักอยู่ที่วัดอรัญญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลวงปู่ขาวจึงออกธุดงค์มุ่งสู่สถานที่พำนักของหลวงปู่มั่นเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ทันที แต่เมื่อไปถึงถึงปรากฏว่า หลวงปู่มั่นได้ออกจาริกไปที่อื่นแล้ว ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้พบพระอาจารย์ใหญ่



ญัตติกรรมเป็นธรรมยุต

หลวงปู่ขาว อนาลโย มีความคิดที่จะเปลี่ยนญัตติเป็นพระธรรมยุต เพราะ จะทำให้การปฏิบัติเยี่ยงพระธุดงคกรรมฐาน มีความสะดวกใจมากขึ้น ไม่เช่นนั้นการอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่มั่นคงจะลำบาก ท่านจึงได้เดินทางมาที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เพื่อทำการญัตติเป็นธรรมยุต ก็ได้พบกับหลวงปู่หลุย จันทสาโร ซึ่งเป็นพระธรรมยุตอยู่แล้วแต่ต้องเข้ารับการญัตติใหม่ เพราะสงสัยในพระอุปัชฌาย์ว่าไม่บริสุทธิ์ การบวชคราวก่อนจึงถือเป็นโมฆะ ต้องบวชใหม่ และเริ่มต้นนับพรรษาใหม่ หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่หลุย จึงได้ญัตติกรรมพร้อมกัน โดยหลวงปู่ หลุยเป็นนาคขวา หลวงปู่ขาวเป็นนาคซ้าย ณ พัทธสีมาวัดโพธิสมภรณ์ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๘ โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์



นิมนต์หลวงปู่ตื้อช่วยขับผีตีนเดียว

หลวงปู่ขาวได้เที่ยววิเวกอยู่แถวพระพุทธบาทบัวบก จ.อุดรธานี ท่านได้รู้จักกับหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ซึ่งไปบำเพ็ญเพียรในสถานที่นั้นด้วย อยู่มาคืนหนึ่งปรากฏว่า ผีตีนเดียวออกมาหลอกหลอนรบกวนพระเณรที่บำเพ็ญเพียรอยู่แถวนั้น โดยเฉพาะพระเณรที่บวชใหม่ๆต่างกลัวผีตีนเดียวกันจนไม่เป็นอันภาวนา หลวงปู่ขาวบอกกับพระเณรว่า “ ก็เห็นแต่ท่านตื้อนี่แหละที่จะปราบผีตีนเดียวได้ ” จึงไดนิมนต์ให้หลวงปู่ตื้อช่วยจัดการ

หลวงปู่ตื้อจึงบอกพระเณรให้ช่วยกันเก็บหินห่อใส่ผ้าไว้ พอตกตอนกลางคืนผีตีนเดียวก็โผล่ออกมาจากภูเขา หลวงปู่ตื้อรอท่าอยู่แล้ว พอผีเข้ามาใกล้ท่านก็เอาก้อนหินปาใส่มันชนิดไม่ยั้ง ผีตีนเดียววิ่งหนีลงไปตามไหล่เขา หลวงปู่ตื้อก็วิ่งไล่ขว้างอย่างไม่ลดละ พอหินหมดหลวงปู่ตื้อก็เดินกลับมา พอมาถึงท่านพูดว่า “ เวลาไล่ไอ้ตีนเดียวทำไมรู้สึกว่าใช้เวลาประเดี๋ยวเดียว แต่พอเดินกลับมันไกลเหลือเกิน เกือบจะมาไม่ถึงวัดซะแล้ว ”



พญานาคบันดาลน้ำมาให้

หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ออกธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม บนเทือกเขาภูพาน วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลจนเปียกโชกไปหมด คอเริ่มแห้ง น้ำที่เตรียมไว้ก็หมดเกลี้ยงไม่มีเหลืออยู่เลย

หลวงปู่ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ กำหนดจิตไว้ที่ฝ่าเท้า พร้อมกับบริกรรมพุทโธ ตามจังหวะที่ก้าวย่าง ปรากฏไปพบร่องรอยธารน้ำแห่งหนึ่ง ท่านทั้งสองจึงเดินตามร่องน้ำนั้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววของน้ำเลย จึงได้นั่งพักเอาแรงอยู่ใต้โคนไม้ใหญ่ หลวงปู่ขาวจึงได้กำหนดจิตเป็นสมาธิแล้วอธิษฐานในใจว่า “ ท่านเทวดาฟ้าดิน พญานาค พญาครุฑ ทั้งหลาย จะไม่สงสารพระกรรมฐานที่กำลังกระหายน้ำจวนเจียนจะสิ้นชีวิต ที่ลำบากสุดแสนนี้บ้างหรือ ” ทันใดนั้นเหมือนปาฏิหาริย์ ก็มีน้ำไหลจากทางต้นลำธาร มีมากพอให้ได้ดื่มกิน หลวงปู่ทั้งสองมองเห็นน้ำใสบริสุทธิ์ไหลมาชนิดไม่คาดคิด จึงได้พากันดื่มดับกระหาย ล้างหน้าล้างตัวอย่างสดชื่น เมื่อท่านทั้งสองได้ดื่มกินและเตรียมใส่กระติกไว้เรียบร้อยแล้ว น้ำในลำธารก็ได้ซึมหายลงไปในดินทันที



ติดตามพระอาจารย์ใหญ่สู่ล้านนา

ในปี พ.ศ.๒๔๗๐ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้จาริกไปแสวงธรรมทางภาคเหนือ ทำให้บรรดาศิษย์ต่างพากันออกธุดงค์ตามไปเพื่อศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ใหญ่ เช่น หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี , หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ , หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ , หลวงปู่ฝั้น อาจาโร , หลวงปู่แหวน สุจิณโณ , ท่านพ่อลี ธัมมธโร ฯลฯ

หลวงปู่ขาวก็เช่นเดียวกับลูกศิษย์องค์อื่นๆ ท่านได้ออกจาริกไปตามวนาป่าเขาทางภาคเหนือผ่าน จ.พะเยา , จ.ลำปาง เข้าสู่เขต จ.เชียงใหม่ เพื่อตามหาพระอาจารย์มั่น จนได้พบตามที่ตั้งใจ



เผด็จศึกที่สมรภูมิบ้านโหล่งขอด

หลวงปู่ขาวได้มาพำนักที่บ้านโหล่งขอด อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ช่วงนั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าว เย็นวันหนึ่งหลังจากที่ท่านปัดกวาดบริเวณที่พักเสร็จแล้ว หลวงปู่ก็ออกจากที่พักไปสรงน้ำ ท่านมองเห็นรวงข้าวในไร่ที่กำลังสุกเหลืองอร่าม ทำให้เกิดปัญหาธรรมผุดขึ้นมาในขณะนั้นว่า “ ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจของคนเราที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุดก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกันกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไป จะต้องพาให้เกิด-ตายไม่หยุด ก็อะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน? ” หลวงปู่พิจารณาทบทวนไปมา โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมาย พิจารณาย้อนหน้าย้อนหลัง โดยอนุโลมและปฏิโลม ด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา ท่านนั่งสมาธิพิจารณาอยู่ภายในกระท่อมกลางดงตั้งแต่หัวคำจนถึงดึกก็ไม่ลดละ จนฟ้าใกล้สาง ในที่สุดก็ตัดสินกันลงได้ อวิชชาตกกระเด็นออกจากใจไม่มีเหลือ การพิจารณารวงข้าวของหลวงปู่ มายุติกันที่ข้าวสุก ซึ่งหมดการงอกอีกต่อไป การพิจารณาจิตก็มายุติกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุกขึ้นมาเช่นเดียวกับข้าวสุก จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่างๆ เหลือแต่ความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆ หายสงสัยในพระรัตนตรัย ขณะอวิชชาแตกดับเสมือนหนึ่งโลกธาตุหวั่นไหว เหล่าเทวบุตรเทวดาพากันอนุโมทนาสาธุจนกระเทือนโลกธาตุ รู้สึกเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ ท่านเกิดความอัศจรรย์ใจอยู่คนเดียว พอดีขณะนั้นพระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างบนฟ้า ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชาขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์ ถึงวิมุติหลุดพ้นในเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์อุทัย ขณะออกบิณฑบาต ใจก็อิ่มธรรม มองเห็นชาวป่าชาวเขาที่อุปัฏฐากดูแลมาราวกับเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ จิตระลึกถึงบุญคุณที่เขามีต่อท่านอย่างเหลือล้นสุดจะพรรณนา





อดีตชาติหลวงปู่ขาว

หลวงปู่ขาวท่านเคยบวชเป็นพระภิกษุมาก่อนแล้วในหลายชาติ แม้ในสมัยพุทธกาลท่านก็เคยบวชเป็นภิกษุอยู่กับพระพุทธองค์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในสมัยนั้นหลวงปู่ได้เข้าร่วมอยู่ในกลุ่มภิกษุ ๕๐๐ รูป ที่หลงเชื่อคำยุยงของพระเทวทัต ทำให้ท่านพลาดโอกาสบรรลุมรรคผลนิพพานไปอย่างน่าเสียดาย มาในชาตินี้ ด้วยบุญบารมีที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ก็อดไม่ได้ที่หลวงปู่จะตั้งหน้าเข้าหาพระธรรม ถึงแม้ว่าท่านจะใช้เวลาให้กับความวุ่นวายทางโลกอยู่ระยะหนึ่งก็ตาม



อาสาเจรจากับช้าง

คราวหนึ่งหลวงปู่ขาวได้ร่วมธุดงค์ไปกับพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์มหาทองสุก สุจิตโต ขณะที่คณะพระธุดงค์เดินไปถึงช่องเขาแห่งหนึ่ง ก็เจอช้างใหญ่ตัวหนึ่งยืนกินใบไผ่ขวางทางอยู่ตรงช่องเขานั้นพอดี หลวงปู่ขาวจึงอาสาเป็นผู้ไปเจรจาขอทางกับช้าง หลวงปู่เดินเข้าไปหาและพูดกับช้างว่า “ พี่ชาย เราขอพูดด้วยสักหน่อยเถิด พอดีพวกเราเดินผ่านมาทางนี้และต้องการจะข้ามเขาไป แต่พี่ชายมายืนขวางทางไว้เราข้ามไปไม่ได้ จึงอยากขอให้พี่ชายช่วยหลีกทางให้เราเดินข้ามไปด้วยเถิด ” พอได้ยินเสียงท่านพระอาจารย์ขาว ช้างใหญ่ตัวนั้นหันหน้าตึงตังมาทันที และทำท่าทางเหมือนจะต่อสู้ เมื่อเห็นดังนั้นหลวงปู่ขาวจึงพูดกับช้างต่อว่า “ พี่ชายเป็นผู้มีกำลังมหาศาล ส่วนพวกเรานั้นมีกำลังอันเล็กน้อย ขอพี่ชายผู้มีกำลังมาก จงได้หลีกทางให้พวกเราเดินผ่านไปด้วยเถิด ” พอพูดจบพลันช้างตัวนั้นก็หันหน้าเข้าไปยังกอไผ่ เอางาสอดเข้าไว้กลางกอไผ่ แล้วยืนสงบนิ่งเหมือนสัตว์ไม่มีวิญญาณ เมื่อเห็นดังนั้นหลวงปู่มั่นพร้อมด้วยลูกศิษย์ทั้งสองจึงได้เดินผ่านทางนั้นไป โดยหลวงปู่ขาวเดินนำหน้า หลวงปู่มั่นเดินกลาง และพระอาจารย์มหาทองสุกเดินหลังสุด แต่ขณะที่เดินผ่านช้างตัวนั้นไปได้ประมาณวาเศษ เผอิญขอกลดของพระอาจารย์มหาทองสุกก็ไปเกี่ยวเอาแขนงไม้ไผ่เข้าพอดี ต้องปลดอยู่นานจนเหงื่อโชกไปทั้งตัวเพราะกลัวช้างมาก พอผ่านไปได้แล้วหลวงปู่ขาวก็หันมาพูดกับช้างว่า “ พี่ชาย เราเดินผ่านมาแล้ว ขอให้พี่ชายหากินได้ตามสบายเถิด ” พอพูดจบช้างตัวนั้นก็ดึงเอางาออกจากกอไผ่ทันที และหากินไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



สอนชาวคริสต์ให้ตักบาตร

ในช่วงที่หลวงปู่ธุดงค์อยู่ในเขต อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ท่านได้เข้าไปบิณฑบาตยังหมู่บ้านชาวคริสต์ ปรากฏว่าไม่มีใครใส่บาตรเลยแม้แต่คนเดียว ท่านทราบจากชาวบ้านว่า หัวหน้าหมู่บ้านได้สั่งห้ามลูกบ้านทุกคนไม่ให้ใส่บาตรพระสงฆ์ หลวงปู่เดินไปยังบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วเขาก็ออกมาบอกกับท่านด้วยน้ำเสียงและท่าทีไม่เป็นมิตรว่า “ หมู่บ้านนี้เป็นชาวคริสต์ ไม่ทำบุญตักบาตร ท่านจงไปทางอื่นเสียเถิด ” หลวงปู่จึงพูดว่า “ พวกท่านก็เป็นคนไทย สายเลือดไทย เกิดในเมืองไทยเช่นกัน คนไทยทุกคนเป็นญาติกัน เป็นพี่น้องกัน แม้จะอยู่คนละจังหวัด คนละที่ก็ตาม เมื่อญาติพี่น้องมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านช่อง สมควรแล้วหรือที่จะไม่ต้อนรับ สมควรแล้วหรือที่จะรังเกียจคนไทยด้วยกัน อาตมามาจากแดนไกล นับถือว่าพวกท่านเป็นญาติ อาตมาจึงกล้ามาถึงบ้านท่าน ถึงแม้พวกท่านจะไม่ให้อะไรแก่อาตมา อาตมาก็ไม่เสียใจ เพราะได้มาถึงบ้านญาติพี่น้องแล้ว ” คำพูดของหลวงปู่ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึงพูดไม่ออก เพราะคำพูดนั้นแทงถูกที่ใจ จึงได้ยกมือไหว้ขอโทษ หลวงปู่ได้พูดต่อไปอีกว่า “ ศาสนานั้นสอนให้คนใจกว้าง สอนคนให้เป็นคนดี ศาสนาไม่เคยสอนให้ตัดญาติขาดมิตร อย่าแตกแยกเพราะนับถือศาสนาต่างกัน ” หลังจากนั้นจึงให้คนไปตามชาวบ้านมาใส่บาตร เมื่อรับบาตรแล้วหลวงปู่จะให้พร พวกเขาก็บอกพวกเขารับพรไม่ได้ หลังจากหลวงปู่ฉันแล้ว ท่านก็ออกเดินทางต่อไป เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านตะขิดตะขวงใจ

ติดตามต่อจาก
http://www.kammatanclub.com/articles/41914532/
ราคาเปิดประมูล50 บาท
ราคาปัจจุบัน50 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูลพฤ. - 21 ก.ค. 2559 - 11:26.32
วันปิดประมูล ส. - 23 ก.ค. 2559 - 13:34.02 ปิดประมูล
ผู้ตั้งประมูล
เบอร์ติดต่อ 086-5604037
แชร์หน้านี้
รายละเอียดราคาประมูล
ราคาปัจจุบัน 50 บาท (ยังไม่ถึงราคาขั้นต่ำ)
เพิ่มครั้งละ100 บาท
การประมูลพระเครื่องนี้ ถูกปิดก่อนกำหนดโดยผู้ตั้งประมูล
เคาะประมูล
กรุณาทำการ เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการประมูลใดๆ
รายละเอียดผู้เสนอราคา
ผู้เสนอราคา ราคา เวลา
ยังไม่มีผู้ประมูล
กำลังโหลด...
Top